นี่เป็นเรื่องราวของ ‘ลีวายส์ (LEVI’S)’ ตำนานเครื่องแต่งกายสไตล์ผ้ายีนส์ที่อยู่คู่เคียงกันมาทุกยุค ที่ไม่ว่่าจะคนรุ่นไหน เพศไหน ก็ใส่กันได้แบบโก้ๆ เท่ๆ และกางเกงผ้ายีนส์ลีวายส์ที่ว่าก็ยังเป็นต้นกำเนิดแพตเทิร์นการตัดเย็บแก่กางเกงยีนส์ในโลกยุคปัจจุบันอีกด้วย และสำหรับวันนี้เราไปรู้ถึงประวัติความเป็นมาของแบรนด์ยีนส์ระดับตำนานตลอดกาลตลอดไปอย่างลีวายส์กันเลย!
หลังจากนั้นไม่นานที่เมือง ‘นีมส์’ ณ ประเทศฝรั่งเศษ ได้รับไม้ต่อจากผ้ายีนส์เมืองเจโนวา โดยการคิดค้นและค้นคว้าหาแนวทางใหม่ในการทอผ้า ที่มีความหยาบและคุณภาพสูงกว่า เพื่อนำไปทำการย้อมเป็นสีน้ำเงินคราม (จากต้นคราม) ก่อกำเนิดเป็น ‘เดนิมส์ (De Nimes)’
ต้นกำเนิดผ้ายีนส์
เดิมที ‘ยีนส์’ มีต้นกำเนิดมาจากเมือง ‘เจโนวา’ ในประเทศอิตาลี ผู้ได้ริเริ่มการทอผ้าแบบใหม่ที่มีลักษณะคล้ายผ้าฝ้ายลูกฟูก ซึ่งได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในหมู่ชนชั้นแรงงานและกะลาสีเรือ เนื่องจากผ้ายีนส์จากเมืองเจโนวามีคุณลักษณะที่แข็งแรง ทนทาน และราคาไม่แพง ก่อนจะโด่งดังเป็นที่รู้จักไปยังประเทศฝรั่งเศษ และถูกพลิกแพงชื่อจาก ‘เจโนวา (Genoa)’ เป็น ‘จีนส์ (Genes)’หลังจากนั้นไม่นานที่เมือง ‘นีมส์’ ณ ประเทศฝรั่งเศษ ได้รับไม้ต่อจากผ้ายีนส์เมืองเจโนวา โดยการคิดค้นและค้นคว้าหาแนวทางใหม่ในการทอผ้า ที่มีความหยาบและคุณภาพสูงกว่า เพื่อนำไปทำการย้อมเป็นสีน้ำเงินคราม (จากต้นคราม) ก่อกำเนิดเป็น ‘เดนิมส์ (De Nimes)’
ต้นกำเนิดลีวายส์สู่เครื่องแต่งกายสำหรับชนชั้นแรงงาน
โดยเรื่องราวของกางเกงยีนส์ลีวายส์ได้เริ่มต้นขึ้นใน ‘ยุคตื่นทอง’ (ยุคที่มีการพบแร่ทองคำและผู้คนแห่แหนกันเข้าเหมืองเพื่อแสวงโชคโดยการขุดทอง) ‘ลีวาย สเตราส์ (Levi Strauss)’ ชายหนุ่มเยอรมันเชื้อสาวยิววัย 18 ปี ได้อพยพครอบครัวที่เหลือมาตั้งถิ่นฐานอยู่ ณ นครนิวยอร์กเพื่อทำธุรกิจค้าขายกับพี่ชาย หลังจากพ่อของเขาเสียชีวิตจากวัณโรคไปได้สองปี
ลีวายได้เริ่มการทำธุรกิจจากการเป็นพ่อค้าเดินหาบเร่ขายสินค้าจากร้านของพี่ชาย ซึ่งสินค้าที่ว่าก็จะมีหลากหลายทั้งเสื้อผ้า, สิ่งทอ และอุปกรณ์ของใช้ต่างๆ และเมื่อถึงปี ค.ศ.1853 ลีวายกับครอบครัวก็ได้ขยับขยายธุรกิจโดยการไปตั้งรกรากอยู่ทางฝั่งตะวันตกของอเมริกา ณ เมืองซานฟรานซิสโกในยุคที่เหมืองทองกำลังเจริญรุ่งเรืองโดยใช้ชื่อร้านขายของจำพวกเสื้อผ้าและสิ่งทอว่า ‘Levi Strauss & Co.’
และหลังจากนั้นไม่นานลีวายก็ได้กลายเป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จในซานฟรานซิสโกจากการขายสินค้าให้กับคนงานเหมืองแร่ทางฝั่งตะวันตกที่มีจำนวนมหาศาล และในที่สุดจุดเริ่มต้นของกางเกงยีนส์ลีวายส์ที่กลายเป็นต้นแบบของกางเกงยีนส์ยุคต่อๆ มาก็ได้เริ่มต้นขึ้น
โดยในปี ค.ศ. 1872 ‘เจคอบ เดวิส (Jacob Davis)’ ลูกค้าประจำที่สั่งซื้อผ้าจากร้านลีวายส์และยังเป็นช่างเย็บผ้าให้กับเหล่ากรรมกร ได้เกิดไอเดียบรรเจิดในการใช้หมุดโลหะตอกตามแนวของกระเป๋าและตะเข็บของกางเกงเพื่อเสริมความแข็งแรงทนทาน ตอบโจทย์เหล่าคนงานในเหมืองที่ต้องขุดเพื่อแสวงหาทองกันแบบหนักหน่วง จนเสื้อผ้าขาดวิ่น ทำให้กางเกงที่ทำจากผ้าที่สั่งซื้อจากทางร้านลีวายส์และตอกด้วยหมุดโลหะกลายเป็นที่นิยมขึ้นมาทันตาเห็น
และหลังจากนั้นไม่นานลีวายก็ได้กลายเป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จในซานฟรานซิสโกจากการขายสินค้าให้กับคนงานเหมืองแร่ทางฝั่งตะวันตกที่มีจำนวนมหาศาล และในที่สุดจุดเริ่มต้นของกางเกงยีนส์ลีวายส์ที่กลายเป็นต้นแบบของกางเกงยีนส์ยุคต่อๆ มาก็ได้เริ่มต้นขึ้น
โดยในปี ค.ศ. 1872 ‘เจคอบ เดวิส (Jacob Davis)’ ลูกค้าประจำที่สั่งซื้อผ้าจากร้านลีวายส์และยังเป็นช่างเย็บผ้าให้กับเหล่ากรรมกร ได้เกิดไอเดียบรรเจิดในการใช้หมุดโลหะตอกตามแนวของกระเป๋าและตะเข็บของกางเกงเพื่อเสริมความแข็งแรงทนทาน ตอบโจทย์เหล่าคนงานในเหมืองที่ต้องขุดเพื่อแสวงหาทองกันแบบหนักหน่วง จนเสื้อผ้าขาดวิ่น ทำให้กางเกงที่ทำจากผ้าที่สั่งซื้อจากทางร้านลีวายส์และตอกด้วยหมุดโลหะกลายเป็นที่นิยมขึ้นมาทันตาเห็น
ลีวายส์กางเกงยีนส์ตัวแรกของโลก
ต่อมาเจคอบได้ขอให้ลีวายเข้าร่วมออกทุนจดสิทธิบัตรให้กับกางเกงยีนส์ตอกหมุดของเขาในปี ค.ศ. 1873 ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของ ‘ลีวายส์ (Levi’s)’ กางเกงยีนส์ตัวแรกของโลกหรือที่รู้จักกันดีในนาม ‘กางเกงยีนส์สีน้ำเงิน (Blue Jeans)’กางเกงยีนส์ลีวายส์ได้รับการพัฒนาต่อมาเรื่อยๆ จากไอเทมจาก ‘ยุคตื่นทอง’ ไปสู่ ‘สงครามโลกครั้งที่ 2’ โดยกองทัพได้มีการกำหนดให้เสื้อผ้ายีนส์สีน้ำเงินจากลีวายส์เข้ามามีบทบาทสำหรับชายชาติทหารในกองทัพอเมริกาไปจนถึงยุโรป แทนชุดกากีสีน้ำตาลที่เคยสวมใส่ ก่อนส่งต่อวัฒนธรรมชุดยีนส์ไปยังเหล่าหนุ่มสาวคาวบอยรุ่นลูกรุ่หลานผู้มีใจรักในความคล่องแคล่ว
และถึงแม้ปัจจุบันกางเกงยีนส์จะมีให้เลือกใช้กันแบบหลากหลาย และเป็นสิ่งทีสามารถหาซื้อได้ทั่วไป สำหรับคนทุกเพศ ทุกวัย ไม่จำกัด แต่ถ้าพูดถึงยีนส์แล้ว ก็คงหนีไม่พ้น ‘ยีนส์ลีวายส์’ ที่ไม่ว่าจะผ่านไปอีกกี่ทศวรรษ ความเก๋าก็จะยังคงอยู่คู่ประดับแข้งประดับขา คอยปลุกความเท่ให้แก่ผู้ที่สวมใส่ต่อไปอีกยาวนาน
