‘จิม ทอมป์สัน ฟาร์ม ทัวร์’ การกลับมาของลานดอกไม้ ผ้าไหม และฟักทอง

กลับมาอีกครั้งของสวนดอกไม้ ผ้าไหม และฟักทอง ณ จิม ทอมป์สัน ฟาร์ม (Jim Thompson Farm) หลังจากห่างหายไปนานถึง 2 ปี เนื่องจากการแพร่ระบาดโรคโควิด-19 ที่ทำเอาหลายคนแทบสาหัส ครั้่งนี้ฟาร์มไหมของเรา กลับมาในชื่องาน “มาโฮมมาต้อน สะออนดอกไม้” ภาษาอีสานที่บ่งบอกถึงความยินดีต้อนรับดั่งญาติมิตร ด้วยความชอบใจและสุขใจ ให้อารมณ์ความรู้สึกเหมือนไปเยี่ยมบ้านเพื่อนที่ถิ่นอีสาน

การเปิดให้เข้าชมของ จิม ทอมป์สัน ฟาร์ม คือการชักชวนให้นักท่องเที่ยวแวะเข้าไปเยือนสวนดอกไม้ที่เรียกได้ว่าเป็นตัวชูโรงให้กับนักท่องเที่ยวหลายคน นอกจากนี้ยังมีการสัมผัสวัฒนธรรมอีสานด้วยเมนูอาหาร งานศิลปะหัตถกรรม และสถาปัตยกรรม โดยปีนี้จะเปิดให้เข้าชมตั้งแต่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2565 – 2 มกราคม พ.ศ. 2566 
 
การกลับมาครั้งนี้ทางฟาร์มมีการจัดคอนเซปต์งานให้มีการคุมธีมมากขึ้น ด้วยความร่วมมือของศิลปินนักออกแบบหลายท่าน โดยธีมงานหลักๆ คือการนำเสนอเรื่องวัฒนธรรมอีสานให้เป็นที่เข้าถึง และนำเสนอความเป็นสมัยใหม่ด้วยงานศิลปะที่แปลกตา และสวยงาม  
 
ภายในฟาร์มจะมีจุดเช็คอินทั้งหมด 9 จุด เมื่อเข้ามาในงานจะมีการซื้อตั๋วเพื่อขึ้นรถตระเวนไปตามจุดต่างๆ เริ่มตั้งแต่จุดที่ 1-9 แต่ละจุดจะมีรถรับส่งอยู่ตลอดเวลา และใช้เวลานั่งรอคอยเพียงไม่กี่นาทีเท่านั้น แถมจุดเช็คอินที่กล่าวมายังมีการตั้งชื่อให้เหมาะกับสถานที่และบรรยากาศ บางจุดชื่อมีความสลวยราวกับหลุดออกมาจากหนังสือเพลง เช่น สะออนรักดอกไม้บาน, รักทุ่งตะวัน, หลบร้อน นอนเว็น, ความทรงจำก่อนลา เป็นต้น 

จุดที่ต้อนรับนักท่องเที่ยวได้เป็นอย่างดี คือ จุดเช็คอินที่ 2 ‘รักทุ่งตะวัน’ ลานดอกทานตะวันขนาดใหญ่สุดลูกหูลูกตาที่กำลังโอนเอนรับแสงแดด และสามารถเดินข้ามไปยังจุดที่ 3 ‘อลังการลานฟักทอง’ ได้ง่ายๆ  
 
เมื่อเอ่ยถึงฟักทอง หลายคนอาจนึกถึงฟักทองพันธุ์สีเขียวทีมีลักษณะขรุขระอยู่ตามผิว แต่ที่ จิม ทอมป์สัน ฟาร์ม จะเป็นฟักทองสีส้ม หรือที่รู้จักกันในชื่อฟักทองฮัลโลวีน ฟักทองของฟาร์มนี้ถือว่าเป็นหนึ่งในไฮไลท์ที่ทุกคนต้องมาเยี่ยมชม และเป็นสิ่งที่นักท่องเที่ยวมักถามหาในแต่ละปี  

ย้อนกลับไปเมื่อ พ.ศ. 2542-2549 จิม ทอมป์สัน ฟาร์ม ถูกเปิดให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงเกษตรกรรม ซึ่งสิ่งที่ฟาร์มต้องมีคือการเพาะปลูกพืชผลที่สามารถเรียกคนให้เข้ามาชมได้ ฟักทองยักษ์เป็นพืชพันธุ์ที่ทางฟาร์มอยากนำมาปลูก โดยทีแรกปลูกตามพื้นที่กว้างให้คนเข้าชมได้ แต่เมื่อนานไปเครือที่ปลูกไว้ก็ตายหมด เพราะมีคนเดินเหยียบมากเกินไป จึงมีการนำพื้นที่สวนฟักทองออกไป แต่ด้วยการที่ฟักทองเป็นเสมือนแลนมาร์กของฟาร์มไปแล้ว จึงมีการปลูกเพื่อเอาผลมากองไว้เพื่อให้คงอยู่ดังเดิม 

เช่นเดียวกันกับลานดอกไม้ที่มีตั้งแต่ดอกทานตะวัน ดอกดาวกระจาย ดอกคอสมอส ทั้งหมดเป็นเหมือนแลนมาร์กของฟาร์มที่ทุกคนต้องมาเยี่ยมชม โดยเฉพาะดอกดาวกระจาย และดอกคอสมอส นั้นเป็นลานดอกไม้ที่ทางฟาร์มภูมิใจนำเสนอ เนื่องจากเป็นพันธุ์ไม้ที่ทางฟาร์มพัฒนาขึ้นมา 

ตามจุดเช็ตอินต่างๆ ของฟาร์ม จะมีงานศิลปะแบบจัดวางอยู่เป็นจุดๆ บนลานดอกดาวกระจายมีโครงเหล็กสีแดงคล้ายโรงนาที่ประดับด้วยผืนผ้าสีแดงโบกสะบัดเป็นริ้วๆ ถัดออกไปเป็นโครงเหล็กสานเป็นตารางที่มีพืชไม้กำลังไต่ขึ้นไปบนโครงอย่างสวยงาม ที่น่าสนใจคือจุดเช็คอินที่ 6 ‘ปราสาทแห่งความหวัง’ เป็นงานศิลปะแบบจัดวางขึ้นโครงปราสาทประดับด้วยผ้าสี เป็นจุดให้นักท่องเที่ยวทุกคนสามารถพักวาดรูปหรือเขียนคำอธิษฐาน เพื่อขอพรให้ตัวเองและคนรอบข้างได้พบเจอสิ่งดีๆ ในปีต่อไป

ปราสาทแห่งความหวัง ถูกสร้างขึ้นมาให้เป็นเหมือนปราสาทข้าว ซึ่งมาจากประเพณีบุญคูณลาน หรือบุญกุ้มข้าวใหญ่ งานบุญหนึ่งในประเพณีฮีตสิบสอง เป็นงานบุญเพื่อรับขวัญข้าว เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ข้าวในลานของตน

นอกจากนี้ตามพื้นที่ต่างๆ ยังมีการประดับด้วย ‘ทุง’ หรือ ‘ธุง’ ที่แปลว่า “ผ้าที่สะบัดไป” ที่มีลักษณะเป็นทุงแมงมุง ซึ่งเป็นเครื่องกิริยาบูชาในงานบุญผะเหวด มีที่มาจากมหาเวสสันดรชาดก ที่พระเจ้ากรุงสัญชัยต้องไถ่กัณหา ชาลี จากชูชก เป็นสิ่งของเป็นพันๆ การทำทุงแมงมุมเป็นการอิงจำนวนตัวเลขจากหลักธรรมหรือคติทางพุทธศาสนาที่มีตั้งแต่ 3 ชิ้น ถึง 16 ชิ้น

ใครที่เดินผ่านไปผ่านมาตามสวนดอกไม้ และพื้นที่นา จะพบกับบานกระจกที่ตั้งอยู่บริเวณริมสวน บางแห่งเป็นทรงสามเหลี่ยม บางแห่งเป็นทรงสี่เหลียมขนาดใหญ่ และทรงโค้งมน เมื่อไปยืนอยู่ข้างหน้าจะเห็นตัวเองอยู่ท่ามกลางสวนและนาข้าวทั้งข้างหน้า และข้างหลัง ซึ่งถ้ามองในมุมมองของศิลปะนั้นเป็นเหมือนการสะท้อนภาพตัวเองเข้าไปอยู่ในพื้นนั้น ในที่นี้คือผืนนาและสวน เสมือนเป็นการนำตัวเองดื่มด่ำเข้าเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมอีสาน เป็นกิมมิคที่น่าสนใจของฟาร์มที่นักท่องเที่ยวสามารถถ่ายรูปเพื่อความสวยงามได้

นักท่องเที่ยวสามารถเข้าไปโอบรับวัฒนธรรมอีสานอย่างเต็มอิ่มได้ในจุดเช็คอินที่ 7 ‘อีสานรอรัก’ หรือ ‘หมู่บ้านอีสาน’ เดินลัดเลาะไปตามบ้านไม้ใต้ถุนอีสานดั้งเดิมที่มีการขายอาหารอีสาน ขนมทานเล่น ใครที่เดินมาเหนื่อยๆ สามารถขึ้นเรือนไปใช้บริการนวดได้อีกด้วย หากเดินเข้าไปอีกนิด จะพบกับเวทีหมอลำ การแสดงดนตรีที่แสดงอัตลักษณ์ของความเป็นอีสาน สนุกจากเวทีหมอลำกันพอแล้วก็สามารถเดินเข้าไปดูร้านขายผ้าไหมที่ตั้งอยู่ข้างๆ ได้เลย

ด้านหน้าของหมู่บ้านอีสานใกล้พื้นที่นาข้าว มีรถยนต์ติดภาพงานศิลปะของ นาวิน ลาวัลย์ชัยกุล จาก Navin Production ศิลปินไทยระดับนานาชาติ ที่ถ่ายทอดประวัติศาสตร์ จิม ทอมป์สัน ฟาร์ม ไว้ในภาพเดียว 
 
สำหรับการออกแบบคาแร็คเตอร์และธีมงานของฟาร์มทัวร์ปี 2565 ทางฟาร์มได้ ยุรี เกนสาคู ศิลปินและนักออกแบบสาวลูกครึ่งไทย-ญี่ปุ่น ที่เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางในแวดวงศิลปะไทยและต่างประเทศ มาเป็นผู้ออกแบบ

ยุรี ได้ตีความและนำเอาสิ่งที่เป็นสัญลักษณ์สำคัญของ จิม ทอมป์สัน ฟาร์มทัวร์ อาทิ บุญหลายควายหนุ่มใหญ่ รถบัสสีสดใสประจำฟาร์ม และดอกไม้สีสดใสต่างๆ มาสร้างเป็นคาแรคเตอร์ตัวการ์ตูนสุดคิวท์ตามสไตล์ของตัวเอง จนสามารถสื่อถึงความเป็น จิม ทอมป์สัน ฟาร์ม ทัวร์ ได้อย่างโดดเด่นและน่าเอ็นดู 
 
จิม ทอมป์สัน ฟาร์ม ก่อตั้งเมื่อปี พ.ศ. 2531 ปัจจุบันยังคงเป็นแหล่งผลิตไข่ไหมจำหน่ายให้สมาชิกเกษตรกรรับซื้อรังสดในการผลิตเส้นไหม และเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำหรับนักท่องเที่ยวที่เดินทางมายังจังหวัดนครราชสีมาในช่วงเดือนธันวาคม-มกราคม ของทุกปี

เพื่อเป็นการต้อนรับการกลับมา และต้อนรับปีใหม่ที่กำลังจะใกล้เข้ามา จิม ทอมป์สัน ฟาร์ม มีการจัดโปรโมชั่น วันธรรมดา (วันจันทร์-ศุกร์) ซื้อออนไลน์ 4 ใบ รับฟรีหน้าฟาร์ม 1 ใบ และวันเสาร์-อาทิตย์ ซื้อออนไลน์ บัตรเด็กและบัตรผูัสูงอายุ ลด 50% สามารถเข้าไปซื้อบัตรออนไลน์ได้ที่เว็บไซต์ ticketmelon ส่วนใครที่ไม่สะดวกซื้อออนไลน์ไม่ต้องกังวลไป เพราะสามารถจอดรถ และเดินเข้าไปซื้อบัตรหน้างานได้เลย