หน้าร้อนนี้โปรดระวัง ‘ฮีทสโตรก’ ในน้องหมาน้องแมว!

5 เม.ย. 2566 - 08:55

  • ทำความรู้จักกับอาการ ‘ฮีทสโตรก’ หรือ ‘โรคลมชัก’ ภัยร้ายอันตรายช่วงหน้าร้อนของเจ้าสัตว์เลี้ยง!

heat-stroke-cat-dog-SPACEBAR-Thumbnail
และแล้วเราก็เข้าสู่ช่วงที่อากาศร้อนระอุที่สุดอย่างเดือนเมษายน ซึ่งทุกวันนี้อากาศก็ปาไปแล้วถึง 37 องศาเลยทีเดียว ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าอากาศร้อนขนาดนี้ไม่ได้เป็นอันตรายเพียงเฉพาะกับมนุษย์เท่านั้น แต่ยังส่งผลโดยตรงต่อเหล่าบรรดาน้องๆ สัตว์เลี้ยงที่รักของเราเป็นอย่างมาก สำหรับวันนี้เราจะพาทุกท่านไปรู้จักกับ ‘โรคฮีทสโตรก (Heat Stroke)’ หรือชื่อที่คนไทยรู้จักกันใน ‘โรคลมแดด’ เพื่อเตรียมตัวรับมือกับภัยอันตรายในวันที่อากาศในประเทศไทยร้อนแรงขนาดนี้! 

‘ฮีทสโตรก’ คืออะไร?  

‘ฮีทสโตรก’ หรือ ‘โรคลมแดด’ เป็นภาวะที่เกิดขึ้นเมื่อร่างกายไม่สามารถระบายความร้อนออกได้ทัน ทำให้อุณหภูมิร่างกายสูงขึ้นกว่าปกติประมาณ 40 องศาเซลเซียสขึ้นไป ซึ่งความร้อนนี้ยังส่งผลกระทบโดยตรงต่อการทำงานของอวัยวะภายในต่างๆ และยังสามารถเกิดขึ้นได้กับสัตว์เลี้ยงไม่ใช่แค่เพียงมนุษย์เท่านั้น ซึ่งมักจะเกิดขึ้นกับน้องหมาน้องแมวเป็นพิเศษ เพราะปกติแล้วน้องๆ จะมีต่อมเหงื่อบริเวณฝ่าเท้าและจมูก การระบายความร้อนจึงต้องอาศัยการหายใจ และการหอบเป็นหลัก โดยหากร่างกายไม่สามารถระบายความร้อนได้ทันจะก่อให้เกิดภาวะฮีทสโตรก และหากไม่ได้รับการช่วยเหลือทันที อาจก่อให้เกิดอันตรายถึงชีวิตได้เลย! 

สัญญาณที่บ่งบอกว่าสัตว์เลี้ยงเป็นฮีทสโตรก 

  1. หอบและหายใจเร็ว 
  2. ลิ้นสีแดงสด 
  3. น้ำลายหนืดเหนียว 
  4. อ่อนแรง 
  5. ม่านตาขยาย 
  6. ช็อกหรือเป็นลมหมดสติ 

วิธีตรวจสอบว่าสัตว์เลี้ยงมีอาการตัวร้อนหรือไม่?  

เราสามารถตรวจสอบอุณหภูมิของสุนัขหรือแมวได้คร่าวๆ จากการใช้หลังมือแตะบริเวณขาหนีบของน้อง เพราะบริเวณขาหนีบเป็นส่วนที่มีขนน้อยที่สุดและยังเป็นแหล่งรวมของเลือดไหลเวียน แต่หากอยากใช้วิธีที่แน่นอนกว่านั้น ให้ใช้ปรอทวัดไข้สำหรับสัตว์เลี้ยงโดยเฉพาะ โดยมีลักษณะเป็นปรอทที่มีส่วนปลายกลมเล็ก ใช้วัดตรวจอุณหภูมิทางทวาร ซึ่งปกติอุณหภูมิของสุนัขและแมวจะอยู่ประมาณที่ 37-38 องศาเซลเซียส แต่ควรให้สัตว์แพทย์เป็นคนวัดให้ เพื่อลดความเสี่ยงของอาการบาดเจ็บ 

วิธีปฐมพยาบาลเบื้องต้นเมื่อสัตว์เลี้ยงเป็นฮีทสโตรก  

    1. นำสัตว์เลี้ยงเข้ามาอยู่ในที่ร่ม อากาศถ่ายเท หากสุนัขของคุณอยู่ข้างนอกท่ามกลางความร้อน ให้ย้ายสุนัขไปยังพื้นที่ร่มหรือห้องปรับอากาศโดยเร็วที่สุด 
    2. ใช้ผ้าชุบน้ำหมาดๆ เช็ดตัว รวมถึง เช็ดใต้ฝ่าเท้า ขาหนีบ และใต้รักแร้ เพื่อช่วยลดอุณหภูมิร่างกาย ไม่ควรใช้น้ำเย็นจัดหรือร้อนเกินไป เพราะสัตว์เลี้ยงอาจเกิดภาวะช็อกได้ 
   3.  ทางที่ปลอดภัยที่สุดคือการรีบพาไปพบสัตวแพทย์ใกล้บ้านเพื่อเข้ารับการประเมินและทำการรักษาต่อไป 
   
เอาเป็นว่ามนุษย์ต้องคอยระวังกันเป็นอย่างมาก สำหรับภัยเงียบที่เป็นเรื่องน่ากลัวต่อสัตว์เลี้ยงอย่าง ‘ฮีทสโตรก’ และด้วยความที่อากาศประเทศเราเรียกได้ว่าร้อนเป็นพิเศษ โรคลมแดดจึงมีโอกาสที่จะเกิดขึ้นกับน้องๆ ได้เสมอ ซึ่งหากสังเกตเห็นถึงความผิดปกติ ให้รีบปฐมพยาบาลเบื้องต้นก่อนรีบนำไปพบสัตว์แพทย์ทันทีนะ เจ้านุด!   

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์