ค่าฝุ่นวันนี้ PM 2.5 ในพื้นที่กรุงเทพฯ เกินเกณฑ์มาตรฐานทุกพื้นที่ และผลจาก Air Visual แบบเรียลไทม์ (ช่วงสายวันนี้) เผยค่ามลภาวะทางอากาศกรุงเทพฯ ประเทศไทย รั้งอันดับ 12 ของโลก!!!

เปิดที่มาปัญหาเมืองคลุกฝุ่น
สาเหตุหลักที่ทำให้ฝุ่น PM2.5 ครอบเมืองกรุงจนแผนที่เป็นสีส้ม (บางพื้นที่วัดจากสมาร์ทโฟนเป็นสีแดง) มาจากการใช้รถยนต์และปัญหาจราจร โดยเฉพาะจากพาหนะที่ใช้เครื่องยนต์ดีเซล ที่มีกระบวนการเผาไหม้ไม่สมบูรณ์ เกิดเขม่าและฝุ่นควันมาก โดยข้อมูลกรมขนส่ง แสดงให้เห็นว่าจากยานพาหนะทั้งหมด 11.99 ล้านคันในเขตกรุงเทพฯ เป็นเครื่องยนต์ดีเซลมากถึง 3.28 ล้านคัน (27.37%) ยิ่งยานพาหนะมีอายุมากเท่าไหร่ การปล่อยมลพิษก็มีมากตามไปด้วย ซึ่งยานพาหนะทุกเครื่องยนต์ที่อายุ 11–20 ปีมีอยู่ถึง 3.16 ล้านคัน (26.4%) และอายุมากกว่า 20 ปีมีอยู่ 989,476 คัน (8.3%) นอกจากนี้ ยังบวกกับการผลิตไฟฟ้า และโรงงานอุตสาหกรรมในจังหวัดใกล้เคียง ทำให้ตัวเลขผู้ป่วยด้วยโรคจากมลพิษทางอากาศเพิ่มขึ้น
ปรากฏการณ์อุณหภูมิผกผัน (Temperature Inversion)
สำหรับช่วงสัปดาห์นี้ ยังมีอีกสาเหตุที่ดันวิกฤตฝุ่น PM2.5 หนักขึ้น เนื่องจากปัจจัยด้านภูมิอากาศที่เรียกว่า “ปรากฏการณ์อุณหภูมิผกผัน” หรือ Temperature Inversion พูดให้เข้าใจก็คือการระบายอากาศในเมืองอยู่ในอัตราต่ำกว่าปกติ

ในสภาวะปกติ เมื่อพื้นดินคลายความร้อนออกมา อากาศร้อนจะลอยตัวขึ้นสูง พัดพาฝุ่นลอยกระจายตัวออกไปด้วย แต่ในช่วงปลายฤดูหนาว (โดยเฉพาะช่วงเช้าตรู่) เกิดอุณหภูมิผกผัน ทำให้มีอากาศสามชั้น อุณหภูมิที่ผิวพื้นมีความเย็นกว่าชั้นอากาศที่อยู่เหนือกว่า ขณะเดียวกันก็มีอากาศชั้นที่สามที่อยู่บนสุด แต่มีความเย็น เพราะอิทธิพลของลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ ทำให้ชั้นอากาศร้อนชั้นที่สองกลายเป็น “ฝาชีครอบ” กักอากาศที่ผิวพื้นไว้ นี่แหละที่ทำให้หมอกควันไม่เคลื่อนตัว และสะสมอยู่ใกล้พื้นโลก

ในกรุงเทพฯ ข้อมูลของกรมอุตุนิยมฯ แสดงว่าภาวะอุณหภูมิผกผัน มักเกิดในช่วงเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ ทำให้ค่า PM2.5 พุ่งสูงขึ้น (เส้นสีฟ้า) ขณะที่ค่าความสูงของชั้นบรรยากาศที่อยู่ใกล้ผิวโลก (เส้นสีแดง) มีค่าต่ำลงกว่าปกติ แต่มีข้อสังเกตว่าฝุ่น PM2.5 ในกรุงเทพฯ จะกลับมาเพิ่มสูงอีกในช่วงเดือนมีนาคม-เมษายน ซึ่งที่เป็นช่วงเวลาที่ไม่มีภาวะอุณหภูมิผกผัน

PM2.5 จะอยู่กับคนกรุงทั้งสัปดาห์
สำหรับในช่วงวันที่ 8-14 มกราคม 2568 พื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นวันที่ 8 - 10 และยังคงต้องเฝ้าระวังในบางพื้นที่ เนื่องจากการระบายอากาศอยู่ในเกณฑ์ “ไม่ดี-อ่อน-ดี” ขณะที่มีการเกิด Inversion ใกล้ผิวพื้น ทำให้มลพิษทางอากาศสามารถแพร่กระจายได้อย่างจำกัด ส่งผลให้ความเข้มข้นของฝุ่นละอองมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในช่วง 2-3 วัน ก่อนจะลดลงในช่วงสุดสัปดาห์ และจะมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอีกครั้งหนึ่ง ทำให้หลายคนย้อนถามหามาตรการรัฐ และ พ.ร.บ.อากาศสะอาด
คำแนะนำสุขภาพช่วงฝุ่นครอบเมือง
สีเหลือง : ระดับปานกลาง (38–50 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร)
- ประชาชนทั่วไป ควรหลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมนอกบ้าน และเฝ้าระวังสุขภาพตนเอง
- กลุ่มเสี่ยง ควรหลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมนอกบ้าน หากออกนอกบ้านให้สวมหน้ากากป้องกันฝุ่น
- ผู้มีโรคประจำตัว ควรเฝ้าระวังสุขภาพตนเอง หากมีอาการผิดปกติให้รีบไปพบแพทย์
สีส้ม : ระดับที่เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ (51–90 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร)
- ประชาชนทั่วไป ควรลดหรือจำกัดการทำกิจกรรมนอกบ้าน
- กลุ่มเสี่ยง ควรลดเวลาการทำกิจกรรมนอกบ้าน ถ้าออกนอกบ้านให้สวมหน้ากากป้องกันฝุ่น และสังเกตตนเอง หากมีอาการผิดปกติให้รีบไปพบแพทย์
- ผู้มีโรคประจำตัว ควรเตรียมยาและอุปกรณ์ที่จำเป็นให้พร้อม
สีแดง : ระดับที่มีผลกระทบต่อสุขภาพ (91 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตรขึ้นไป)
- ประชาชนทั่วไป ควรลดหรืองดการทำกิจกรรมนอกบ้าน เปลี่ยนมาออกกำลังกายในบ้าน ถ้าออกนอกบ้านให้สวมหน้ากากป้องกันฝุ่น และสังเกตตนเอง หากมีอาการผิดปกติให้รีบไปพบแพทย์
- กลุ่มเสี่ยง ให้งดออกนอกบ้าน ถ้าออกนอกบ้านให้สวมหน้ากากป้องกันฝุ่นทุกครั้ง หากมีอาการผิดปกติให้รีบไปพบแพทย์
- ผู้มีโรคประจำตัว ควรเตรียมยาและอุปกรณ์ที่จำเป็นอย่างน้อย 5 วัน