เคล็ดลับการอ่านหนังสือสอบ แบบที่สมองทำงานไม่หนัก ไม่ต้องโต้รุ่งจนเป็นแพนด้า

9 ส.ค. 2566 - 06:01

  • ในยุคปี 2000 เป็นช่วงพีคมากของเด็ก ม.6 ที่ต้องดื่ม ‘แบรนด์ซุปไก่สกัด’ เพื่อชิงที่นั่งเข้าติวเอ็นทรานซ์ประจำปี

  • เคยมีวลีติดปากคนไทยช่วงหนึ่ง ที่ว่า “อยากเป็นหมอต้องเปปทีน”

  • เคล็ดลับการอ่านหนังสือสอบที่จะทำให้สอบได้โดยทำให้สมองไม่ทำงานหนักจนเกินไป

Tips-reading-textbook-for-exam-SPACEBAR-Thumbnail
การศึกษาไทย ยิ่งนานวันเข้าก็ผุดการสอบขึ้นมามากขึ้น ถ้าหากย้อนกลับไปในสมัยก่อน คงมีเพียงการสอบแข่งขันเพื่อเข้าเรียนในระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 และ 4 และนอกจากการสอบแข่งขันเพื่อเข้าเรียนในชั้นมัธยมแล้ว พี่ๆ มัธยมศึกษาปีที่ 6 จะต้องใจอ่านหนังสือ เพื่อเตรียมสอบ ‘เอ็นทรานซ์’ เพื่อเข้าเรียนในระดับชั้นอุดมศึกษา หรือที่เรียกว่า สอบเพื่อเข้ามหาวิทยาลัยนั่นเอง  

ซึ่งถ้าหากเปรียบเทียบการสอบเอ็นทรานซ์ก็คือการสอบ ‘แอดมิชชั่น’ ในปัจจุบันเนี่ยแหละ แต่ไม่ต้องใช้ผลสอบอื่นๆ เช่น GAT-PAT, A-Level, 7 วิชาสามัญ และอื่นๆ ยื่นร่วม แต่เป็นการสอบเพียงครั้งเดียว และใช้คะแนนจากที่เดียวเท่านั้น ไม่เอาเกรดในห้องเรียนมาร่วม แต่ไม่สามารถแก้ตัวได้ หากเอ็นทรานซ์ไม่ติด ก็ต้องรอสอบใหม่ในปีถัดไป 

ซึ่งในปี 2552 ได้มีการเปลี่ยนระบบจาก เอ็นทรานซ์ เป็นการ แอดมิชชั่น ซึ่งในปีนั้น จะใช้คะแนนจากการสอบต่างๆ มารวมกันให้ได้ค่าน้ำหนักคะแนน ประกอบด้วยเกรดจากการเรียนในโรงเรียน ที่เรียกว่า GPAX, คะแนน O-NET ที่บังคับสอบกันทุกคน และคะแนนการสอบ GAT-PAT ที่เลือกได้ว่าจะสอบหรือไม่ แต่การสอบแต่ละครั้ง มีค่าใช้จ่ายที่ตามมา ยิ่งมีการสอบเยอะ ผู้ปกครองก็ต้องควักเงินจ่ายเยอะนั่นเอง  

หากพูดถึงการสอบ และการอ่านหนังสือสอบ หลายคนก็กุมหัวแล้ว เพราะว่าในปัจจุบันมีการสอบที่มากขึ้น และสอบถี่มากๆ ทั้งสอบในห้องเรียน สอบมิดเทอม สอบไฟนอล สอบประเมินผลต่างๆ อ่านหนังสืออย่างไรถึงจะทัน งานนี้หัวยุ่งไปหมด  

ในช่วงยุคปี 2000s นับว่าเป็นช่วงพีคมากของเด็ก ม.6 เพราะทุกคนแทบจะดื่ม ‘แบรนด์ซุปไก่สกัด’ เพื่อชิงที่นั่งเข้าติวเอ็นทรานซ์ประจำปี นอกจากนี้ ยังมีมอตโต้ติดปากเกี่ยวกับเครื่องดื่มบำรุงสมองที่ว่า “อยากเป็นหมอ ต้องเปปทีน” ด้วย ช่วงนั้นจึงถือว่าเป็นช่วงทำคะแนนให้กับเครื่องดื่มทั้ง 2 แบรนด์นี้มาก เพราะเข้าช่วงสอบปุ๊บ เครื่องดื่มเหล่านี้แทบจะหมดเชลฟ์ทันที 

แต่ก็ว่าแหละเนอะ สอบถี่ขนาดนี้ ดื่มแบรนด์หรือเปปทีน อาจจะช่วยได้ไม่ทัน งั้นมาลองทริกนี้ดูไหม กับเคล็ดลับการอ่านหนังสือสอบที่จะทำให้สมองไม่ล้า ไม่ทำงานหนัก จำได้ดีขึ้น และไม่ต้องโต้รุ่งให้เป็นแพนด้า  

ข้อแรก – นอนหลับให้เพียงพอ การนอนให้ครบ 7-9 ชั่วโมง ไม่ขาดไม่เกิน และเข้านอนในช่วง 3-4 ทุ่ม ของทุกวัน จะช่วงให้สมองได้รับการพักผ่อนที่เพียงพอ  

ข้อสอง – แบ่งเวลาในการใช้วิชิตให้ได้ การแบ่งเวลาที่ชัดเจน นอกจากจะทำให้เป็นคนตรงต่อเวลาแล้ว จะทำให้เราสามารถจัดสรรเวลาในแต่ละวันได้ดียิ่งขึ้นด้วย 

ข้อสาม - อ่านหนังสือด้วยความเข้าใจไม่ใช่ท่องจำ การศึกษาของประเทศไทย คุณครูมักจะเน้นให้นักเรียนท่องจำ มากกว่าสอนให้ทำความเข้าใจ ซึ่งถ้าหากนักเรียนอ่านโดยการท่องจำ แน่นนอนว่าสอบเสร็จปุ๊บ ลืมปั๊บแน่นอน เท่ากับว่าสิ่งที่เรียนมาตลอดเทอม มีไว้แค่สอบเท่านั้น ฉะนั้นลองทำความเข้าใจกับบทเรียนดู จะทำให้จำได้ง่ายขึ้น สงสัยตรงไหน ลองหาคำตอบดู และจะทำให้ผู้อ่านได้รู้ มากกว่าจำ 

ข้อสี่ - เขียนสรุปสั้นๆ เอาไว้เตือนความจำ การอ่านหนังสือด้วยความเข้าใจนั้น แน่นอนว่าถ้ามันเยอะมากๆ สมองอาจจะมีหลงลืมไปได้ การเขียนสรุปเป็นบทๆ และเอากลับมาอ่านเตือนความรู้อีกครั้ง จะทำให้ง่ายต่อการสอบมากขึ้น เมื่ออาจารย์ให้แนวข้อสอบมา เราเพียงอ่านสรุปสั้นที่อาจารย์ให้มาก็สอบได้แล้ว 

ข้อห้า – ติวกับเพื่อนเป็นเรื่องที่ดี การติวกับเพื่อน ไม่ได้หมายความว่าเราไปเปิดห้องอ่านหนังสือส่วนตัวที่ Co-Working Space แล้วนั่งอ่านเงียบๆ ของใครของมัน แต่ควรเป็นการนัดแนะและกำหนดเวลาว่าเราจะอ่านวิชาไหน นานเท่าไหร่ จากนั้น ให้ผลัดกันตั้งคำถามให้เพื่อนอีกคนตอบ ทำวนไปเรื่อยๆ เพราะเมื่อเกิดความสงสัย ก็ต้องหาคำตอบ และการหาคำตอบจะทำให้เราจำได้โดยอัตโนมัติ 

ข้อหก - เขียนด้วยมือ จะจำง่ายมากกว่าพิมพ์ แน่นอนว่า การสอบข้อเขียน อาจารย์จะให้กระดาษมาเขียนคำตอบอยู่แล้ว ถ้าหากเราอ่านไป และสรุปเนื้อหาโดยการเขียนไปด้วย จะทำให้จำเนื้อหาบางส่วนได้มากขึ้น และหลักการใช้สีเพื่อช่วยจำก็สามารถช่วยได้จริง ใช้ไฮไลต์ตกแต่ง ไม่ใช่เพื่อความสวยงามอย่างเดียว แต่ช่วยเรื่องความจำได้ด้วย 

ทั้งหมดทั้งมวลนี้ เป็นหลักการอ่านหนังสือสอบที่สามารถช่วยให้เหล่านักเรียนสที่กำลังเผชิญหน้ากับการสอบนั้น สามารถเพิ่มประสิทธิภาพในการอ่านมากยิ่งขึ้น แต่สุดท้ายการนอนให้เพียงพอ ไม่มากไม่น้อยจนเกินไป การกินอาหารให้ครบ 5 หมู่ และการให้เวลาพัก รีแล็คให้กับตัวเอง จะช่วยให้สมองทำงานหนักได้น้อยลง และจะช่วยให้ทำข้อสอบได้ง่ายขึ้น  

ส่วนน้องๆ คนไหน กำลังจะเข้าสอบไม่ว่าจะเป็นมิดเทอม ไฟนอล หรือสอบประเมินผลต่างๆ ก็ขอให้ประสบความสำเร็จ ได้คะแนนสอบสูงๆ ผ่านเกณฑ์กันทุกคนนะคะ ♡ 

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์