Lost In Doubt: ถ้าโลกนี้มีแค่ฉันและเธอ เราจะยังเป็นแค่ ‘คนคุย’ ไหม?

12 ก.พ. 2566 - 03:52

  • ‘คนคุย’ หรือ situationship คือสถานะที่มากกว่าเพื่อนแต่ไม่ถึงขั้นแฟน สถานะคนคุยแทบจะเป็นเรื่องปกติของคนเจนฯ Z ซึ่งก็มีทั้งคนที่ชอบและไม่ชอบ (และอาจถึงขั้นเกลียด)

  • ชวนทำความเข้าใจเหตุผลไปจนถึงต้นตอของการไม่อยากผูกมัด และยอมเป็นแค่คนคุย…

lost-in-doubt-can-situationship-work-out-SPACEBAR-Thumbnail

“ตกลงเราเป็นอะไรกัน?” 

 
ถ้าคุณเคยถาม/โดนถามด้วยประโยคทำนองนี้มาก่อน แปลว่าคุณเคยลองมีความรักแบบสมัยใหม่ ไม่ยึดติดกับกรอบสังคมเดิมๆ ที่ต้องจีบ คบ แต่งงาน มีลูก มีรถ มีบ้าน…แต่นั่นอาจไม่ใช่เรื่องน่ายินดีสักเท่าไร 

ทุกวันนี้ situationship หรือ ‘คนคุย’ กลายเป็นสถานะที่หลายคนติดใจ และหลายคนก็ติดกับ ความสัมพันธ์แบบคนคุยลึกซึ้งกว่าเพื่อน อาจมีการเดตแบบที่คนสนิทรู้กัน เดินจับมือ คุยกันแทบทุกวัน แต่ก็ไม่เคยมีวันที่บทสนทนาเดินทางไปถึงคำถามว่า “เราเป็นแฟนกันไหม?” และที่บอกว่าหลายคนติดกับก็เพราะในความสัมพันธ์แบบนี้มักมีฝ่ายหนึ่งอยากเลื่อนขั้นไปเป็นคนรัก 

ผู้ประสบเหตุช้ำใจจากการเป็นคนคุยอาจเคยคิดเล่นๆ ว่า ถ้าโลกนี้มีแค่เราสองคน ไม่ต้องเผื่อใจ รู้สึกดีก็เดินหน้ากันต่อ ง่ายๆ แค่นั้น เราจะได้คบกันหรือเปล่า 
ถ้าจะให้ตอบแบบรวบรัด บอกได้เลยว่าถึงโลกนี้จะมีแค่คุณกับเขา ก็ยังมีเหตุผลอีกมากมายที่ทำให้ใครสักคนไม่อยากตกลงคบหาจริงจัง 
 

“เหตุผลที่ทำให้คนเราไม่อยากผูกมัด 
ซับซ้อนพอๆ กับความสัมพันธ์แบบคนคุยนั่นแหละ” 

https://images.ctfassets.net/i3o8p9lzd06f/55s9Veprha71tROmBDegaL/02012812f982351c7f94f63b2511ed85/lost-in-doubt-can-situationship-work-out-SPACEBAR-Photo01
เวลาพูดถึงการตัดสินใจของใครสักคน เรามักมองว่ามันเป็นนิสัยส่วนตัวหรือความต้องการของคนนั้นๆ แต่นิสัยต่างๆ ก็มีที่มาที่ไป ซึ่งความสบายใจในการใช้ชีวิตแบบไม่ผูกมัดอาจมาจาก ‘attachment issue’ หรือปัญหาความผูกพันก็ได้ 
 
โดยปกติเด็กจะพัฒนาความผูกพันทางอารมณ์กับผู้เลี้ยงดูตั้งแต่อายุยังน้อย นี่ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญที่หากผู้เลี้ยงดูละเลย ทอดทิ้ง ทำร้าย ไม่อาจเป็นที่พึ่งด้านอารมณ์ หรือไม่สามารถตอบสนองความต้องการบางอย่าง เด็กคนนั้นอาจเกิดอาการวิตกกังวล และมีปัญหาด้านการสร้างความผูกพันทางอารมณ์ ซึ่งอาจส่งผลกระทบมาถึงตอนโตได้เลย 

ความย้อนแย้งคือคนที่มีบาดแผลทางใจในเรื่องความผูกพันอาจกลัวการโดนทอดทิ้ง จึงชอบมีความสัมพันธ์เพื่อให้ไม่รู้สึกโดดเดี่ยว แต่ขณะเดียวกันก็รู้สึกอยากหนีออกจากความสัมพันธ์นั้นเพื่อไม่ให้ใครมาทำร้ายความรู้สึกเราได้ การหลุดออกจากวงจรนี้อาจทำได้หากเจอคนที่พร้อมทำความเข้าใจปมปัญหา และใช่พอที่จะเดินหน้าไปด้วยกัน หรือบางคนอาจปรึกษาแพทย์ควบคู่ไปด้วย 

ผลกระทบอีกทางของการไม่ได้รับความผูกพันในวัยเด็กอาจเป็นการเติบโตมาแบบพึ่งพาตัวเองมากๆ จนรู้สึกว่าชีวิตที่ไม่มีคู่สบายกว่า และสนุกกับการหาความสุขด้วยตัวเองได้โดยไม่ต้องยึดโยงกับใคร ยิ่งปัจจุบันมีความบันเทิงและกิจกรรมมากมายให้ทำก็ยิ่งง่ายเข้าไปใหญ่ 
 

“หากไม่ใช่ผลจากตอนเด็ก ก็อาจเป็นผลจากตอนโต” 

แผลใจจากความสัมพันธ์แย่ๆ ก็เป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ทำให้คนไม่อยากผูกมัดได้ ถึงจะเหงาแค่ไหนบางคนก็ยอมอยู่คนเดียวดีกว่าต้องไปเสี่ยงกับปัญหาชีวิตคู่ที่ไม่รู้ว่าจะมีอะไรบ้าง นอกจากนี้ยังมีข้อกังวลอีกหลายด้านที่พ่วงมากับการผูกมัด ไม่ว่าจะเป็นการวางแผนอนาคตร่วมกัน การทำงาน การเงิน การเจอครอบครัวของอีกฝ่าย กระทั่งการตัดสินใจมีลูก 

แม้ว่าความสัมพันธ์ระยะยาวจะมีข้อดี อย่างการที่ต่างฝ่ายต่างทุ่มเทความพยายามในการแก้ปัญหาชีวิตคู่ หรือการสร้างความเชื่อใจและความผูกพันในแบบที่คนคุยระยะสั้นทำไม่ได้ แต่การเป็นคนคุยก็มีข้อดีที่บางคนชอบมากกว่า เช่น การได้โฟกัสกับสิ่งที่ตัวเองทำ และเป็นตัวเองได้เต็มที่โดยไม่ต้องพะวงว่าความสัมพันธ์นี้จะอยู่กับเราไปตลอดไหม 
 
“อยู่แบบนี้ก็มีความสุขดีนี่” 
 
คนพูดประโยคนี้น่าจะมีความสุขกับชีวิตอิสระที่มีใครสักคนเคียงข้าง หากวันหนึ่งเกิดไม่เข้ากันก็แค่เลิกคุยเลิกเจอ ไม่ต้องประกาศครอบครัวหรือเซ็นใบหย่าให้ยุ่งยาก 
 
“อยู่แบบนี้ก็มีความสุขดีนี่” 
 
คนฟังประโยคนี้น่าจะหนักใจ เพราะนั่นหมายถึงความหวังที่จะพัฒนาความสัมพันธ์ต้องดับลง 
https://images.ctfassets.net/i3o8p9lzd06f/1lhPoTHPspfJEGnIR6VvPV/8ca5c92c01b710018d1e20cbdabfe468/lost-in-doubt-can-situationship-work-out-SPACEBAR-Photo02

เลิกกับ ‘คนคุย’ เจ็บมากและนานกว่าเลิกกับ ‘คนรัก’ 

 
เจมี บรอนสไตน์ (Jaime Bronstein) ผู้เชี่ยวชาญด้านความสัมพันธ์จากสหรัฐอเมริกากล่าวว่าไม่แปลกเลยที่เราจะเจ็บปวดเวลาเลิกกับคนคุยมากกว่าคนรัก เพราะการเลิกโดยที่ยังไม่ได้ลองทุ่มเทความรักและความพยายามอย่างสุดความสามารถนั้น ทำให้เราสงสัยในความเป็นไปได้ต่างๆ ไม่สิ้นสุด ว่าถ้า…ความสัมพันธ์นั้นจะเป็นอย่างไร 
 
แต่ถ้าอ่านมาถึงตรงนี้แล้วคงเข้าใจมากขึ้นว่าทำไมบางคนถึงไม่อยากผูกมัด และเชื่อว่ายังมีเหตุผลอีกไม่น้อยที่เราไม่ได้กล่าวถึงในบทความนี้ สิ่งที่หลายคนมองข้ามไปคือความจริงที่ว่าโลกนี้มีความรักหลายรูปแบบ บางคนอาจรักมาก ทว่าไม่อยากผูกมัดเพราะเชื่อว่าความรักไม่จำเป็นต้องอยู่ด้วยกันตลอดไป แค่มีกันในช่วงเวลาที่เหมาะสมก็พอแล้ว 
 
ทั้งนี้ทั้งนั้นความรู้สึกก็เปลี่ยนกันได้ จากคนที่คิดว่าชีวิตนี้ไม่อยากลงหลักปักฐาน วันหนึ่งอาจเจอคนที่ทำให้ความคิดเปลี่ยนไป และในทำนองเดียวกัน คนที่อยากผูกมัดแทบตาย วันหนึ่งก็อาจกลายเป็นคนที่โหยหาอิสระสุดๆ ก็ได้ 
 
มันอาจฟังดูเห็นแก่ตัวหรือใจร้าย แต่จริงๆ แล้วความรักไม่ทำร้ายใครหรอก การไม่ผูกมัดก็ด้วย สิ่งที่ทำร้ายเราคือความต้องการที่ไม่ตรงกัน การไม่สื่อสาร และการไม่ยอมรับความจริงต่างหาก  
 
ฉะนั้นหากคุณไม่อยากติดกับคนคุย สิ่งที่ทำได้คือซื่อสัตย์กับความรู้สึกตัวเองและสื่อสารกันอย่างตรงไปตรงมา ที่สำคัญคือไม่เอาเปรียบกัน ไม่ว่าจะด้านอารมณ์ หรือด้านไหนก็ตาม 

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์