ทุกๆ วันที่ 14 พฤศจิกายนของทุกปี จะถูกจัดให้เป็นวัน เบาหวานโลก หรือ World Diabetes Day โดยทางสหประชาชาติมีมติกำหนดให้วันที่ 14 พฤศจิกายน ซึ่งเป็นวันเกิดของ Sir Frederick Banting ผู้ค้นพบอินซูลิน ร่วมกับ Charles Best เมื่อปี ค.ศ. 1922 เป็น ‘วันเบาหวานโลก’ อย่างเป็นทางการในปี ค.ศ. 2006
วันเบาหวานโลก ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1991 โดยสมาพันธ์เบาหวานนานาชาติ (IDF) และองค์การอนามัยโลก (WHO) เพื่อตอบสนองต่อความกังวลที่เพิ่มมากขึ้นเกี่ยวกับภัยคุกคามด้านสุขภาพที่ทวีความรุนแรงขึ้นอันเนื่องมาจากโรคเบาหวาน
หากย้อนกลับไปยังสถานการณ์โรคเบาหวานทั่วโลกในปี 2021 มีผู้ป่วยจำนวน 537 ล้านคนและคาดว่าในปี 2030 จะมีผู้ป่วยเบาหวานเพิ่มขึ้นเป็น 643 ล้านคน และโรคเบาหวานมีส่วนทำให้เสียชีวิต สูงถึง 6.7 ล้านคน หรือเสียชีวิต 1 ราย ในทุกๆ 5 วินาที
สำหรับสถานการณ์โรคเบาหวานในประเทศไทยในปี 2021 จากรายงานสถิติสาธารณสุข กระทรวงสาธารณสุข พบว่า โรคเบาหวานมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง มีผู้ป่วยรายใหม่เพิ่มขึ้น 3 แสนคนต่อปี และมีผู้ป่วยโรคเบาหวานอยู่ในระบบทะเบียน 3.3 ล้านคน
ในปี 2020 มีผู้เสียชีวิตจากโรคเบาหวานทั้งหมด 16,388 คน (อัตราตาย 25.1 ต่อประชากรแสนคน) ค่าใช้จ่ายด้านสาธารณสุขในการรักษาโรคเบาหวานเฉลี่ยสูงถึง 47,596 ล้านบาทต่อปี
นอกจากนี้โรคเบาหวานยังคงเป็นสาเหตุหลักที่ก่อให้เกิดโรคอื่นๆ ในกลุ่มโรค NCDs เช่น โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง โรคความดันโลหิตสูง และโรคไตวายเรื้อรัง ฯลฯ ด้วย
เนื่องในโอกาสวันเบาหวานโลก ไม่ว่าจะเป็นแล้วหรือยังไม่เป็น จะมีแนวโน้มหรือไม่ เราไปตรวจเลือดหาค่าน้ำตาลในเลือด หรือหาเบาหวานกันเถอะ หากมีค่าน้ำตาลในเลือดสูงจนอยู่ในกลุ่มเสี่ยงจะได้รักษาทัน และเราจะได้อยู่กินชานมไข่มุกไปอีกนานแสนนาน
