“สวัสดีวันจันทร์...การงานราบรื่น สดชื่นตลอดวัน”
“สวัสดีวันอังคาร ร่ำรวยความสุข อบอุ่นกับความรัก”
เคยได้รับข้อความทำนองนี้กันไหม? ไม่ว่าคุณจะรู้สึกอย่างไร เราขอแสดงความยินดีด้วยเพราะมีคนคิดถึงคุณ
หลายคนมองว่าการส่งข้อความแบบนี้เป็นเรื่องของคนยุคเบบี้บูมเมอร์ (คนที่เกิดช่วง พ.ศ. 2489-2507) แต่เอาเข้าจริงก็มีคนรุ่นใหม่ที่ให้กำลังใจรายวันกันด้วยประโยคทำนอง “ขอให้ความสุขอยู่ข้างเธอ” หรือ “ขอให้วันนี้เป็นวันที่น่ารัก” ซึ่งก็ไม่ต่างกันนัก
พลังบวกในโลกไซเบอร์ไม่ได้เกิดขึ้นลอยๆ แต่เป็นสิ่งที่ส่งผลกระทบต่อกันไปมา โดยสถิติจาก เฟซบุ๊ก (Facebook) เผยว่า คนที่เห็นโพสต์เชิงบวกจะมีแนวโน้มอัพเดตชีวิตเชิงบวกของตัวเอง ขณะเดียวกันเมื่อแวดล้อมไปด้วยโพสต์เชิงลบ พวกเขาก็มักอัพเดตชีวิตเชิงลบ และหากไม่ได้เห็นโพสต์ในแง่อารมณ์อะไรเลย พวกเขาก็จะแสดงออกน้อยลง
“สวัสดีวันอังคาร ร่ำรวยความสุข อบอุ่นกับความรัก”
เคยได้รับข้อความทำนองนี้กันไหม? ไม่ว่าคุณจะรู้สึกอย่างไร เราขอแสดงความยินดีด้วยเพราะมีคนคิดถึงคุณ
หลายคนมองว่าการส่งข้อความแบบนี้เป็นเรื่องของคนยุคเบบี้บูมเมอร์ (คนที่เกิดช่วง พ.ศ. 2489-2507) แต่เอาเข้าจริงก็มีคนรุ่นใหม่ที่ให้กำลังใจรายวันกันด้วยประโยคทำนอง “ขอให้ความสุขอยู่ข้างเธอ” หรือ “ขอให้วันนี้เป็นวันที่น่ารัก” ซึ่งก็ไม่ต่างกันนัก
พลังบวกในโลกไซเบอร์ไม่ได้เกิดขึ้นลอยๆ แต่เป็นสิ่งที่ส่งผลกระทบต่อกันไปมา โดยสถิติจาก เฟซบุ๊ก (Facebook) เผยว่า คนที่เห็นโพสต์เชิงบวกจะมีแนวโน้มอัพเดตชีวิตเชิงบวกของตัวเอง ขณะเดียวกันเมื่อแวดล้อมไปด้วยโพสต์เชิงลบ พวกเขาก็มักอัพเดตชีวิตเชิงลบ และหากไม่ได้เห็นโพสต์ในแง่อารมณ์อะไรเลย พวกเขาก็จะแสดงออกน้อยลง

จะเห็นว่าการ ‘ส่งความสุข’ อยู่คู่มนุษย์มาอย่างยาวนาน อย่างในไทยก็เคยส่งการ์ด ส.ค.ส. วิ้งวับพร้อมข้อความสุดน่ารักกันอย่างแพร่หลาย กระทั่งปัจจุบันเราก็มักจะส่งข้อความดีๆ ให้กันในโอกาสต่างๆ
ข้อความเชิงบวกเป็นเหมือนแรงกระตุ้น แรงบันดาลใจ หรืออย่างน้อยที่สุดก็ทำให้รู้ว่ามีคนนึกถึงและหวังสิ่งดีๆ ให้เราอยู่ สิ่งเหล่านี้เป็นความอบอุ่นใจที่ทำให้ไม่โดดเดี่ยว และช่วยลดความเครียดได้ ซึ่งสำคัญมากโดยเฉพาะในวัยเบบี้บูมเมอร์ที่เริ่มมีเวลาว่างเยอะ และต้องปรับตัวอย่างหนักในยุคอินเทอร์เน็ตที่ผู้คนห่างกันมากขึ้นเรื่อยๆ
มีงานวิจัยเกี่ยวกับความสุขจาก มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด (Harvard University) ที่ใช้เวลาค้นคว้าคน 4 เจเนอเรชันถึง 75 ปี สรุปได้ว่าความสัมพันธ์ที่ดีกับคนรอบข้างและการได้รับการยอมรับจากสังคมนี่แหละที่นำไปสู่ความสุขของมนุษย์
รูปภาพพร้อมประโยคชวนคิดบวกที่มีรายละเอียดแตกต่างไปตามช่วงวัย ทำให้เห็นว่าสุดท้ายแล้วไม่ว่าจะเจเนอเรชันไหน เราต่างต้องการสานสัมพันธ์ที่ดีกับคนที่เรารัก และส่งต่อพลังบวกให้คนรอบข้าง
จะว่าไปก็เหมือนมนุษย์ทำตามสัญชาตญาณเพื่อหาความสุขในยุคไซเบอร์ ส่วนใครจะชอบแบบไหนอย่างไรคงเป็นเรื่องเฉพาะตัว แค่อย่าลืมทดไว้ในใจก็พอว่าคนที่ส่งข้อความเหล่านั้นมาเป็นเพราะเขาห่วงใย และอยากให้เรามีความสุข เพียงแต่มีวิธีแสดงออกที่แตกต่าง หากมองให้รอบด้านและเข้าใจในความแตกต่างนั้น ไม่ว่าจะสวัสดีวันจันทร์หรือขอให้วันนี้ใจดีกับเธอ ปลายทางของทั้งสองอย่างนั้นไม่ต่างกัน...
ข้อความเชิงบวกเป็นเหมือนแรงกระตุ้น แรงบันดาลใจ หรืออย่างน้อยที่สุดก็ทำให้รู้ว่ามีคนนึกถึงและหวังสิ่งดีๆ ให้เราอยู่ สิ่งเหล่านี้เป็นความอบอุ่นใจที่ทำให้ไม่โดดเดี่ยว และช่วยลดความเครียดได้ ซึ่งสำคัญมากโดยเฉพาะในวัยเบบี้บูมเมอร์ที่เริ่มมีเวลาว่างเยอะ และต้องปรับตัวอย่างหนักในยุคอินเทอร์เน็ตที่ผู้คนห่างกันมากขึ้นเรื่อยๆ
มีงานวิจัยเกี่ยวกับความสุขจาก มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด (Harvard University) ที่ใช้เวลาค้นคว้าคน 4 เจเนอเรชันถึง 75 ปี สรุปได้ว่าความสัมพันธ์ที่ดีกับคนรอบข้างและการได้รับการยอมรับจากสังคมนี่แหละที่นำไปสู่ความสุขของมนุษย์
รูปภาพพร้อมประโยคชวนคิดบวกที่มีรายละเอียดแตกต่างไปตามช่วงวัย ทำให้เห็นว่าสุดท้ายแล้วไม่ว่าจะเจเนอเรชันไหน เราต่างต้องการสานสัมพันธ์ที่ดีกับคนที่เรารัก และส่งต่อพลังบวกให้คนรอบข้าง
จะว่าไปก็เหมือนมนุษย์ทำตามสัญชาตญาณเพื่อหาความสุขในยุคไซเบอร์ ส่วนใครจะชอบแบบไหนอย่างไรคงเป็นเรื่องเฉพาะตัว แค่อย่าลืมทดไว้ในใจก็พอว่าคนที่ส่งข้อความเหล่านั้นมาเป็นเพราะเขาห่วงใย และอยากให้เรามีความสุข เพียงแต่มีวิธีแสดงออกที่แตกต่าง หากมองให้รอบด้านและเข้าใจในความแตกต่างนั้น ไม่ว่าจะสวัสดีวันจันทร์หรือขอให้วันนี้ใจดีกับเธอ ปลายทางของทั้งสองอย่างนั้นไม่ต่างกัน...