ปฏิเสธไม่ได้ว่า ‘บุหรี่ไฟฟ้า’ หรือ ‘พอด’ กลายเป็นไอเท็มที่ฮิตมากในหมู่คนรุ่นใหม่ หลายคนเข้าใจว่ามันปลอดภัยกว่าบุหรี่แบบมวน แต่ความจริงคือควันบุหรี่ไฟฟ้าไม่ได้ทำร้ายแค่คนสูบเองแต่ยังส่งผลกระทบอย่างหนักต่อคนรอบข้างอีกด้วย
ควันหรือไอที่พ่นออกมาจากบุหรี่ไฟฟ้าไม่ได้มีแค่กลิ่นหอมเท่านั้น หากแต่เต็มไปด้วยสารเคมี ไม่ว่าจะเป็น
- นิโคติน: ตัวกระตุ้นระบบประสาทที่ทำให้เกิดการติดบุหรี่
- สารแต่งกลิ่น: หลายตัวเมื่อเผาไหม้แล้วกลับกลายเป็นสารพิษ
- โลหะหนัก: เช่น ตะกั่วและนิกเกิลที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย
- โพรพิลีนไกลคอล: สารในไอควันที่ทำให้แสบคอและระคายเคืองระบบทางเดินหายใจ
ผู้ที่สูดควันบุหรี่ไฟฟ้าทางอ้อมหรือผู้สูบบุหรี่มือ 2 (Second Smokers) มีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคต่างๆ เช่น หอบหืด โรคหัวใจ หรือแม้แต่มะเร็ง เพราะคนไม่สูบที่อยู่ใกล้ๆ คือผู้ที่ต้องสูดควันโดยไม่มีตัวกรอง แถมไม่สามารถควบคุมได้ว่าต้องเจอควันนานแค่ไหนหรือเข้มข้นเท่าไหร่ ยิ่งอยู่นานยิ่งอันตราย
ล่าสุดผู้ใช้เฟซบุ๊ก Nitta Jeerapattananuwong หรือที่รู้จักกันในนาม ‘ครูพี่แนน’ ครูสอนแอคติ้งโค้ช ได้ออกมาบอกเล่าถึงเรื่องราวที่ได้พูดคุยกับคุณหมอหลังจากที่ป่วยเป็นโรคไข้หวัดใหญ่และได้มีการเอ็กซ์เรย์ปอดเนื่องจากมีภาวะปอดอักเสบ แต่สิ่งที่คุณหมอได้ถามครูพี่แนนหลังจากที่เห็นผลเอ็กซ์เรย์ปอดแล้วคือ “แนนดูดพอดหรือเปล่า แนนดูดบุหรี่ไหม แนนดูดกัญชาไหม”
ทางครูพี่แนนเองก็ได้ตอบตามตรงว่าเคยลองพอดแต่ไม่ชอบ ส่วนบุหรี่มวนเธอไม่มีความคิดที่จะแตะเลย แต่เมื่อคุณหมอถามครูพี่แนนต่อว่าได้อยู่ในสภาพสังคมที่แวดล้อมไปด้วยนักสูบไหม ทางครูพี่แนนก็ตอบตามความจริงว่า “อยู่ค่ะ คนในกองถ่ายเขาก็ดูดกัน ครอบครัวก็ดูด พี่ก็ดูด น้องก็ดูด พ่อก็ดูด หลายๆ ครั้งก็คุยอยู่ในกลุ่มที่เขาดูดกันหรือเพื่อนดูดในห้องที่เราอยู่”
เมื่อทราบคำตอบแล้วทางคุณหมอได้บอกกับครูพี่แนนว่า หลังจากที่เอ็กซ์เรย์ปอดพบว่าปอดของครูพี่แนนอยู่ในสภาพ Passive Smoking ซึ่งร้ายแรงกว่าการเป็นผู้สูบเองเยอะมาก มีโอกาสเป็นมะเร็งมากกว่าคนสูบถึงสองเท่า และมีสภาพปอดดำเหมือนปอดที่ได้รับสารเคมีหรือได้รับควันจากพอดมาเป็นเวลานานประมาณ 3-5 ปี จากฟิล์มเอ็กซ์เรย์ที่ออกมาเมื่อเทียบกับการเอ็กซ์เรย์ปอดเมื่อปีก่อนหน้าแค่ปีเดียวเท่านั้นพบว่าสีเปลี่ยนไปมาก สิ่งที่คุณหมอแนะนำครูพี่แนนได้ดีที่สุดคือต้องพาตัวเองให้ออกจากการอยู่ในสิ่งแวดล้อมเหล่านี้

คุณหมอยังได้บอกอีกว่า พอดน่ากลัวกว่าบุหรี่มาก สำหรับคนสูบเองมีโอกาสทำให้เป็นมะเร็งปอดได้ถึง 20% แต่เมื่อเทียบกับฝุ่น PM2.5 อัตราที่จะก่อให้เกิดมะเร็งปอดมีไม่มากเท่าการสูบพอด ส่วนครูพี่แนนที่เป็น Passive Smoking หรือผู้ที่ได้รับควันมือสองจากพอดมีโอกาสเป็นมะเร็งมากกว่าคนสูบถึงสองเท่า
การสูบพอดหรือบุหรี่ไฟฟ้ารวมทั้งบุหรี่มวนในพื้นที่สาธารณะที่ไม่ได้อนุญาตให้สูบมีความผิด และใครที่ยังคงสูบในพื้นที่สาธารณะก็จงพึงระลึกไว้ว่าตัวเองกำลังเป็นฆาตกรทางอ้อมกับคนรอบตัว
สูบในพื้นที่ที่อนุญาตให้สูบหรือที่เรียกว่า Smoking Area ดีกว่าไหม?