เรามักจะได้ยินคำพูดที่ว่า “เด็กควรอยู่ใกล้ชิดธรรมชาติ” หรือ “ธรรมชาติสำคัญสำหรับเด็ก” อยู่เสมอๆ เนื่องจากพวกเขาจะได้สัมผัสอากาศบริสุทธิ์ ใกล้ชิดกับดิน หิน ทราย และห่างไกลจากเทคโนโลยีบ้าง แต่รู้หรือไม่ว่านอกเหนือจากนั้นแล้วการอยู่กับธรรมชาติช่วยได้มากกว่าการเบนความสนใจของเด็กๆ ออกจากจอสีฟ้า เพราะผลวิจัยล่าสุดพบว่า ‘เด็กที่มีบ้านใกล้พื้นที่สีเขียวจะมีกระดูกที่แข็งแรงมากยิ่งขึ้น’
จากการศึกษาล่าสุดของมหาวิทยาลัยฮัสเซลต์ ประเทศเบลเยียม พบว่าเด็กที่มีพื้นที่สีเขียวใกล้บ้าน เช่น สวนสาธารณะ ป่าไม้ ภูเขา น้ำตก หรือทะเล จะมีกระดูกที่แข็งแรงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ อันอาจนำไปสู่ประโยชน์ต่อสุขภาพตลอดชีวิต โดยเด็กๆ ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ธรรมชาติจำนวนกว่า 20-25% มีความแข็งแรงของกระดูกเพิ่มขึ้นเทียบเท่ากับการเติบโตตามธรรมชาติครึ่งปี กล่าวคือเด็กที่มีอายุ 3 ขวบอาจมีส่วนสูงหรือความแข็งแรงของมวลกระดูกเท่ากับเด็กอายุ 3 ขวบครึ่งที่ห่างไกลจากธรรมชาติ
นอกจากนี้ การศึกษายังพบว่าการคลุกคลีกับธรรมชาติสามารถลดความเสี่ยงที่ส่งผลต่อความหนาแน่นของกระดูกได้ถึง 65% ซึ่งโดยทั่วไปความแข็งแรงของกระดูกจะเพิ่มมากขึ้นในช่วงวัยเด็กและวัยรุ่น ก่อนจะค่อยๆ ลดลงตามอายุเรื่อยๆ สำหรับเด็กที่ใช้ชีวิตอยู่บริเวณพื้นที่สีเขียวจะสามารถลดความเสี่ยงของโรคกระดูกหักและโรคกระดูกพรุนเมื่อเข้าสู่วัยผู้สูงอายุได้
ความเชื่อมโยงระหว่างพื้นที่สีเขียวกับกระดูกที่แข็งแรงน่าจะเป็นผลมาจากการออกกำลังกายในระดับที่สูงขึ้นเด็กที่อาศัยอยู่ใกล้ธรรมชาติจะสามารถวิ่งเล่นได้มากกว่า สิ่งนี้จะช่วยกระตุ้นการเจริญเติบโตของกระดูก โดยนักวิจัยกล่าวว่า
“ยิ่งมวลกระดูกแข็งแรงขึ้นในช่วงวัยเด็ก คุณก็จะยิ่งมีสุขภาพที่ดียิ่งขึ้นเมื่ออายุเพิ่มขึ้น’ ศาสตราจารย์ ทิม นอว์รอต จากมหาวิทยาลัยฮัสเซลต์ ในเบลเยียม หนึ่งในผู้ร่วมทีมวิจัยกับ ดร. ฮานน์ สเลอร์ส และคนอื่นๆ กล่าว “ข้อความด้านสาธารณสุขที่แท้จริงจากการศึกษาครั้งนี้ก็คือ นักวางผังเมืองสามารถช่วยสร้างกระดูกของเด็กให้แข็งแรงขึ้นได้ โดยการสร้างสวนสาธารณะและพื้นที่สีเขียวให้มากขึ้น สิ่งนี้จะส่งผลระยะยาวต่อประชากรผู้ขับเคลื่อนประเทศ"
นอกจากงานวิจัยชิ้นนี้ ก่อนหน้านี้มีการค้นพบว่าการเข้าถึงพื้นที่สีเขียวสามารถช่วยเพิ่มกิจกรรมทางกายในเด็ก อันนำไปสู่การลดความเสี่ยงของการมีน้ำหนักเกิน ความดันโลหิตต่ำ เด็กจะมีไอคิวที่สูงขึ้น มีสุขภาพจิตและอารมณ์ที่ดีขึ้นด้วย
ดังนั้น นี่อาจจะเป็นสัญญาณที่ทำให้ต้องขบคิดมากขึ้นว่า ประเทศไทยควรเพิ่มพื้นที่สีเขียวให้มากขึ้นกว่านี้หรือไม่ เพื่อที่ประชาชนในประเทศจะได้มีสุขภาพที่ดีร่วมกันอย่างยั่งยืน
