ณ หัวมุมของถนนเยาวราชตัดกับถนนมังกร คุณจะพบกับอาคารพาณิชย์ 5 ชั้น ตั้งตระหง่าน โดดเด่นด้วยดีไซน์แบบอลังการศิลป์ (Art Deco) และที่นั่นเองที่คุณจะได้พบกับร้าน Chop Chop Cookshop ที่บริเวณชั้น 1 โดยอาคารแห่งนี้ครั้งหนึ่งเคยเป็นทั้งบ้านและร้านทองที่เจ้าของเดิมใช้จัด แสดงทองรูปพรรณต่างๆ และสืบทอดกิจการต่อกันมาจากรุ่นสู่รุ่น จากนั้นเมื่อเชฟเดวิด ทอมป์สันและ ทีมงานเข้ามาสานต่ออาคารแห่งนี้ ทุกคนก็เห็นพ้องต้องกันและตั้งชื่อใหม่ให้อาคารนี้ว่า Goldsmith

เชฟเดวิด ทอมป์สันเล่าถึงที่มาที่ไปของร้าน Chop Chop Cookshop ว่า “ผมรู้ว่าการทำร้านในทำเลนี้ ไม่ใช่เรื่องง่ายเพราะการแข่งขันสูงมาก แต่เพราะตัวอาคารที่มีคาแรคเตอร์และบรรยากาศรอบข้างทำให้ผมปล่อยผ่านไม่ได้จริงๆ ทำเลทองขนาดนี้ คอนเซ็ปต์ต้องดีจริงๆ” Chop Chop Cookshop จึงได้รับแรงบันดาล ใจมาจากร้านกุ๊กช็อป หนึ่งในชนิดของร้านอาหารที่เก่าแก่ที่สุดแบบหนึ่งของกรุงเทพฯ ถือกำเนิดขึ้น ณ ชุมชน ชาวจีนในสมัยก่อน โดยคนจีนไหหลำจะรับหน้าที่เป็นพ่อครัวแม่ครัว เสิร์ฟอาหารให้ผู้คนในบริเวณนั้น ทั้ง อาหารตะวันตก อาหารจีน อาหารไทย
กุ๊กช็อปเป็นร้านอาหารที่เปิดบริการอย่างเต็มรูปแบบร้านแรกในกรุงเทพฯ เป็นสไตล์อาหารที่มีต้นกำเนิดมายาวนาน โดยมีจุดเด่นคือการผสมผสานระหว่างอาหารตะวันตก อาหารจีน และอาหารไทย เมื่อคอนเซ็ปต์กุ๊กช็อปถือกำเนิดขึ้นก็เป็นที่ชื่นชอบของคนทั้งกรุงเทพฯ จนในที่สุดก็มีร้านชนิดนี้เปิดกันให้เห็นในทั่วทุกที่ คนไทยเองก็ชอบร้านกุ๊กช็อปไม่น้อยไปกว่าร้านอาหารประเภทอื่น ช่วงที่รุ่งเรืองที่สุดของร้านกุ๊กช็อปคือช่วงปี ค.ศ. 1930–1970 ทุกครัวเรือนต่างก็ต้องเคยไปร้านกุ๊กช็อปและมีความทรงจำที่ดีกับร้านกุ๊กช็อป แทบจะเรียกได้ ว่ากุ๊กช็อปคือส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมการกินของคนกรุงเทพฯ ได้เลยทีเดียว

มาถึงตรงนี้ขอมาบอกเล่าให้ฟังกันเลยดีกว่าว่าอาหารของร้าน Chop Chop Cookshop นั้นหน้าตา รสชาติ สัมผัสเป็นอย่างไร ด้วยความที่อาหารกุ๊กช็อปได้รับอิทธิพลมาจากหลายวัฒนธรรมการกิน แน่นอนว่า ใครที่เพิ่งได้ลองเป็นครั้งแรกจะต้องรู้สึกเหมือนได้ฟังเพลงทำนองที่ไม่เคยได้ยินมาก่อนแน่นอน เริ่มด้วยออเดิร์ฟ แรกในมื้อนี้คือ Devil on Horseback (160 THB) ลูกพรุนหมักในบรั่นดีอาร์ญักยัดไส้ด้วยตับไก่และอัลมอนด์ ตรงกลางพันด้วยเบคอนและโรยหน้าด้วยพริกป่นละเอียด สิ่งที่เซอร์ไพรส์ที่สุดสำหรับคำนี้คือการที่เมนูนี้ให้ เทกซ์เจอร์ที่นุ่มและไม่แน่นทั้งคำจนสุดท้ายสัมผัสนี้ที่ตอนแรกคิดว่าอาจจะนิ่มไปหน่อย เมื่อถูกเบรกด้วยความ กรุบกรอบของอัลมอนด์เต็มเม็ดจึงเพิ่มรสสัมผัสมากขึ้น สร้างความประทับใจในจานนี้อย่างมาก

จานถัดมาก่อนเข้าสู่อาหารจานหลักคือ Crab Marie Rose (480 THB) เนื้อปูม้ากับค็อกเทลซอส เสิร์ฟ บนผักกาดแก้ว มาคู่กับขนมปังแผ่นผ่าครึ่งพร้อมเนย ถือว่าเป็นอาหารเรียกน้ำย่อยได้ดีทีเดียว

อาหารจานหลักจานแรกในวันนี้คือ Buttered Prawns (550 THB) หรือกุ้งผัดเนย จานนี้อาจจะดูปรุงขึ้น มาง่ายๆ แต่ไม่ใช่ เพราะนอกจากเนยกับกระเทียมแบบทั่วไป จานนี้ยังมาพร้อมถั่วเหลืองและพริกเสฉวนเข้ามา เพิ่มมิติของรสชาติให้กับเราด้วย

อาหารจานถัดมาคือ Debal Curried Sausages (450 THB) อ่านว่า “แกงเดอบัล” ได้รับแรงบันดาลใจ จากแกงเดอบัลหรือแกงปีศาจของโปรตุเกส ปกติแกงนี้จะใช้เนื้อไก่เป็นวัตถุดิบหลัก แต่ Chop Chop Cookshop นำเสนอด้วยไส้กรอกผัดกับพริกไทย ราดด้วยซอสเกรวี่หัวหอมและเครื่องเทศ รสชาติของจานนี้ เหมาะสำหรับคนที่ชอบกลิ่นเครื่องเทศและอาหารรสจัด บอกได้เลยว่าเต็มปากเต็มคำหอมกลิ่นเครื่องเทศมาก

ยิ่งทานคู่กับมันบด Chop Chop Mash (190 THB) ที่มาคู่กันในสไตล์ Chop Chop Cookshop ยิ่งเพิ่มรสชาติ เพราะเป็นมันบดที่ไม่ได้มีแค่มันฝรั่ง เนย กับเกลือแบบทั่วไป แต่ใส่คื่นฉ่ายและเครื่องเทศจีนเข้าไปด้วย

ถ้าหากทานอาหารรสชาติจัดจ้านฟุ้งเต็มปากเต็มคำขนาดนี้จะไม่ทานของหวานปิดท้ายก็คงไม่ได้ วันนี้ เราเลือกทาน Ginger Milk Curd with Macadamia Tuille (230 THB) เมนูที่ให้ความรู้สึกเหมือนเต้าฮวยน้ำขิง รสชาติของขิงถูกสอดแทรกเข้าไปทั้งในตัวเต้าฮวยนมสด เพิ่มมิติด้วยตุอิล หรือที่หลายๆ คนรู้จักในชื่อขนม เบื้องฝรั่งเศส ซึ่งนอกจากขิงแล้วก็ยังมีแมคคาดาเมียอีกด้วย

ร้าน Chop chop Cookshop เปิดทุกวัน (ยกเว้นวันจันทร์และวันอังคาร) 15.00-21.30 น. ใครอยากไปเสาร์อาทิตย์แนะนำว่าโทรจองก่อนได้เลย ที่เบอร์ 097-008-0519