คุณคิดว่า ออกกำลังกายด้วยวิธีไหน มีค่าใช้จ่ายน้อยที่สุด?
บางคนตอบว่า ‘วิ่ง’ อาจใช่ เพราะสะดวก ง่าย แต่คนที่วิ่งจริงจังสักหน่อย จะรู้ว่าราคารองเท้าวิ่งนั้น ‘ไม่เบา’
ความจริงการออกกำลังกายที่ง่าย สะดวก และย่อมเยาว์กว่านั้น คือ ‘เดิน’
คำถามต่อมาคือ เดินแค่ไหนถึงจะดีต่อสุขภาพ?
บางคนตอบว่า ‘วิ่ง’ อาจใช่ เพราะสะดวก ง่าย แต่คนที่วิ่งจริงจังสักหน่อย จะรู้ว่าราคารองเท้าวิ่งนั้น ‘ไม่เบา’
ความจริงการออกกำลังกายที่ง่าย สะดวก และย่อมเยาว์กว่านั้น คือ ‘เดิน’
คำถามต่อมาคือ เดินแค่ไหนถึงจะดีต่อสุขภาพ?

เมื่อเร็วๆ นี้ (9 สิงหาคม) วารสารป้องกันโรคหัวใจแห่งยุโรป (European Journal of Preventive Cardiology) ตีพิมพ์ผลการศึกษาของ Maciej Banach นักวิจัยชาวโปแลนด์ ระบุว่า การเดิน 3,967 ก้าวต่อวัน ช่วยลดความเสี่ยงเสียชีวิตก่อนกำหนดจากสาเหตุใดๆ ก็ตาม
ผลการศึกษาดังกล่าวมาจากการที่คุณ Banach ย้อนกลับไปดูข้อมูลจากผลการศึกษาก่อนหน้านั้น 17 ชิ้น ที่มีกลุ่มตัวอย่าง 226,889 คน ซึ่งใช้เวลาเฉลี่ย 7 ปีในการประเมินผลสุขภาพจากจำนวนก้าวที่เดินในแต่ละวัน
ผลการศึกษาดังกล่าวมาจากการที่คุณ Banach ย้อนกลับไปดูข้อมูลจากผลการศึกษาก่อนหน้านั้น 17 ชิ้น ที่มีกลุ่มตัวอย่าง 226,889 คน ซึ่งใช้เวลาเฉลี่ย 7 ปีในการประเมินผลสุขภาพจากจำนวนก้าวที่เดินในแต่ละวัน

แล้วการเดิน 3,967 ก้าวนั้นมากแค่ไหน? เคยมีการวัดค่าเฉลี่ยระยะทางกับการก้าวเดินว่า การเดินระยะทาง 1 กิโลเมตร จะต้องก้าวเดิน 1,265-1,515 ก้าว (ขึ้นอยู่กับความสูงของแต่ละคน)
ถ้าคิดเป็นระยะทาง การเดิน 3,967 ก้าว ก็จะประมาณ 2.6-3.1 กิโลเมตร เทียบให้เห็นภาพเท่ากับระยะทางเดินจาก สถานีวัดมังกร ไป สนามหลวง ซึ่งใช้เวลาราว 38 นาที (ดู แผนที่ ด้านล่างประกอบ)
ทีนี้ผลการศึกษาของคุณ Banach ยังระบุเพิ่มเติมว่า ถ้าเดินเพิ่มขึ้นจากจำนวนดังกล่าว (3,967 ก้าวต่อวัน) ทุก 1,000 ก้าวต่อวัน จะลดความเสี่ยงที่จะเสียชีวิตก่อนกำหนดจากเหตุใดก็ตาม 15% หรือถ้าเดินเพิ่มทุก 500 ก้าวต่อวัน ก็ยังช่วยลดการเสียชีวิตจากโรคหัวใจและหลอดเลือดลงได้ 7%
สมมติถ้าเดินเพิ่มขึ้น 1,000 ก้าวต่อวัน (4,967 ก้าวต่อวัน) ก็ประมาณ 3.2-3.9 กิโลเมตร หรือเดินเพิ่ม 500 ก้าวต่อวัน (4,467 ก้าวต่อวัน) จะเท่ากับ 2.9-3.5 กิโลเมตร (ระยะทางข้างต้นจะเท่ากับจุดไหนไปที่ใด ลองเทียบเคียงกับ Google Maps กันดู)
พูดถึงการเดินออกกำลังกายแล้ว ความจริงไม่ใช่เรื่องใหม่ เพียงแต่เป็นสิ่งที่ขาดหายไปในยุคสมัยนี้ที่วิถีชีวิตและกิจกรรมของผู้คนถูกตอกตรึงไว้กับ ‘จอ’ สมาร์ทโฟน (หรือจออื่นใดก็ตาม)
การเดินนอกจากจะช่วยให้สุขภาพแข็งแรง ยังช่วยให้ ‘เห็น’ และ ‘รู้’ จากการได้สำรวจสิ่งต่างๆ ในระดับสายตาอีกด้วย
ยกตัวอย่างนักปราชญ์ไทย (ที่คนสมัยนี้อาจไม่ค่อยรู้จัก) อย่างพระยาอนุมานราชธน (พ.ศ.2431-2512) ครั้งเมื่อเป็นอธิบดีกรมศิลปากร ซึ่งอยู่ติดกับมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ ตกเย็นเลิกงาน ท่านจะเดินกลับบ้านที่อยู่ถนนเดโช (ย่านสีลม) ซึ่งเป็นระยะทางไกลไม่น้อย เทียบจากแผนที่ Google Maps มีระยะทางประมาณ 5.8 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินเท้า 1 ชั่วโมง 12 นาที (ดู แผนที่ ด้านล่างประกอบ)
เล่ากันว่านอกจากเดินเพื่อออกกำลังกายแล้ว พระยาอนุมานราชธนยังใช้ช่วงเวลานั้นเก็บความรู้จากผู้คนในตรอกซอกซอยที่ผ่านไปด้วย เช่น ครั้งหนึ่งมีเด็กทะเลาะกันเรื่อง ‘ตูด’ กับ ‘ก้น’ ต่างกันอย่างไร ท่านก็หูผึ่ง เพราะท่านประชุมกับราชบัณฑิตเรื่องนี้แล้วยังตกลงกันไม่ได้
“อ้ายโง่ มึงยังไม่รู้เลยตูดต่างกับก้นอย่างไร” เด็กคนแรกพูด
“ตูดมีไว้ขี้โว้ย ก้นมีไว้นั่ง” เด็กอีกคนตอบ
เออจริง ของมัน--พระยาอนุมานราชธนนึกตาม
ถ้าคิดเป็นระยะทาง การเดิน 3,967 ก้าว ก็จะประมาณ 2.6-3.1 กิโลเมตร เทียบให้เห็นภาพเท่ากับระยะทางเดินจาก สถานีวัดมังกร ไป สนามหลวง ซึ่งใช้เวลาราว 38 นาที (ดู แผนที่ ด้านล่างประกอบ)
ทีนี้ผลการศึกษาของคุณ Banach ยังระบุเพิ่มเติมว่า ถ้าเดินเพิ่มขึ้นจากจำนวนดังกล่าว (3,967 ก้าวต่อวัน) ทุก 1,000 ก้าวต่อวัน จะลดความเสี่ยงที่จะเสียชีวิตก่อนกำหนดจากเหตุใดก็ตาม 15% หรือถ้าเดินเพิ่มทุก 500 ก้าวต่อวัน ก็ยังช่วยลดการเสียชีวิตจากโรคหัวใจและหลอดเลือดลงได้ 7%
สมมติถ้าเดินเพิ่มขึ้น 1,000 ก้าวต่อวัน (4,967 ก้าวต่อวัน) ก็ประมาณ 3.2-3.9 กิโลเมตร หรือเดินเพิ่ม 500 ก้าวต่อวัน (4,467 ก้าวต่อวัน) จะเท่ากับ 2.9-3.5 กิโลเมตร (ระยะทางข้างต้นจะเท่ากับจุดไหนไปที่ใด ลองเทียบเคียงกับ Google Maps กันดู)
พูดถึงการเดินออกกำลังกายแล้ว ความจริงไม่ใช่เรื่องใหม่ เพียงแต่เป็นสิ่งที่ขาดหายไปในยุคสมัยนี้ที่วิถีชีวิตและกิจกรรมของผู้คนถูกตอกตรึงไว้กับ ‘จอ’ สมาร์ทโฟน (หรือจออื่นใดก็ตาม)
การเดินนอกจากจะช่วยให้สุขภาพแข็งแรง ยังช่วยให้ ‘เห็น’ และ ‘รู้’ จากการได้สำรวจสิ่งต่างๆ ในระดับสายตาอีกด้วย
ยกตัวอย่างนักปราชญ์ไทย (ที่คนสมัยนี้อาจไม่ค่อยรู้จัก) อย่างพระยาอนุมานราชธน (พ.ศ.2431-2512) ครั้งเมื่อเป็นอธิบดีกรมศิลปากร ซึ่งอยู่ติดกับมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ ตกเย็นเลิกงาน ท่านจะเดินกลับบ้านที่อยู่ถนนเดโช (ย่านสีลม) ซึ่งเป็นระยะทางไกลไม่น้อย เทียบจากแผนที่ Google Maps มีระยะทางประมาณ 5.8 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินเท้า 1 ชั่วโมง 12 นาที (ดู แผนที่ ด้านล่างประกอบ)
เล่ากันว่านอกจากเดินเพื่อออกกำลังกายแล้ว พระยาอนุมานราชธนยังใช้ช่วงเวลานั้นเก็บความรู้จากผู้คนในตรอกซอกซอยที่ผ่านไปด้วย เช่น ครั้งหนึ่งมีเด็กทะเลาะกันเรื่อง ‘ตูด’ กับ ‘ก้น’ ต่างกันอย่างไร ท่านก็หูผึ่ง เพราะท่านประชุมกับราชบัณฑิตเรื่องนี้แล้วยังตกลงกันไม่ได้
“อ้ายโง่ มึงยังไม่รู้เลยตูดต่างกับก้นอย่างไร” เด็กคนแรกพูด
“ตูดมีไว้ขี้โว้ย ก้นมีไว้นั่ง” เด็กอีกคนตอบ
เออจริง ของมัน--พระยาอนุมานราชธนนึกตาม

เรื่องที่ยกมา สุลักษณ์ ศิวรักษ์ ศิษย์พระยาอนุมานราชธนที่ต่อมาได้รับยกย่องเป็น ‘ปัญญาชนสยาม’ เขียนเล่าไว้ในบทความ ‘ผู้ดีเดินตรอก’ โดยพูดถึงเรื่องการเดินออกกำลังกายตอนเช้าว่า เป็นเรื่องที่คนร่วมสมัยกับท่าน (พระยาอนุมานราชธน) ก็นิยมกันหลายคน “เรียกอย่างฝรั่งว่า morning walk คงเอาอย่างมาจาก คนอังกฤษที่มาเป็นใหญ่อยู่ในราชการไทยตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 เป็นต้นมา”
หรือยกตัวอย่างให้ร่วมสมัยขึ้นมาหน่อย ครั้งหนึ่งเมื่อ พ.ศ.2556 ผู้ดำเนินรายการสัมภาษณ์ในงานทอล์กงานหนึ่งถาม ธนญชัย ศรศรีวิชัย หรือ ‘พี่ต่อ’ ผู้กำกับโฆษณามือรางวัลระดับโลกว่า เขาหา ‘ไอเดีย’ มาจากไหน?
หรือยกตัวอย่างให้ร่วมสมัยขึ้นมาหน่อย ครั้งหนึ่งเมื่อ พ.ศ.2556 ผู้ดำเนินรายการสัมภาษณ์ในงานทอล์กงานหนึ่งถาม ธนญชัย ศรศรีวิชัย หรือ ‘พี่ต่อ’ ผู้กำกับโฆษณามือรางวัลระดับโลกว่า เขาหา ‘ไอเดีย’ มาจากไหน?

ธนญชัยบอกว่า “ผมใช้วิธีออกเดินไปเรื่อยๆ การออกเดินทำให้เห็นชีวิตจริง สะดุดอะไร ก็เก็บได้ทันที”
และ “การเดินยังทำให้เห็น ได้ยิน จากนั้นจะวิเคราะห์ลักษณะนิสัย ความแตกต่าง เกิดความเชื่อมโยง ที่ไม่ว่าจะเป็นนักออกแบบ หรือสถาปนิกก็จะมองเห็น เชื่อมโยงได้”
ถึงบรรทัดนี้ คุณคงรู้แล้วว่า การเดินนอกจากทำให้อายุยืนขึ้นอีกหน่อยแล้ว ยังต้นทุนต่ำ แถมได้ความรู้ ความคิด และไอเดียอีกด้วย
ลงทุนน้อย แต่ได้รีเทิร์นขนาดนี้ ลองหาเวลาออกเดินกันหน่อย ก็ดีเหมือนกัน
และ “การเดินยังทำให้เห็น ได้ยิน จากนั้นจะวิเคราะห์ลักษณะนิสัย ความแตกต่าง เกิดความเชื่อมโยง ที่ไม่ว่าจะเป็นนักออกแบบ หรือสถาปนิกก็จะมองเห็น เชื่อมโยงได้”
ถึงบรรทัดนี้ คุณคงรู้แล้วว่า การเดินนอกจากทำให้อายุยืนขึ้นอีกหน่อยแล้ว ยังต้นทุนต่ำ แถมได้ความรู้ ความคิด และไอเดียอีกด้วย
ลงทุนน้อย แต่ได้รีเทิร์นขนาดนี้ ลองหาเวลาออกเดินกันหน่อย ก็ดีเหมือนกัน