มีเรื่องน่าใจหายเกิดขึ้นสำหรับแฟนคลับของหนุ่มๆ TFN (ชื่อเดิม T1419) ทางต้นสังกัดได้ออกมาแจ้งข่าวการพักงานเพื่อรักษาตัวของ ซีอัน เนื่องจากประสบกับอาการวิงเวียนศีรษะและปวดศีรษะที่เกิดจากอาการ โรคหูตึงเฉียบพลัน หรือ หูดับ (Sensorineural Hearing Loss) ซึ่งเป็นการสูญเสียประสาทสัมผัสทางการได้ยิน
แล้วการสูญเสียประสาทสัมผัสทางการได้ยิน เกิดจากอะไร...
ต้องเข้าใจก่อนว่า ระดับความดังของเสียงมีผลต่อสุขภาพ เพราะหากเสียงดังเกินไปก็อาจเป็นอันตรายต่อระบบการได้ยิน หรืออาจกระทบต่อส่วนอื่นๆ ภายในร่างกาย และยังเสี่ยงเป็นโรคประสาทหูเสื่อมได้ คนในสังคมเมืองปัจจุบันมักชอบใส่หูฟังตลอดเวลา หรือชอบทำกิจกรรมอย่างการไปฟังเพลง ดูหนัง หรือไปเดินเล่นในห้างสรรพสินค้า ซึ่งล้วนเสี่ยงเผชิญกับเสียงดังอันทำให้เกิดผลกระทบต่อสุขภาพตามมาได้
ดังนั้น ควรศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับระดับความดังของเสียงที่อาจเป็นอันตราย ผลกระทบต่อสุขภาพที่อาจเกิดขึ้นได้ รวมทั้งการหลีกเลี่ยงผลกระทบเหล่านั้น เพื่อความปลอดภัยในสุขภาพและระบบการได้ยิน
แล้วเสียงดังแค่ไหนถึงจะเป็นอันตรายต่อสุขภาพ...
กิจกรรมต่างๆ ในชีวิตประจำวันนั้นมีระดับเสียงเบาดังแตกต่างกัน อย่างเสียงคุยกันปกติจะมีความดังประมาณ 60 เดซิเบล ซึ่งถือว่าไม่เป็นอันตราย แต่ระดับเสียงที่อาจเป็นอันตราย คือ เสียงที่มีความดังประมาณ 85 เดซิเบลขึ้นไป อย่างเสียงการจราจรบนท้องถนน ซึ่งหากได้ยินความดังระดับนี้เป็นเวลานานอาจมีผลกระทบต่อสุขภาพได้ ยิ่งไปกว่านั้น หากได้ยินเสียงที่มีความดังระดับ 120 เดซิเบลขึ้นไป อย่างเสียงไซเรนของรถพยาบาล อาจทำให้เกิดผลกระทบต่อการได้ยินในทันที แต่โดยปกติเสียงที่ควรได้ยินไม่ควรดังเกิน 80 เดซิเบลและนานต่อเนื่องเกิน 8 ชั่วโมงต่อวัน และการใช้งานอุปกรณ์หูฟังที่ถูกใช้กันอย่างแพร่หลาย ก็มีส่วนที่ทำให้ประสาทหูเสื่อมได้เช่นกัน
โดยทั่วไปแล้วผู้ที่มีเส้นประสาทหูปกติดี จะสามารถได้ยินเสียงที่ระดับ 25 เดซิเบล แต่ถ้าหากต้องใช้เสียงที่ดังมากกว่านี้จึงจะได้ยิน นั่นแสดงว่าเส้นประสาทหูเริ่มเสื่อม และถ้าหากต้องใช้ระดับเสียงที่ดังมากถึง 40 เดซิเบล จึงจะได้ยิน แบบนั้นจัดเป็นผู้พิการที่ต้องใช้เครื่องช่วยฟัง ซึ่งเป็นเครื่องช่วยขยายเสียงแทน
ดังนั้น การหลีกเลี่ยงที่จะอยู่ในพื้นที่ที่มีเสียงดังมากๆ ก็สามารถช่วยให้ลดอัตราการเสี่ยงเป็นโรคประสาทหูเสื่อม และลดอัตราการเสี่ยงหูดับ และหูหนวกได้ ซึ่งหากมีความจำเป็นมากจริงๆ ที่จะต้องอยู่ในพื้นที่ดังกล่าว การใช้ปลั๊กอุดหูก็สามารถช่วยได้เช่นกัน
แล้วการสูญเสียประสาทสัมผัสทางการได้ยิน เกิดจากอะไร...
ต้องเข้าใจก่อนว่า ระดับความดังของเสียงมีผลต่อสุขภาพ เพราะหากเสียงดังเกินไปก็อาจเป็นอันตรายต่อระบบการได้ยิน หรืออาจกระทบต่อส่วนอื่นๆ ภายในร่างกาย และยังเสี่ยงเป็นโรคประสาทหูเสื่อมได้ คนในสังคมเมืองปัจจุบันมักชอบใส่หูฟังตลอดเวลา หรือชอบทำกิจกรรมอย่างการไปฟังเพลง ดูหนัง หรือไปเดินเล่นในห้างสรรพสินค้า ซึ่งล้วนเสี่ยงเผชิญกับเสียงดังอันทำให้เกิดผลกระทบต่อสุขภาพตามมาได้
ดังนั้น ควรศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับระดับความดังของเสียงที่อาจเป็นอันตราย ผลกระทบต่อสุขภาพที่อาจเกิดขึ้นได้ รวมทั้งการหลีกเลี่ยงผลกระทบเหล่านั้น เพื่อความปลอดภัยในสุขภาพและระบบการได้ยิน
แล้วเสียงดังแค่ไหนถึงจะเป็นอันตรายต่อสุขภาพ...
กิจกรรมต่างๆ ในชีวิตประจำวันนั้นมีระดับเสียงเบาดังแตกต่างกัน อย่างเสียงคุยกันปกติจะมีความดังประมาณ 60 เดซิเบล ซึ่งถือว่าไม่เป็นอันตราย แต่ระดับเสียงที่อาจเป็นอันตราย คือ เสียงที่มีความดังประมาณ 85 เดซิเบลขึ้นไป อย่างเสียงการจราจรบนท้องถนน ซึ่งหากได้ยินความดังระดับนี้เป็นเวลานานอาจมีผลกระทบต่อสุขภาพได้ ยิ่งไปกว่านั้น หากได้ยินเสียงที่มีความดังระดับ 120 เดซิเบลขึ้นไป อย่างเสียงไซเรนของรถพยาบาล อาจทำให้เกิดผลกระทบต่อการได้ยินในทันที แต่โดยปกติเสียงที่ควรได้ยินไม่ควรดังเกิน 80 เดซิเบลและนานต่อเนื่องเกิน 8 ชั่วโมงต่อวัน และการใช้งานอุปกรณ์หูฟังที่ถูกใช้กันอย่างแพร่หลาย ก็มีส่วนที่ทำให้ประสาทหูเสื่อมได้เช่นกัน
โดยทั่วไปแล้วผู้ที่มีเส้นประสาทหูปกติดี จะสามารถได้ยินเสียงที่ระดับ 25 เดซิเบล แต่ถ้าหากต้องใช้เสียงที่ดังมากกว่านี้จึงจะได้ยิน นั่นแสดงว่าเส้นประสาทหูเริ่มเสื่อม และถ้าหากต้องใช้ระดับเสียงที่ดังมากถึง 40 เดซิเบล จึงจะได้ยิน แบบนั้นจัดเป็นผู้พิการที่ต้องใช้เครื่องช่วยฟัง ซึ่งเป็นเครื่องช่วยขยายเสียงแทน
ดังนั้น การหลีกเลี่ยงที่จะอยู่ในพื้นที่ที่มีเสียงดังมากๆ ก็สามารถช่วยให้ลดอัตราการเสี่ยงเป็นโรคประสาทหูเสื่อม และลดอัตราการเสี่ยงหูดับ และหูหนวกได้ ซึ่งหากมีความจำเป็นมากจริงๆ ที่จะต้องอยู่ในพื้นที่ดังกล่าว การใช้ปลั๊กอุดหูก็สามารถช่วยได้เช่นกัน
