สหรัฐอเมริกาพบผู้ป่วยติดเชื้อร่วมหลายสิบคนจากการใช้น้ำตาเทียม ซึ่งภายหลังพบว่ามีแบคทีเรียเจือปนอยู่ในขวด ทำให้ผู้ป่วยบางคนถึงขั้นสูญเสียการมองเห็น ผ่าตัดเอาดวงตาออก ไปจนถึงเสียชีวิตรวม 2 คน จากการตรวจสอบพบว่ามาจากน้ำตาเทียมยี่ห้อ Artificial Tears Lubricant Eye Drops จัดจำหน่ายโดย EzriCare และ Delsam Pharma โดยตอนนี้ Global Pharma Healthcare กำลังเรียกคืนผลิตภัณฑ์จากร้านที่จำหน่ายเพื่อความปลอดภัยแล้ว
ศูนย์ควบคุมและเฝ้าระวังโรคภัยแห่งสหรัฐอเมริกา หรือ CDC รานงานว่า 68 คน จากั้งหมด 16 รัฐ ติดเชื้อจากแบคทีเรียย้อมติดสีแกรมลบ (Pseudomonas aeruginosa) จากการสำรวจพบว่ามีความเชื่อมโยงกับน้ำตาเทียม Artificial Tears ของ EzriCare มากที่สุด ซึ่งการติดเชื้อมีตั้งแต่บริเวณกระจกตา กระแสเลือด ทางเดินหายใจ และทางเดินปัสสาวะ มีการรายงาน 8 ครั้ง เกี่ยวกับการสูญเสียการมองเห็น การรายงาน 4 ครั้ง เกี่ยวกับความจำเป็นต้องผ่าตัดดวงตาออกเพื่อหยุดการแพร่เชื้อของแบคทีเรีย
ศูนย์ควบคุมและเฝ้าระวังโรคภัยแห่งสหรัฐอเมริกา หรือ CDC รานงานว่า 68 คน จากั้งหมด 16 รัฐ ติดเชื้อจากแบคทีเรียย้อมติดสีแกรมลบ (Pseudomonas aeruginosa) จากการสำรวจพบว่ามีความเชื่อมโยงกับน้ำตาเทียม Artificial Tears ของ EzriCare มากที่สุด ซึ่งการติดเชื้อมีตั้งแต่บริเวณกระจกตา กระแสเลือด ทางเดินหายใจ และทางเดินปัสสาวะ มีการรายงาน 8 ครั้ง เกี่ยวกับการสูญเสียการมองเห็น การรายงาน 4 ครั้ง เกี่ยวกับความจำเป็นต้องผ่าตัดดวงตาออกเพื่อหยุดการแพร่เชื้อของแบคทีเรีย
ล่าสุดมานี้มีการายงานว่าหญิงชราวัย 72 ปี เสียการมองเห็นในดวงตาข้างซ้ายหลังจากใช้น้ำตาเทียม EzriCare Artificial Tears ราวหนึ่งสัปดาห์
“เธอเริ่มสังเกตเห็นภาพเบลอในดวงตาข้างซ้ายไปไม่กี่วัน” ด็อกเตอร์อาเหม็ด โอมาร์ (Dr. Ahmed Omar) แพทย์จักษุจากมหาวิทยาลัยโรงพยาบาลคลีฟแลนด์เมดิคอลเซ็นเตอร์ ผู้รับผิดชอบหญิงชรา กล่าว “ระยะแรกมันไม่มีอาการปวดใดๆ แต่จากข้อมูลของผู้ป่วยและสามีของเธอ เช้าวันหนึ่งเธอตื่นขึ้นมาพบกับคราบสีเหลืองบนหมอน ซึ่งเป็นวันที่เธอสังเกตว่าดวงตามีลักษณะเปลี่ยนไป”
เธอรีบเข้าห้องฉุกเฉิน และพบว่าดวงตาของเธอเป็นแผลตรงกระจกตาข้างซ้าย ลามจนเกือบทั้งหมดของดวงตา เธอแอดมิดอยู่โรงพยาบาลนาน 3 สัปดาห์ รักษาร่วมกับยาปฏิชีวนะและการผ่าตัดหลายครั้ง ด้วยอาการที่ร้ายแรงจึงนำไปสู่การสูญเสียการมองของดวงตาข้างซ้ายในที่สุด
“เธอเริ่มสังเกตเห็นภาพเบลอในดวงตาข้างซ้ายไปไม่กี่วัน” ด็อกเตอร์อาเหม็ด โอมาร์ (Dr. Ahmed Omar) แพทย์จักษุจากมหาวิทยาลัยโรงพยาบาลคลีฟแลนด์เมดิคอลเซ็นเตอร์ ผู้รับผิดชอบหญิงชรา กล่าว “ระยะแรกมันไม่มีอาการปวดใดๆ แต่จากข้อมูลของผู้ป่วยและสามีของเธอ เช้าวันหนึ่งเธอตื่นขึ้นมาพบกับคราบสีเหลืองบนหมอน ซึ่งเป็นวันที่เธอสังเกตว่าดวงตามีลักษณะเปลี่ยนไป”
เธอรีบเข้าห้องฉุกเฉิน และพบว่าดวงตาของเธอเป็นแผลตรงกระจกตาข้างซ้าย ลามจนเกือบทั้งหมดของดวงตา เธอแอดมิดอยู่โรงพยาบาลนาน 3 สัปดาห์ รักษาร่วมกับยาปฏิชีวนะและการผ่าตัดหลายครั้ง ด้วยอาการที่ร้ายแรงจึงนำไปสู่การสูญเสียการมองของดวงตาข้างซ้ายในที่สุด
EzriCare ออกมาชี้แจงเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า “ได้ทำการหยุดการขาย EzriCare Artificial Tears มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ พวกเราพยายามติดต่อกับลูกค้าที่ซื้อไปเพื่อเตือนภัยแล้ว” และมีแพทย์หลายคนกำลังศึกษาเรื่องนี้เพื่อหลีกเลี่ยงเหตุการณ์เช่นนี้ในอนาคต รวมถึงเป็นการเตือนให้กับบริษัทผลิตน้ำตาเทียมแห่งอื่นทั่วโลก
“ถ้าคุณมีอาการเกี่ยวข้องกับดวงตา เช่น ปวดตา ตาแดง หรือการมองเห็นน้อยลง ให้ไปพบจักษุแพทย์โดยทันทีเพื่อทำการตรวจ” ด็อกเตอร์มาริสสา โชจิ (Dr. Marissa Shoji) กล่าว “และตอนไปพบแพทย์ อย่าลืมนำสิ่งที่คิดว่าเป็นสาเหตุไปด้วย เช่น น้ำตาเทียม คอนแทคเลนส์ หรือกล่องเก็บคอนแทคเลนส์”
CDC อธิบายว่าอาการนั้นประกอบด้วย มีของเหลวสีเหลือง เขียว หรือใส ออกจากดวงตา ดวงตามีอาการเจ็บหรือรู้สึกไม่สบาย ดวงตาหรือเปลือกตาแดง รู้สึกเหมือนมีอะไรในดวงตา ดวงตารู้สึกไวต่อแสงมากขึ้น และภาพเบลอ
“ผมคิดว่าตลอดเวลาไม่มีใครคิดหรอกว่าน้ำตาเทียมหรือคอนแทคเลนส์เป็นอุปกรณ์ทางการแพทย์ พวกเขาคิดว่าสิ่งเหล่านี้เป็นเหมือนของซื้อทั่วไปอย่างโลชั่นทาตัวอะไรพวกนั้น” ด็อกเตอร์คริสตินา พลีสก็อต (Dr. Christina Prescott) แพทย์จักษุจากมหาวิทยาลัยนิวยอร์ก กล่าว พร้อมกับแนะนำให้ทุกคนใช้น้ำตาเทียมอย่างระมัดระวัง ควรให้น้ำตาเทียมปลอดเชื้ออยู่เสมอ หลีกเลี่ยงการจับปากขวดด้วยมือ ผิวหนัง หรือดวงตา ห้ามใช้ร่วมกับผู้อื่น รวมถึงห้ามใช้น้ำตาเทียมหมดอายุ
“อะไรก็ตามที่ใส่เข้าไปในดวงตา ถ้ามันเกิดมันปนเปื้อนอะไรเข้า จะเกิดความเสี่ยงติดเชื้อสูงมาก เพราะดวงตาเป็นอวัยวะที่เปราะบางมากที่สุด” เธอกล่าว
“ถ้าคุณมีอาการเกี่ยวข้องกับดวงตา เช่น ปวดตา ตาแดง หรือการมองเห็นน้อยลง ให้ไปพบจักษุแพทย์โดยทันทีเพื่อทำการตรวจ” ด็อกเตอร์มาริสสา โชจิ (Dr. Marissa Shoji) กล่าว “และตอนไปพบแพทย์ อย่าลืมนำสิ่งที่คิดว่าเป็นสาเหตุไปด้วย เช่น น้ำตาเทียม คอนแทคเลนส์ หรือกล่องเก็บคอนแทคเลนส์”
CDC อธิบายว่าอาการนั้นประกอบด้วย มีของเหลวสีเหลือง เขียว หรือใส ออกจากดวงตา ดวงตามีอาการเจ็บหรือรู้สึกไม่สบาย ดวงตาหรือเปลือกตาแดง รู้สึกเหมือนมีอะไรในดวงตา ดวงตารู้สึกไวต่อแสงมากขึ้น และภาพเบลอ
“ผมคิดว่าตลอดเวลาไม่มีใครคิดหรอกว่าน้ำตาเทียมหรือคอนแทคเลนส์เป็นอุปกรณ์ทางการแพทย์ พวกเขาคิดว่าสิ่งเหล่านี้เป็นเหมือนของซื้อทั่วไปอย่างโลชั่นทาตัวอะไรพวกนั้น” ด็อกเตอร์คริสตินา พลีสก็อต (Dr. Christina Prescott) แพทย์จักษุจากมหาวิทยาลัยนิวยอร์ก กล่าว พร้อมกับแนะนำให้ทุกคนใช้น้ำตาเทียมอย่างระมัดระวัง ควรให้น้ำตาเทียมปลอดเชื้ออยู่เสมอ หลีกเลี่ยงการจับปากขวดด้วยมือ ผิวหนัง หรือดวงตา ห้ามใช้ร่วมกับผู้อื่น รวมถึงห้ามใช้น้ำตาเทียมหมดอายุ
“อะไรก็ตามที่ใส่เข้าไปในดวงตา ถ้ามันเกิดมันปนเปื้อนอะไรเข้า จะเกิดความเสี่ยงติดเชื้อสูงมาก เพราะดวงตาเป็นอวัยวะที่เปราะบางมากที่สุด” เธอกล่าว
