SPACEBAR VIBE ชวนคนไทยหัวใจ Sustain ไปอิ่มเอมกับรสสัมผัสอันโอชา กับ 7 เมนูพิเศษจาก ปลาทูธฟิชปาตาโกเนีย (Patagonian Toothfish) ที่คัดสรรจากแหล่งทะเลยั่งยืนติดอันดับโลก กันที่ “ห้องอาหารพาโกด้า ไชนีส เรสเตอรองท์” ห้องอาหารจีนสไตล์กวางตุ้งในโรงแรมแบงค็อก แมริออท มาร์คีส์ ควีนส์ปาร์ค หนึ่งในโรงแรมที่ใส่ใจเรื่องความยั่งยืน (Sustainability) ซึ่งครั้งนี้ตั้งใจนำเสนอปลาทูธฟิชปาตาโกเนีย ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานเพื่อความยั่งยืนของสัตว์น้ำทางทะเล ตลอดเดือนมีนาคม และเมษายน 2568
สำหรับปลาทูธฟิชมาจากการคัดสรรมาอย่างยั่งยืนจากน่านน้ำที่เย็นจัดของหมู่เกาะแกร์เกแลน (Kerguelen Islands) และหมู่เกาะครอเซ (Crozet) ในดินแดนโพ้นทะเลของฝรั่งเศส ซึ่งได้รับการรับรองจาก Marine Stewardship Council (MSC) ว่าเป็นการทำประมงที่มีความยั่งยืน และสามารถตรวจสอบย้อนกลับได้ตลอดห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain) ความพิเศษของปลาชนิดนี้คือการเป็นอาหารทะเลระดับพรีเมียมที่มีเนื้อขาวราวหิมะ มีรสชาติละมุน ให้สัมผัสรสหวานเล็กน้อยตามธรรมชาติ อีกทั้งยังอุดมไปด้วยโอเมก้า 3 ซึ่งมีประโยชน์ต่อสุขภาพหัวใจและหลอดเลือด


เชฟออสก้า ปัน ได้รังสรรค์ 7 เมนูพิเศษที่ใช้เนื้อปลาทูธฟิชอย่างลงตัวในแบบโฮมเมดซอสสูตรพิเศษ ได้แก่ เมนูปลาทูธฟิชนึ่งซีอิ๊วสูตรฮ่องกง ที่หอมกลมกล่อมและช่วยเสริมรสชาติความหวานของปลาให้โดดเด่นยิ่งขึ้น เมนูปลาทูธฟิชซอสพริกหูหนาน ที่เผ็ดร้อนจัดจ้านด้วยซอสพริกโฮมเมดและเครื่องเทศ พร้อมความอูมามิที่ลงตัว


เฮลท์ตี้กันต่อกับ เมนูปลาทูธฟิชนึ่งเต้าซี่ ที่ใช้ซอสถั่วดำสูตรดั้งเดิมซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของอาหารกวางตุ้ง ส่วนเมนูถัดมาที่ไม่ควรพลาดยกให้ เมนูปลาทูธฟิชผัดซอส XO สูตรเชฟออสก้า ที่ให้รสชาติเผ็ดร้อนแต่กลมกล่อมสไตล์ฮ่องกง


อีกเมนูที่ถูกใจคนไทยต้อง ปลาทูธฟิชทอดซอสไข่แดงเค็ม ที่เชฟใช้ไข่แดงเค็มเนื้อเนียนผสานกับซอสสูตรพิเศษ เพิ่มมิติของรสชาติให้เข้มข้นยิ่งขึ้น ใครชอบความจัดจ้านอีกนิด ต้องสั่ง เมนูปลาทูธฟิชผัดขิงต้นหอมที่มีกลิ่นหอมของขิงและต้นหอมผสมผสานกันอย่างลงตัว

ปิดท้ายด้วยเมนูซุปเสฉวนผักดองปลาทูธฟิชทอด เป็นซุปเปรี้ยวร้อนสไตล์เสฉวน ที่มีกะหล่ำปลีดองและพริก ช่วยเติมเต็มรสชาติเปรี้ยวเผ็ดที่เข้ากันได้อย่างลงตัว
ตามไปสัมผัสรสชาติความสดใหม่ของปลาทูธฟิชปาตาโกเนีย ที่คัดสรรจากแหล่งทะเลยั่งยืน กับ 7 เมนูพิเศษทั้งหมดนี้ได้ที่ “พาโกด้า ไชนีส เรสเตอรองท์” โรงแรมแบงค็อก แมริออท มาร์คีส์ ควีนส์ปาร์ค ให้บริการทั้งมื้อกลางวัน (11.30–14.30 น.) และมื้อค่ำ (18.00–22.00 น.) ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม-30 เมษายน 2568