Lost In Doubt: คุยกับ ‘ตูน T_047’ ศิลปินที่เลิกซ่าเพราะมีลูก

23 เม.ย. 2566 - 02:17

  • คุยกับ ตูน-ณัฐธีร์ อัครพลธนรักษ์ ศิลปินวงอินดี้โฟล์ก T_047 และนักเขียนเพจ ‘บ้านข้างๆ’ ในวัย 20 กว่า ตูนได้สร้างโลกใบใหม่และตั้งชื่อให้ว่า ‘เพียงฤดู’ ลูกชายที่อยู่ในวัยกำลังซน ความเป็นพ่อได้เปลี่ยนมุมมองการใช้ชีวิตของตูนไป เขาเป็นคนที่เข้าใจโลกมากขึ้น และหันมาเอนจอยความสงบกับการ์ตูนชินจังในวันสบายๆ เหนือสิ่งอื่นใด ตูนยังมีความฝันที่จะออกเดินทางอีกครั้ง ขณะเดียวกันก็ตั้งใจว่าจะเป็นเพื่อนเก๋าๆ ของลูกให้ได้

lost-in-doubt-interview-toon-t047-SPACEBAR-Thumbnail
เรารู้จักแอคเคาต์อินสตาแกรม T_047 ครั้งแรกสมัยเรียนเช่นเดียวกับหลายๆ คน ชื่อที่ดูเหมือนรหัสลับนี้มีชื่อเล่นอีกชื่อว่า ‘บ้านข้างๆ’ เหตุผลก็ง่ายมากคือเจ้าของแอคเคาต์ชอบถ่ายรูปบ้านที่อยู่ข้างๆ พร้อมเขียนข้อความประกอบ บางวันก็เป็นแคปชั่นชวนยิ้ม และบางวันแคปชั่นสั้นๆ ก็ชวนให้เรานั่งคิดอะไรได้อีกยาว 

เจ้าของแอคเคาต์ที่ว่าคือ ตูน-ณัฐธีร์ อัครพลธนรักษ์ นักเขียนที่ต่อมาใช้นามปากกา ‘บ้านข้างๆ’ ออกหนังสือขายดี และยังเป็นศิลปินวง T_047 เจ้าของเพลงอินดี้โฟล์กอย่าง ‘เพียงฤดู’ และ ‘รอสายรุ้ง’ ที่หยิบธรรมชาติมาเล่าได้น่ารักเสมอ นอกจากนี้เขายังเคยมีร่างร็อกๆ ที่ทำวง YERM ซึ่งหลายคนน่าจะเคยได้ยินจากเพลง ‘ที่ผ่านมา’ 

รู้ตัวอีกทีเราเองก็เรียนจบและเข้าสู่วัยทำงานมานานสักระยะ ส่วนพี่ตูนก็กลายเป็นศิลปินพ่อลูกอ่อน (ที่ยังคงโพสต์รูปบ้านข้างๆ กับแคปชั่นคมๆ) ใครที่ติดตามพี่ตูนน่าจะสังเกตได้เหมือนกันว่าเขามีความนิ่งขึ้น และไม่ผลีผลามเท่าเมื่อก่อน ซึ่งเหตุผลหนึ่งก็คือการมีลูกชายที่ชื่อน้องฤดู โลกใบใหม่ที่ทำให้เขาสนใจโลกข้างนอกน้อยลง 

ถ้าให้พี่ตูนนิยามตัวเองในตอนนี้ เขาบอกว่าตัวเองมีงานฟูลไทม์เป็นพ่อคน พ่วงมาด้วยวง T_047 นักเขียน และเพจบ้านข้างๆ ซึ่งวันนี้เราจะพูดถึงความเป็นตูนในฐานะพ่อเป็นส่วนใหญ่ ฉะนั้นขอให้จินตนาการว่ามีเสียงน้องฤดูเล่นของเล่นคลออยู่ข้างหลัง และหัวเราะตามพ่อเป็นจังหวะ เพราะนั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างที่เรานั่งคุยกันจริงๆ 
https://images.ctfassets.net/i3o8p9lzd06f/3PAliEHGpEfvR5BunIm3BR/682956748258fab5a4dac76824a57b1f/lost-in-doubt-interview-toon-t047-SPACEBAR-Photo02

ความรู้สึกแรกตอนที่รู้ว่าจะได้เป็นพ่อคนคืออะไร 
ตอนนั้นก็ตั้งใจว่าจะมีละ แต่เราก็ไม่รู้ว่ามันเร็วได้ขนาดนี้ บางคนเขาพยายามตั้งนานกว่าจะมี พอมาเร็วก็มีความเหวอนิดหนึ่ง ตื่นเต้นอะ คือจากที่เป็นศิลปิน จู่ๆ เหมือนได้เข็มกลัดใหม่ นี่ คุณได้หน้าที่พ่อละ แล้วเรากลายเป็นผู้ใหญ่ขึ้นเร็วมาก พยายามเตรียมตัวทุกอย่าง ซื้อบ้าน… 

ถือเป็นจุดเปลี่ยนใหญ่เหมือนกันนะ 
สุดๆ เลย ถ้าเป็นชีวิตที่ไม่มีลูกตอนนี้ก็คงอยู่คอนโด ทำนู่นทำนี่ไปเรื่อยๆ แต่พอมีลูกแล้วเราก็ต้องหารายได้ที่มั่นคงขึ้น ทำอะไรให้มันเป็นระบบ รวมถึงตัวเองด้วย เมื่อก่อนมาหมด เหล้า ยา ปาร์ตี้ เละเทะ…  

ต้องตัดออก? 
…น้อยลง (หัวเราะ) คือต่อให้เป็นพ่อยังไง สิ่งที่เราทิ้งไม่ได้คือความสนุกของวัยรุ่น ไม่ใช่ว่ามีลูกแล้วเรากลายเป็นตาลุงไปเลย ทั้งเราทั้งตัวแม่บางทีก็เอาลูกไปฝากกับคุณยายแล้วก็ออกไปจัดจ้านกัน คือเราไม่ใช่สายเที่ยวผับอะไรอยู่แล้วอะ แค่บางทีอยากออกไปเดินชิคๆ สยามบ้าง ดูหนัง ช็อปปิ้ง แล้วถ้าไปเที่ยวธรรมชาติ ไปทะเลอะไรแบบนี้ก็เอาลูกไปด้วย

คิดว่าคนวัยยี่สิบกว่าส่วนใหญ่จะกลัวว่ามีลูกแล้วจะเที่ยวไม่ได้ ทำอะไรอีกหลายๆ อย่างไม่ได้ อะไรทำให้พี่ตูนอยากมีลูกหรือรู้สึกว่าพร้อมแล้วในวัยนี้ 
เราทำนู่นนี่นั่นมาเร็วอะ เราผ่านทุกอย่างมาแล้ว เหลวแหลกเละเทะจนถึงจุดที่ เอ้อ พอเห๊อะ แล้วเราได้เดินทางมาเยอะมาก T_047 ก็ไปมาแทบจะทั่วประเทศแล้วอะ เราหมดฟีลใช้ชีวิตสุดเหวี่ยงไปแล้ว สุดท้ายวันหนึ่งก็ต้องมีครอบครัว เราก็แค่เลื่อนตรงนั้นขึ้นมาให้มันเร็วขึ้น มันอยู่ที่จังหวะด้วยแหละ เหมือนเราเจอคนที่รู้สึกว่าเขาเป็นแม่ของลูกเราได้ ซึ่งก่อนหน้านี้ที่คบกับคนอื่นเราไม่เคยรู้สึกแบบนี้เลย พอเจอแล้วเราก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะไม่มีลูกตอนนี้ 
https://images.ctfassets.net/i3o8p9lzd06f/2IQlK26edndtV5zyDmhFys/d041d83da6d05d03d7d50c6b7908fda2/lost-in-doubt-interview-toon-t047-SPACEBAR-Photo03
เรามีอาการ Baby Blues (ภาวะซึมเศร้าหลังคลอด) บ้างไหม 
เหมือนแม่เป็นนะ แต่โชคดีที่ไม่ได้เป็นหนัก ส่วนเราแทบไม่เป็นอะไรเลย แต่มันก็จะมีปัญหาช่วงแรกๆ ที่เราแทบไม่ได้นอนกัน ลูกตื่นทุกสามชั่วโมง เราตื่นมาตั้งใจชงนม ลูกปัดนมหก ตอนตีสามอะ ตอนนั้นมันมีความแบบ (ถอนหายใจออกเสียง) แต่ก็ไม่ได้รู้สึกจะเป็นจะตาย คิดว่ายังไงก็ผ่านไปได้ แค่วัยรุ่นมันยังมีความใจร้อนบ้าง ก็ต้องคุมตัวเองให้ดีมากๆ ซึ่งก็ทำได้นะ แต่มันก็มีจุดที่เอาหัวโขกกำแพงอะ คือเราไม่ลงกับลูกเลยนะ ไม่ด่า ไม่อะไรเลย แต่บางทีเหนื่อยจนแบบ โป้ก (ทำท่าหัวโขกกำแพง) ไม่ไหวแล้วว 

แต่มันก็มีสิ่งที่ตอบความสุขเราเหมือนกันนะ เวลาเขาสนุก หัวเราะ หรือเห็นทะเลครั้งแรก คือมันมีมุมเหนื่อยก็จริงแต่ไม่ว่าจะทำอะไรมันก็มีความเหนื่อยทั้งนั้น เราก็จะคิดว่าพอโตขึ้นแล้วพ้นวัยซนเราอาจจะคิดถึงตอนนี้ก็ได้นะ ถึงตอนวัยรุ่นเขาอาจจะเก็บตัวอยู่บนห้อง ดูหนังโป๊อยู่คนเดียวก็ได้ แล้วเราจะคิดถึงวันที่เขามาวิ่งรื้อของ คิดในมุมนี้ก็รู้สึกผ่านไปได้ง่าย 
https://images.ctfassets.net/i3o8p9lzd06f/6B5Bngv50HFm9pWrBpk6xz/f4fe0fa21ffe7406a4ea2428a0bfb3f4/lost-in-doubt-interview-toon-t047-SPACEBAR-Photo04
พอเป็นลูกชายเรากดดันไหมว่าต้องเป็นพ่อที่เป็นแบบอย่าง 
เราว่าถ้ามีลูกสาวเราจะกดดันมากกว่านี้อีกนะ เราจะกลัว เรารู้ว่าผู้ชายเป็นยังไงอะ เรารู้ว่ามันจะมีผู้ชายที่ทำตัวเหมือนดีมากๆ แต่จริงๆ แล้วมันซ่อนความชั่วอะไรไว้ อย่างเรื่องความสัมพันธ์เราก็ไม่รู้ว่าเขาจะเจอผู้ชายที่ดีหรือเปล่า เพราะรอบตัวเราก็แทบไม่เจอผู้ชายที่ดี  

จริงๆ ตอนแรกอยากได้ลูกสาวเหมือนกันนะ แต่พอได้ลูกชายก็ดีใจอีกแบบว่า เออ เราได้ตัวแสบมาอีกคนให้โลกใบนี้ น่าจะทำอะไรด้วยกันแล้วมันส์ แต่พอเป็นลูกชายก็กลัวมันจะกลายเป็นคนไม่ดี เพราะพวกเหล้า ยา บุหรี่มันก็วนเวียนอยู่กับผู้ชาย เรารู้อะไรมันมีผลเสียเราก็ไม่อยากจะให้เขาไปทดลอง แต่ก็คงไม่ห้ามอะ คงเตือนแหละ แบบ เห้ย กูเตือนมึงแล้วนะว่ามันไม่ดี ถ้าอยากพิสูจน์ด้วยตัวเองก็แล้วแต่ แต่ก็รับผิดชอบตัวเอง เพราะเราก็เป็นคนที่พ่อแม่ห้ามนู่นห้ามนี่ แล้วสุดท้ายเราก็เป็นคนที่เอาทุกอย่างจนถึงจุดที่รู้เองว่าอันนี้มันไม่ดี 

การเป็นพ่อกับการเป็นศิลปินนี่อันไหนยากกว่ากัน 
แฟนเพลงไม่เอาแต่ใจนะ แฟนเพลงจะตามใจเรา แต่ลูกอะ… (หัวเราะ) แฟนเพลงควบคุมง่าย แต่ลูกควบคุมไม่ได้ การเป็นพ่อมันยากกว่าอยู่แล้วแหละ เหมือนเขาเป็นอีกหนึ่งชีวิตของเรา แบ่งดวงใจเราไป ทุกการกระทำของเราจะส่งผลต่อการใช้ชีวิตและอนาคตของเขา ถ้าวันนี้เขาทำอะไรผิดแล้วเราตะคอกด่า เขาก็อาจจะโตมาเป็นคนแบบนั้นก็ได้ มันเลยต้องคิดเยอะกว่า 

พอต้องรับผิดชอบแล้วสำมะเลเทเมาไม่ได้…  
เห้ย ได้ (หัวเราะ)

สงสัยว่ามันส่งผลต่อการเป็นศิลปินที่ต้องใช้อารมณ์ทำงานหรือเปล่า 
เราไม่ค่อยเขียนเพลงตอนเมาอยู่แล้ว เราจะใช้สติค่อนข้างเยอะ มันคือการเขียนเพลงของ T_047 ที่ไม่ได้ ฮือ ฉันเศร้า แต่จะมานั่งคิดว่า อ๋อ ชีวิตมันเป็นแบบนี้นะ อ๋อ คนมันเป็นอย่างนี้ แล้วก็ค่อยมานั่งเขียน สิ่งที่ได้มันมาจากการคุยกับคนมากกว่า ซึ่งส่วนมากคนที่เราจะเจอเขาก็ไม่ได้อยู่ในที่อโคจรนะ บางทีก็ออกไปนั่งร้านกาแฟ ร้านนั่งชิลล์ 
https://images.ctfassets.net/i3o8p9lzd06f/1UJhISW9UFGksxi8zXGrbm/2bf537800bf9a4e4e29aa59d53ef4b09/lost-in-doubt-interview-toon-t047-SPACEBAR-Photo05
เคยเบิร์นเอาต์กับการเป็นตัวเองไหม พอต้องทำหลายอย่าง ร้องเพลงหลายวง  
ไม่เคยนะ ด้วยความที่เราไม่ได้รีบหรือกดดันตัวเองว่าจะต้องประสบความสำเร็จแบบนี้ๆ มันก็เลยไหลไปเรื่อยๆ ไม่ได้มีความเหนื่อยหรือเบิร์นเอาต์ เราว่าการเบิร์นเอาต์มันน่าจะเกิดจากความเหนื่อย ความท้อ ความคิดมาก แล้วเราพยายามไม่เอาความคิดเยอะมาใส่หัวตัวเอง 

มีอะไรที่เราเลิกทำไปบ้างไหม 
เราหยุดทำวง YERM ไปปีสองปีแล้วมั้ง ก่อนลูกเกิด มันหมดความอินอะ พาร์ทที่เป็นคนร็อกๆ ของเรามันเริ่มมาตั้งแต่ช่วงวัยรุ่น มีแรงเยอะๆ พอเริ่มทำงานจนมาถึงมีลูกความสงบมันมากขึ้น แล้วความสงบกับร็อกมันไม่ไปด้วยกันอะ เราไม่สามารถขึ้นเวทีแล้ว อ๊ากกก ไรงี้ได้ ก็เลยเหลือ T_047 เป็นช่องทางถ่ายทอดความรู้สึกเท่าที่เราเป็น 

แต่เราก็คุยกับเพื่อนนะว่าสมมติเราอายุ 36 หมดภาระ ลูกเริ่มดูแลตัวเองได้ ก็อาจจะมีไฟกลับมาทำร็อกก็ได้ คือรู้สึกแบบไหนก็ทำแบบนั้นไปก่อน มันฝืนไม่ได้ด้วยนะ บางทีมันไม่อยากร็อกแอนด์โรล เวลาไปเล่นแทบไม่ได้เมาแล้วด้วย เล่นเสร็จเราก็อยากนอน หรือ เห้ย ดูซีรีส์ค้างไว้นี่หว่า กลับไปดู The Glory ดีกว่า (หัวเราะ) 

แล้วมีโปรเจกต์ใหม่ที่คิดจะทำหรือเปล่า 
จริงๆ เราเป็นคนปั่น ก็มีคิดชื่อโปรเจกต์กันเล่นๆ ว่า ‘เก๊เลย’ แบบรวมคนเก๊ๆ ทำอะไรเก๊ๆ โซโล่แต่เปิดแทร็ก (หัวเราะ) ลิปซิงก์ไรเงี้ย แต่ก็ยังไม่ได้เริ่มจริงจัง  

ที่จริงจังตอนนี้อยากกลับมาทำพื้นที่ของเรา ก่อนหน้านี้มี ‘บ้านข้างๆ Cafe & Gallery’ ตอนนั้นเราวางระบบไว้ว่าพอลูกคลอดเราจะจ้างพนักงานมารันแทน จังหวะนั้นโควิดมันมาพอดี เราก็ยังไม่สามารถปล่อยร้านได้ แล้วถ้าเราเข้าร้านกันสองคนมันไม่มีเวลาเลี้ยงลูกแน่ๆ (น้องฤดูร้องข้างๆ) ก็เลยพับไปก่อน มาจัดการเรื่องลูก แต่ตอนนี้มันเข้าที่ละ เราก็เริ่มดูที่ใหม่ รวมตัวทำกับเพื่อนในวง อาจจะมีบาร์ มีโฮสเทล ให้มันเป็นบ้านข้างๆ แบบตรงตัวขึ้น  

เคยเสียดายที่ไม่ได้ทำอะไรแล้วตอนนี้ทำไม่ได้ไหม 
จริงๆ อยากลองมั่วซั่วกับการเดินทางกว่านี้นิดหนึ่ง อยากจะแบกกีตาร์ขึ้นรถไฟไปมั่วๆ แต่ก็ไม่ได้รู้สึกว่าทำไม่ได้เลย พอลูกเราเริ่มโตเราก็คงจะ เอ้ย แนน ขอหายไปอีโหลงโฉงเฉงเดือนหนึ่งนะ แต่ก็จะติดต่อกันตลอด หรือบอกวง T_047 ว่าขอลองไปเล่นตามที่ต่างๆ คนเดียวสักเดือน ไปคุยกับคน หาแรงบันดาลใจ ซึ่งเอาจริงมันก็แปปๆ เอง ลูกอายุ 13-14 เราก็เพิ่งจะ 39-40 ก็เป็นจารย์ตูนหิ้วกีตาร์ หนวดเฟิ้มๆ หน่อย (หัวเราะ) 
https://images.ctfassets.net/i3o8p9lzd06f/6jCbAGEbPQ0CSwW5mAsvbE/7742f6253724b7a931c83177b7a869ed/lost-in-doubt-interview-toon-t047-SPACEBAR-Photo06
ลูกทำให้เรามองโลกเปลี่ยนไปยังไงบ้าง 
ไม่ได้มองโลกเปลี่ยนแต่อาจจะสนใจโลกน้อยลง เพราะโลกทั้งใบเราอยู่นี่แล้ว เหมือนชีวิตไม่ได้อยากแข่งกับใคร ไม่ได้อยากอวดหรือวุ่นวายกับทางโลกมาก เมื่อก่อนตอนที่ยังไม่มีลูกเราอาจจะ เห้ย ไอ้นี่แซะกันเหรอ กูโดดลงไปแจมด้วยดิ แต่ตอนนี้สิ่งที่ทำให้สงบก็คือกลับมาเห็นลูกกินข้าวอิ่ม นอนสบาย เรารู้สึกว่าเนี่ยเพียงพอละ โลกที่เราอยากจะมอง แต่เราก็ตามโลกนะว่ามันเกิดอะไรขึ้นบ้าง มีอะไรที่เราพอช่วยได้ แต่จะไม่ได้เอาตัวเองลงไปใส่ขนาดนั้น 

หรือเรื่องการเคลื่อนไหวทางการเมือง เราก็คุยกับพี่ๆ แล้วว่าสุดท้ายเราก็ต้องเซฟครอบครัวเหมือนกัน อาจจะไม่ได้ผลีผลามเท่าเมื่อก่อน เราก็มีโดนแซะบ้างนะ อย่างเรื่องที่ตะวันอดข้าวก็มีคนแซะว่าตะวันชอบวงเรามากเลยนะ ทำไมวงไม่เคลื่อนไหวให้มากกว่านี้ คือเราก็ช่วยแชร์แต่ไม่ได้โพสต์ในเชิงสนับสนุน เพราะชั่งน้ำหนักดูแล้วเราก็คิดนิดหนึ่งว่ามันมีวิธีต่อสู้ที่ได้ประโยชน์มากกว่าหรือเปล่า ในมุมพ่อแม่ที่ต้องเห็นลูกตัวเองอดข้าวอะ มันค่อนข้างเจ็บปวด มันก็เป็นสิทธิของเราอะ เรารู้สึกแบบไหนก็แสดงออกแบบนั้น 

มันมีความรู้สึกผิดกับตัวเองไหมที่เราอาจจะทำได้มากกว่านี้แต่เราเลือกที่จะไม่ทำ 
ไม่เชิงรู้สึกผิดนะ เราจะรู้สึกผิดมากกว่าถ้าเราทำอะไรไปแล้วมันกระทบกับลูกซึ่งไม่ได้รู้เรื่องแล้วก็ไม่ได้เกี่ยวข้องด้วยเลย เพราะฉะนั้นมันเป็นสิ่งที่ต้องเลือกอะ แต่ก็ไม่ใช่ว่าเราเลิกพูดไปเลยนะ เราค่อยๆ กัดกร่อนไปทีละนิด หาวิธีที่ไม่ต้องผลีผลามเท่าเหมือนก่อน ทำเพลง ทำศิลปะ มันเป็นการบาลานซ์ที่เราต้องรับผิดชอบหนึ่งชีวิตที่เราต้องรับผิดชอบก่อนใคร แล้วก็รับผิดชอบต่ออีกหลายๆ ชีวิตบนโลก สุดท้ายถ้าการเมืองดีลูกเราก็จะดี ฉะนั้นเราไม่ทิ้งเรื่องการเคลื่อนไหวอยู่แล้ว 
https://images.ctfassets.net/i3o8p9lzd06f/4K6CVMUOaooln9xhK550bG/e894ce9c8734612dd0560dfb12ce4979/lost-in-doubt-interview-toon-t047-SPACEBAR-Photo07
เราคิดถึงตัวเองสมัยก่อนที่มีพลัง มีความสุดกว่านี้ไหม 
ก็มีย้อนคิดถึงว่าตอนนั้นมันมันส์แบบนี้ แต่ไม่ได้เสียดาย มันเป็นตามช่วงวัยอยู่แล้วอะ คือเราอาจจะแก่เร็วไปด้วย เราก็ยังสงสัยอยู่ว่าตอนนี้กู 27 แต่ทำทุกอย่างเหมือน 30 กว่า แล้วตอน 30 กว่าจะไปไหนต่อ อย่างที่บอกว่าอาจจะออกเดินทาง อาจจะเกิดจารย์ตูนขึ้นมา คือเราไม่ได้ยึดว่าต้องรักษาชื่อเสียงให้เป็นแบบนั้นตลอด เข้าใจในธรรมชาติที่มีขึ้นมีลง ทัวร์ตอนนี้ก็ไม่ได้เยอะเท่าเมื่อก่อน เราก็ไปหาอย่างอื่นทำ 

อย่างการเปิดคาเฟ่ สร้างคอมมูนิตี้ เราก็มีรายได้ด้วย ได้ทำสิ่งที่สนุก แล้วก็ได้เจอแฟนเพลง มันมีลู่ทางอยู่ตลอดถ้ายังไม่ล้มตัวเอง อีก 10 ปีข้างหน้า T_047 อาจจะเป็นวงที่ปล่อยเพลงแล้วยอดวิวอยู่แค่หลักพันก็ได้ สุดท้ายเราก็ต้องไปหาเวย์ของเราว่าจะทำเพลงต่อไหม หรือจะไปทำอย่างอื่น  

แต่เราคงไม่สามารถกลับไปทำงานออฟฟิศได้อยู่แล้วอะ ยิ่งออกมาเจออิสระแบบวันจันทร์ขับรถไปดูหนังได้ ไม่ต้องไปเบียดคน ถ้าต้องกลับไปแบบเดิมเราว่าจุกอกตาย อย่างตอนนี้ก็มีทำช่องยูทูบกับแฟน เหมือนเป็น vlog ถ่ายเล่นกัน แต่จะพยายามไม่ให้การถ่ายไปรบกวนชีวิตประจำวันลูก ก็ให้เขาวิ่งเล่นไปแล้วเราแค่สแนปโมเมนต์ที่อยู่ด้วยกัน  

เรื่องทำคอนเทนต์กับลูกนี่ก็เป็นประเด็นละเอียดอ่อนนะ… 
จริงๆ มันมองได้หลายแบบ แต่เราว่าการทำคอนเทนต์ทั้งเด็กทั้งสัตว์มันไม่ควรฝืนธรรมชาติเขา แล้วก็ต้องไม่เป็นอะไรที่จะกลายเป็นผลเสียต่อลูก ซึ่งเอาจริงหลายๆ เพจที่ทำคอนเทนต์เด็กอย่าง Little Monster ก็ไม่ได้มีอะไรผิด แต่มันเป็นเรื่องของความปลอดภัยในตัวเด็ก ต้องปกป้องเด็กจากนู่นนั่นนี่ ซึ่งพออยู่ในสังคมที่มีคนพร้อมโจมตีเด็ก เราเลยตั้งคำถามว่าจริงๆ มันเป็นที่สังคมเปล่าวะที่ไม่ควรมีคนแบบนี้ คือการที่เขาทำรายการกับลูกมันก็เป็นกิจกรรมที่สนุก เด็กก็ดูเอนจอย ไม่ได้จับเด็กมาทารุณกรรม แต่กลายเป็นว่าเดี๋ยวจะมีคนเข้ามาด่าลูกคุณ ไอ้ห่า คนที่ด่าอะเป็นอะไร ทำไมประเทศมันถึงเป็นแบบนี้ 
https://images.ctfassets.net/i3o8p9lzd06f/3d0f9rcRq6peS4qJej8BcY/3d5d0586d11416b5647907c91384e27b/lost-in-doubt-interview-toon-t047-SPACEBAR-Photo08
ความเป็นพ่อสำหรับพี่ตูนคืออะไร 
อืม (นิ่งคิด) เมื่อก่อนจะเข้าใจว่าพ่อต้องเป็นผู้นำมาก ดูจากชินจังอะไรแบบนี้ แต่ตอนนี้รู้สึกว่ามันเป็นองค์ประกอบหนึ่งของครอบครัว เราไม่ได้รู้สึกว่าเรานำแฟน มันเป็นทีมเวิร์กมากกว่า สำหรับเราพ่อก็เป็นผู้ดูแลที่เป็นเพศชาย เราก็จะให้คำแนะนำได้ในพาร์ทที่ผู้ชายอาจจะเจอ เราอยากเป็นเพื่อนเก๋าๆ ของเขาให้ได้ คือเราไม่อยากเป็นพ่อที่ต้องสักการะบูชากราบไหว้ ถ้าให้นิยามก็คืออยากเป็นเพื่อนชายคนหนึ่งของลูก  

ทุกวันนี้เวลาเหนื่อยหรือเจอวันแย่ๆ เราเยียวยาตัวเองยังไง 
เรานั่งดูชินจัง (หัวเราะ) จริงๆ เป็นคนที่แทบไม่เหนื่อยเลยเว้ย แต่ถ้าไม่ค่อยแฮปปี้ก็เนี่ย เปิดดูการ์ตูนที่เราชอบ ดูชิงร้อยชิงล้าน ฯลฯ สิ่งที่ทำให้รู้สึกเปื่อยมากที่สุดคือตอนคิดถึงลูก เมื่อก่อนมันจะมีตอนที่ออกจากบ้านลูกยังคลาน ออกไปอาทิตย์หนึ่งกลับมาลูกเดินได้แล้ว เราแม่งถูกข้ามบางช่วงไปเวลาทัวร์นานๆ แต่พอได้กลับมาเห็นลูกทุกอย่างก็คลี่คลาย โห การไม่ได้เห็นหน้าลูกอาทิตย์หนึ่งมันทรมานนะ เห็นได้แค่ในโทรศัพท์ซึ่งมันก็ไม่ค่อยคุยกับเราด้วย 

เมื่อก่อนที่เป็นซึมเศร้าแล้ววาดรูป ตอนนี้ไม่มีแล้วใช่ไหม 
ตอนนี้เราคลีนทุกอย่าง ไม่มีพาร์ทนั้นเลยเว้ย รู้สึกว่า เชี่ย เราชนะมันได้นี่หว่า แต่เรายังจำได้เลยนะว่าตอนนั้นมันเป็นยังไง มันเป็นช่วงที่ชาจริง ดิ่งก็ดิ่งจริง เหมือนจมน้ำแล้วก็ต้องขึ้นมาหายใจ คืออาการมันขึ้นตอนเราอยู่คนเดียวหรือคิดอะไรกับตัวเองเยอะๆ ซึ่งการมีลูกก็น่าจะมีส่วนที่ทำให้ไม่จมอยู่กับตัวเอง ตอนนี้มันไม่มีเวลาให้คิดเลย ตื่นมาตัวนี้ก็ปลุกละ เดี๋ยวก็จะเต้นละ จะขี้ละ นานไปมันก็หายไปเอง แล้วเรารู้สึกเลยว่ามันหมดและ 

เราชอบอะไรในช่วงชีวิตนี้ของเรามากที่สุด 
สิ่งที่ชอบมากที่สุดในตอนนี้คือความเข้าใจความเป็นไปของโลก เข้าใจในความหลากหลายของคน โอเค น้องๆ ชาวทวิตเป็นแบบนี้ จริงๆ ผมก็ไม่ต้องเอาชนะคุณนี่หว่า ไม่ได้กวนตีนนะ แต่นี่เป็นสิ่งที่ทำให้เราไม่ต้องไปฟาดฟันกับเขา เหมือนเราทำความเข้าใจได้ว่าการที่คนอยากเสพเรื่องบางเรื่องมันก็เป็นความบันเทิงของเขา  

เมื่อก่อนเราจะเป็นสายฟัดกับชาวบ้าน แบบกวนส้นตีนอะ อาจเป็นเพราะเราพยายามจะมีตัวตน เราเลยอยากเอาชนะแบบ เห้ย กูไม่ชอบความคิดมึง กูจะยันมึงให้ได้ แต่หลังๆ อย่างเรื่องอินโทรเวิร์ตเอ็กซ์โทรเวิร์ตเราก็เคยโพสต์ไปครั้งหนึ่งว่ากูจะไม่นิยามตัวเองเป็นอะไรแน่ๆ แล้วก็จะไม่แซะด้วย ใครอยากทำอะไรก็ทำ 

…ณ ตอนนี้ชอบความนิ่งนี่แหละ เราพยายามไม่เอาพลังลบมาใส่ตัวเอง และไม่เอาพลังลบไปใส่คนอื่น 

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์