นับว่าเป็นอีกหนึ่งการประกาศรางวัลที่เหล่าร้านอาหารทั่วประเทศไทยและเหล่านักชิมรอคอย กับการประกาศรางวัลของ ‘MICHELIN Guide’ ประจำปี 2024 ซึ่งสำหรับปีนี้ มีร้านใหม่ที่ได้ติด ‘1 ดาวมิชลิน’ เพิ่มขึ้น 3 ร้าน และเลื่อนขั้นมาเป็น ‘1 ดาวมิชลิน’ จากร้านแนะนำ หรือ ‘MICHELIN Selected’ อีก 3 ร้าน รวมแล้ว ปี 2024 นี้ จะมีร้านใหม่ที่ได้รับ ‘1 ดาวมิชลิน’ ทั้งหมด 6 ร้านด้วยกัน
นอกจากนี้ ยังมีการประกาศติด ‘2 ดาวมิชลิน’ เพิ่มอีก 2 ร้าน ซึ่งเป็นการเลื่อนระดับจาก ‘1 ดาวมิชลิน’ ขึ้นมานั่นเอง ยังไม่หมดเพียงเท่านี้ เพราะทาง ‘มิชลิน ไกด์’ ยังได้ประกาศรางวัล ‘MICHELIN Green Star’ หรือ ‘ดาวมิชลินรักษ์โลก’ เพิ่มขึ้น 1 ร้านด้วย
สำหรับ 3 ร้านที่ได้เลื่อนระดับมาจาก จากร้านแนะนำ หรือ ‘MICHELIN Selected’ นั้นประกอบด้วย
- Mia (มีอา) กรุงเทพฯ ร้านอาหารที่นำเสนออาหารยุโรปสไตล์โมเดิร์นเปี่ยมกลิ่นอายความเป็นเอเชียแบบ 5 หรือ 8 คอร์ส ผ่านเมนู "Taste of Mia" ตามฤดูกาลที่โดดเด่นด้วยรสชาติกลมกล่อมซับซ้อน นอกจากนี้ ยังมีเมนูวีแกนและมังสวิรัติให้เลือก พร้อมทั้งให้บริการจับคู่อาหารกับค็อกเทล ม็อกเทล หรือไวน์ ตั้งอยู่ที่ซอยด้านหลัง K-Village สุขุมวิท 26
- Resonance (เรโซแนนซ์) กรุงเทพฯ ร้านอาหารที่นำเสนอ Tasting Menu ตามฤดูกาล และนำนักชิมเดินทางผ่านอาหารจานพิเศษซึ่งรังสรรค์ขึ้นด้วย แรงบันดาลใจที่เชฟได้รับจากการเดินทางไปทำงานในประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก ที่นี่ยังมีบริการจับคู่อาหารกับชา (Tea Pairing) เมื่อแจ้งล่วงหน้าเท่านั้นด้วย ตั้งอยู่ที่ซอยชัยพฤกษ์ สุขุมวิท 65
- Wana Yook (วรรณยุค) กรุงเทพฯ ร้านอาหารที่เสิร์ฟ Tasting Menu อาหารไทยร่วมสมัยตามฤดูกาลซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจาก “ข้าวแกง” หรือ “ข้าวราดแกง” โดยแต่ละคอร์สเลือกใช้พันธุ์ข้าวจากหลากหลายท้องถิ่นทั่วประเทศ ตั้งอยู่ในโครงการ 515 Victory ถนนพญาไท ราชเทวี
ส่วนร้านใหม่ 3 ร้านที่ถูกติด ‘1 ดาวมิชลิน’ ประกอบด้วย
- Inddee (อินดี) กรุงเทพฯ ร้านอาหารอินเดียสมัยใหม่ที่นำเสนอรายการอาหารชุด (Set Menu) ซึ่งจะพานักชิมท่องไปตามแคว้นต่าง ๆ ของอินเดียผ่านเมนูย่างเตาถ่านเป็นหลัก ตั้งอยู่ในซอยหลังสวน ถนนเพลินจิต
- Nawa (นว) กรุงเทพฯ ร้านอาหารไทยร่วมสมัยที่นำเสนออาหารภายใต้แนวคิดนวัตกรรม โดยใช้เทคนิคใหม่ในการรังสรรค์อาหารไทยแต่ยังคงรสชาติอาหารภาคกลางดั้งเดิมที่เรียบง่ายทว่าซับซ้อน ร้านนี้เสิร์ฟ Tasting Menu ตามฤดูกาล ซึ่งประกอบด้วยอาหารเรียกน้ำย่อยขนาดพอดีคำ (Finger Food) และอาหารจานหลักแบบสำรับหลายรายการ ตั้งอยู่ในโครงการ Parklane Ekkamai สุขุมวิท 61
- Samrub Samrub Thai (สำรับสำหรับไทย) กรุงเทพฯ ร้านอาหารไทยที่นำเสนอ Tasting Menu จากการพลิกแพลงสูตรตำราอาหารหายากให้มีความเป็นไทยโบราณใหม่ตามยุคสมัย ได้รสชาติไทยแท้กรุ่นกลิ่นหอมระคนกัน โดยเมนูของร้านจะปรับเปลี่ยนทุกสองเดือน ตั้งอยู่ในซอยยมราช ย่านสีลม
ร้านที่ได้รับการเลื่อนระดับจาก ‘1 ดาวมิชลิน’ เป็น ‘2 ดาวมิชลิน’ ประกอบด้วย
- Baan Tepa (ร้านบ้านเทพา) กรุงเทพฯ ร้านอาหารไทยร่วมสมัยที่นำแนวคิด Farm to Table มาใช้รังสรรค์อาหารชุด Tasting Menu ซึ่งจัดแต่งอย่างพิถีพิถันสวยงาม โดยเลือกใช้วัตถุดิบตามฤดูกาลทั้งที่ปลูกเองและที่ปลูกโดยผู้ผลิตที่คำนึงถึงความยั่งยืน ตั้งอยู่ระหว่างซอยรามคำแหง 69-71
- Gaa (กา) กรุงเทพฯ ร้านอาหารอินเดียร่วมสมัยที่ผสานศาสตร์การทำอาหารแบบดั้งเดิมเข้ากับเทคนิคและการนำเสนอแบบสมัยใหม่ เสิร์ฟอาหารที่ผ่านการปรุงโดยใช้ทักษะและความประณีต ใส่เครื่องเทศอย่างพอเหมาะ ให้รสชาติที่ลุ่มลึกด้วยเนื้อสัมผัสที่แตกต่างและการควบคุมอุณภูมิที่ดี เป็นร้านอาหารอินเดีย 1 ใน 2 แห่งทั่วโลกที่ครองสถานะ ‘2 ดาวมิชลิน’ อยู่ในปัจจุบัน ตั้งอยู่ที่ซอยสุขุมวิท 53 หัวมุมทองหล่อซอย 1
สำหรับรางวัล ‘MICHELIN Green Star’ หรือ ‘ดาวมิชลินรักษ์โลก’ เป็นรางวัลที่มอบให้กับร้านอาหารซึ่งดำเนินกิจการและมีแนวปฏิบัติประจำวันด้านการประกอบอาหารที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน เดิมทีมีอยู่แล้ว 3 ร้าน นั่นคือ พรุ (PRU) ภูเก็ต, ฮาโอมา (Haoma) กรุงเทพฯ และ จำปา (Jampa) กรุงเทพฯ
และสำหรับปีนี้ ทาง‘มิชลิน ไกด์’ ยังได้ประกาศร้านที่ 4 สำหรับรางวัลนี้ออกมา ได้แก่ ‘แฌม บาย ฌองมิเชล โลรองต์’ (J’AIME by Jean-Michel Lorain) กรุงเทพฯ ร้านอาหารฝรั่งเศสสุดสร้างสรรค์ที่เชฟและทีมงานให้ความสำคัญกับความยั่งยืน โดยไม่เพียงเสริมสร้างความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับผู้ผลิตในไทย แต่ยังตรวจสอบแนวทางปฏิบัติงานในครัวอย่างเข้มงวดสม่ำเสมอ ครอบคลุมตั้งแต่การจัดการขยะ การรีไซเคิล ไปจนถึงโครงการริเริ่มอื่น ๆ เพื่อบรรลุเป้าหมายในการสร้างอนาคตที่ยั่งยืน ตั้งอยู่ในโรงแรม ยู สาทร กรุงเทพฯ
สรุปแล้วว่า มีร้านอาหารที่ได้ ‘1 ดาวมิชลิน’ ในปี 2024 มีทั้งสิ้น 28 ร้าน แบ่งเป็นร้านใหม่ 6 ร้าน และร้านอาหารที่ยังคงรักษา ‘1 ดาวมิชลิน’ ไว้ได้ต่อเนื่อง 22 ร้าน และร้านที่ได้ ‘2 ดาวมิชลิน’ ในปี 2024 มีทั้งสิ้น 7 ร้าน แบ่งเป็นร้านที่เลื่อนระดับจาก ‘1 ดาวมิชลิน’ เป็น ‘2 ดาวมิชลิน’ 2 ร้าน และร้านอาหารที่ยังคงรักษา ‘2 ดาวมิชลิน’ ไว้ได้ต่อเนื่องอีก 5 ร้าน
รางวัล ‘ดาวมิชลิน’ ในแต่ละระดับ มีเกณฑ์การตัดสินจะวัดจาก 5 เกณฑ์หลักๆ ด้วยกัน คือ คุณภาพของวัตถุดิบที่ใช้, ความโดดเด่นของรสชาติและเทคนิคการรังสรรค์อาหาร, เอกลักษณ์เฉพาะตัวของเชฟที่นำเสนอผ่านมื้ออาหาร, ความคุ้มค่าสมราคา และความคงที่ของรสชาติ
