เอาล่ะทุกคน เข้าสู่เทศกาลถือศีลกินเจแล้ว! ซึ่งปีนี้ จะเริ่มล้างท้องกันตั้งแต่วันที่ 14 ตุลาคม และจะเริ่มต้นเทศกาลกินเจตั้งแต่วันที่ 15 ตุลาคม ถึง 24 ตุลาคม 2566 แน่นอนว่าเทศกาลถือศีลกินเจ อย่างที่ทุกคนทราบกันดีคือเทศกาลที่จะไม่มีการกินเนื้อสัตว์เลย จะเน้นไปที่แป้งและผักแทน
การถือศีลกินเจ เปรียบเสมือนการทำบุญใหญ่ เพื่อชำระล้างใจให้ใสสะอาด ไม่เบียดเบียนสัตว์โลก และนับว่าเป็นการลดกรรม เพียงแค่ 10 วันที่ได้กินเจ ก็ถือว่าเป็นการช่วยเหลือสัตว์โลกไม่ให้ถูกฆ่าเพื่อนำมาประกอบอาหารได้ถึง 10 วัน ถือว่าเป็นการช่วยเหลือสัตว์โลกได้หลายตัว
และแน่นอนว่า เข้าถึงเทศกาลกินเจทั้งที ทั้งปีจะมีแค่ 1 ครั้ง ครั้งละ 10 วันเท่านั้น มีอาหารเจน่ากินจำนวนมาก เป็นใครก็อยากกิน ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ถือศีลกินเจโดยตรง แต่ก็ไม่ได้มีข้อห้าม ไม่ให้คนที่ไม่ถือศีลกินเจ กินอาหารเจนี่น่า และด้วยความที่อาหารเจส่วนมาก มีผักเป็นส่วนประกอบหลัก แสนลำบากใจ ปากก็อยากกิน แต่ใจก็กลัวผักเหลือเกิน งั้นลองมาวิเคราะห์ตัวเองดูอีกสักครั้ง ว่าจริงๆ แล้วเป็น Lachanophobia (โรคกลัวผัก) หรือแค่เลือกกินเฉยๆ
Lachanophobia หรือ โรคกลัวผัก มีหลากหลายสาเหตุที่จะทำให้เป็นโรคนี้ แต่ก่อนอื่น มาทำความรู้จักกับโรคกลัวผักนี้ก่อนดีกว่า
Lachanophobia มาจากคำในภาษากรีกโบราณ คำว่า lákhanon ที่แปลว่า สีเขียว หรือ ผัก และคำว่า Phobia ที่แปลว่ากลัว เมื่อเอามารวมกันนั้น จึงเป็นคำว่า โรคกลัวผัก นั่นเอง
สาเหตุที่เกิดโรคนี้ ไม่ได้เกิดขึ้นกับคนที่ไม่ชอบกินผักเท่านั้น แต่สำหรับคนที่ชอบกินผักก็สามารถเป็นโรคนี้ได้เช่นกัน โดยสาเหตุอาจจะเกิดมาจาก อาการวิตกกังวลเนื่องมาจากการเจ็บป่วยเพราะกินอาหารที่มีสารพิษตกค้าง และระแวงว่าผักที่กินจะมีสารพิษตกค้าง หรือ อาจจะเกิดจากประสบการณ์วัยเด็ก ที่กัดโดนผักที่ขม หรือเคยมีอาการผักติดคอ ทำให้เกิดความวิตกกังวลได้ รวมไปถึงอาจจะเป็นอาการที่ส่งต่อมาจากกรรมพันธุ์ได้เช่นกัน
ซึ่งอาการของผู้ที่ป่วยเป็นโรคกลัวผักนั้น จะมีอาการมากหรือน้อยแตกต่างกัน ตั้งแต่อาจจะเห็นผักได้ จับผักได้ แต่กินไม่ได้ แต่บางคน เพียงแต่เห็นก็เกิดอาการกลัวแล้ว อาการที่ออกมาจะมีทั้ง หวาดกลัว วิตกกังวล หวาดระแวง อึดอัด ใจสั่น คลื่นไส้ อาเจียน รวมไปถึงมีอาการหมดสติขึ้นได้
หลายคนอาจจะมองว่า ผู้ที่เป็นโรคกลัวผัก อาจจะไม่มีผลกระทบต่อการใช้ชีวิตอะไรมากนัก เพียงแค่ไม่กินผัก แต่จริงๆ แล้วมันมีผลกระทบต่อการใช้ชีวิตอย่างมาก สำหรับคนที่เป็นโรคนี้ ทั้งอาการหวาดระแวง และวิตกกังวล ฉะนั้นลองสังเกตตัวเองดีๆ ว่าแท้จริงแล้ว เป็นเพียงคนที่เลือกกิน หรือเป็นโรคกลัวผัก
หากวิเคราะห์แล้วว่า แท้จริงตัวเองเป็นโรคกลัวผัก และคิดว่ามันเริ่มมีผลกระทบต่อการใช้ชีวิต การพบจิตแพทย์เพื่อรับการรักษาที่ถูกต้องจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุด อย่างน้อยเมื่อหายจากอาการของโรคกลัวผักแล้ว การกินผักถือว่าเป็นประโยชน์ต่อร่างกายมากๆ ช่วยให้สุขภาพแข็งแรงด้วยนะ!
