ในวงการแฟชั่นที่พัวพันอยู่ในเรื่องของความสวยความงาม น้ำหอมและเครื่องแต่งกาย เราคงนึกถึงแบรนด์ดังจากฝรั่งเศสไม่ว่าจะเป็น Yves Saint Laurent, Chanel, Louis Vuitton หรือ Christian Dior ซึ่งที่กล่าวมานี้ล้วนเป็นแบรนด์ที่ถือกำเนิดโดยดีไซเนอร์ชื่อดัง แต่น้อยคนนักที่จะรู้จัก แซร์จ ลูตองส์ (Serges Lutens) ผู้ริเริ่มกระแสการทำเครื่องสำอางแบบเฮาส์แบรนด์ และแบรนด์น้ำหอม Serges Lutens ที่เป็นน้ำหอมในยุคแรกที่ผสมผสานความเป็น Unisex เข้าด้วยกัน
แซร์จ ลูตองส์ ถือว่าเป็นบุคคลในวงการแฟชั่นที่มากไปด้วยความสามารถ และยังเป็นบุคคลเบื้องหลังที่สร้างความสำเร็จให้กับแบรนด์ดังมามากมาย แม้ว่าตัวเขาจะแจ้งเกิดในฐานะช่างแต่งหน้า แต่เขาก็มีความช่ำชองทั้งในเรื่องของการถ่ายภาพ การทำผม และมีปรัชญาในการนำเสนอความเป็นตัวเขาเข้าไปในการทำน้ำหอม
ทั้งหมดมานี้ทำให้ แซร์จ ลูตองส์ กลายเป็นบุคคลสำคัญที่คนในวงการแฟชั่นหลายคนยกย่องและนับถือ เพื่อเป็นการทำความรู้จักให้มากขึ้น เราจะไปส่องเส้นทางชีวิตตั้งแต่เริ่มเข้ามาในอุตสาหกรรมความงาม ตลอดไปจนถึงร่วมงานกับแบรนด์ดังอย่าง Christian Dior และ Shisedo
การสูญเสียแม่ จุดเริ่มต้นของทุกสิ่ง
แซร์จ ลูตองส์ เกิดที่ทางเหนือของประเทศฝรั่งเศสในช่วงสงครามครั้งที่ 2 ความเป็นตัวลูตองส์ได้ถือกำเนิดขึ้นตั้งแต่ช่วงวัยเยาว์ของเขาจากการที่เป็นลูกรักของแม่ ซึ่งในทางกลับกันนั้น เขาไม่เป็นที่ต้องการของพ่อและปู่กับย่าสักเท่าไรนัก
ลูตองส์เคยให้คำสัมภาษณ์กับ ปิแยร์ เลสคูร์ (Pierre Lescure) นักข่าวชาวฝรั่งเศสชื่อดังว่า เขายังจำช่วงเวลานั้นได้ดี แววตาไม่มีอะไรเลยนอกจากความหวาดกลัวคู่นั้นของแม่ ระหว่างที่หลบภัยจากการโจมตีของนาซีในห้องบันไดเมื่อปี 1943 ซึ่งเป็นตอนที่เขาได้เข้าใจความรู้สึกของการสูญเสียแม่ไปชั่วขณะ
“ตอนนั้นมีเสียงไซเรน ผมยังคงจำแววตาที่ว่างเปล่าของแม่ได้ ไม่มีอะไรเลยนอกจากความกลัว พวกเรารีบลงไปที่หลุมหลบภัย แม้ว่าผมจะยังเด็กมากแต่ก็ยังจำตอนนั้นได้อย่างชัดเจน ทุกคนเบียดกันแน่น จากนั้นผมก็สูญเสียแม่ไป ผมถูกเบียดโดยผู้ใหญ่หลายคน ทั้งกระแทกและโดนชนไปมา ทุกคนพยายามปีนขึ้นไปบนบันได ผมเจอแม่อีกครั้งก็จริง แต่ผมไม่เคยลืมความรู้สึกตอนอยู่ห้องบันไดนั้นได้เลย” ลูตองส์กล่าวในบทสัมภาษณ์
แผลในใจที่เคยเกิดขึ้นทำให้เขารู้สึกอยากสร้างภาพจำเกี่ยวกับแม่ไว้ตลอดเวลา และภาพจำนี้เองที่อยู่ติดตัวลูตองส์มาตลอดไม่ว่าจะเป็นตอนที่เข้าได้ก้าวเข้ามาสู่วงการแฟชั่น ถ่ายภาพ ทำเครื่องสำอาง หรือทำน้ำหอม แม่ของเขาเป็นเสมือนแรงบันดาลใจให้กับเขาทุกอย่าง ลูตองส์เคยกล่าวไว้ว่า “ผมสร้างเธอขึ้นมาเพื่อผมจะได้ดำรงอยู่ต่อไป” และในเมื่ีอเขาสร้างภาพพ่อกับแม่อยู่ร่วมกันไม่ได้ เขาจึงพยายามหลอมตัวเขาเข้ากับเธอเอง
ก้าวเข้ามาสู่วงการความงาม
เมื่อปี 1956 ขณะที่ลูตองส์อายุ 14 ปี เขาได้ไปทำงานอยู่ในร้านซาลอนทำผมในเมืองลิล (Lille) บ้านเกิดของเขา ลูตองส์เกลียดงานนี้พอควร เพราะถูกบังคับมาทำงานนี้ทั้งที่อยากเป็นนักแสดง แต่ถึงกระนั้นเขาก็ได้เรียนรู้ประสบการณ์มากมาย และมีโอกาสในการทำเครื่องสำอางเอง รวมถึงเริ่มหันมาแต่งตัวในชุดสีดำ ซึ่งกลายเป็นภาพจำของตัวเขาไปจนวันตาย ในเวลานี้เองที่ลูตองส์เริ่มสนใจในการถ่ายรูป และมักถ่ายผู้หญิงที่เข้ามาแต่งหน้าทำผมในซาลอนอยู่เสมอ
ต่อมาเกิดสงครามแอลจีเรียขึ้น ทำให้ลูตองส์ต้องทิ้งทุกอย่างเพื่อไปเกณฑ์ทหาร โดยตอนนั้นอยู่ในวัย 18 ปี หลังจากสงครามที่กินเวลาเพียงหนึ่งปีจบไป เขาได้ย้ายจากบ้านเกิดไปยังปารีสเพื่อแสวงโชค
ช่วงเวลานั้นเป็นช่วงที่นิตยสาร Vogue กำลังเป็นที่โด่งดังในฝรั่งเศส ส่วนตัวเองลูตองส์เห็นว่านิตยสาร Vogue คือสิ่งที่นำเสนอแก่นสารความงาม เป็นดั่งอารามที่เขาบูชายกย่อง เขาเดินไปที่สำนักงานของ Vogue ในมือถือชุดภาพถ่ายที่เขาถ่ายมาทั้งชีวิต ผลงานถ่ายภาพของเขาไปเตะตา เอดมองด์ ชาร์ล ฆูซ์ (Edmonde Charles Roux) บรรณาธิการบริหารในตำนานแห่งนิตยสาร Vogue
ลูตองส์ได้กลายมาเป็นช่างภาพประจำนิตยสาร Vogue อีกทั้งยังร่วมงานกับนิตยสารชื่อดังอื่นๆ อย่าง Elle, Jardin des Modes และ Harper’s Bazaar และช่างภาพแฟชั่นมืออาชีพ เช่น ริชาร์ด อาเวดอน (Richard Avedon), กี บูร์แดง (Guy Bourdin) ไปจนถึง อิร์วิง เพนน์ (Irving Penn)
ริเริ่มทำเครื่องสำอางเฮาส์แบรนด์
ในปี 1968 Christian Dior เรียกตัวลูตองส์เข้ามาทำงาน โดยมอบภารกิจสำคัญคือการสร้างไลน์การผลิตเครื่องสำอาง ว่ากันว่าลูตองส์คือผู้บุกเบิกในการทำเครื่องสำอางเฮาส์แบรนด์ จน คริสเตียน ดิออร์ และมาร์ค โบแฮน (Marc Bohan) หันมาจริงจังกับแผนการทำเครื่องสำอางให้กับ Christian Dior
ด้วยความสามารถในการเลือกใช้สีในเครื่องสำอางของลูตองส์ที่มีความแปลกใหม่แสนจะอาวองต์-การ์ด โดยนำเสนออัตลักษณ์ผ่านการแต่งหน้าด้วยสีขาว Christian Dior จึงกลายเป็นแบรนด์ที่มีเครื่องสำอางที่แหวกขนบเดิม เรียบหรู สวย และโมเดิร์น ลูตองส์จึงถูกขนานนามว่าเป็นนักปฏิวัติแห่งการแต่งหน้า
ต่อมาในปี 1980s นับว่าเป็นยุคทองของลูตองส์ และเป็นช่วงเวลาที่ทำให้เขาเป็นที่รู้จักกันจนถึงทุกวันนี้ เขาได้ร่วมงานกับ Shisedo แบรนด์เครื่องสำอางจากแดนปลาดิบ สิ่งที่เขาทำคือการออกแบบผลิตภัณฑ์ ถ่ายภาพให้ เปลี่ยนภาพพจน์ของแบรนด์ให้ดีขึ้น และขยายตลาดให้ไปสู่ต่างประเทศมากขึ้น จน Shisedo กลายเป็นเครื่องสำอางยอดนิยมและอยู่จุดสูงสุดในช่วงปี 1980s-1990s
สู่โลกใหม่ด้วยการทำน้ำหอม
ลูตองส์เริ่มต้นทำน้ำหอม ซึ่งเป็นอีกสายหนึ่งที่เขาไม่เคยยุ่งเกี่ยวมาก่อน เขาเป็นหัวหอกในการทำน้ำหอมให้กับ Shisedo ในชื่อ Nombre Noir โดยอาจนับว่าเป็นน้ำหอมแรกที่เขาทำเลยก็ว่าได้ จากนั้นเขาเริ่มหันมาอยู่ในอุตสาหกรรมน้ำหอมอย่างจริงจังในปี 1992 ด้วยการเปิดร้านน้ำหอมที่ Les Salons du Palais Royal ภายใต้การควบคุมของ Shisedo และเป็นจุดเริ่มต้นของน้ำหอม Serges Lutens’ Feminité du Bois
จากเรื่องราวทั้งหมด เราอาจรู้จัก แซร์จ ลูตองส์ ในฐานะบุคคลสำคัญในวงการความสวยความงาม แต่ในแง่มุมชีวิตของเขานั้นก็มีเช่นกัน อย่างงานถ่ายภาพของเขานั้นได้รับแรงบันดาลใจมาจากศิลปินอิมเพลสชันนิสต์มากมาย จนได้ไปวางแสดงอยู่ที่พิพิธภัณฑ์กุกเกนไฮม์ (Guggenheim Museum) อีกทั้งยังสร้างหนังสั้น และโฆษณาจนได้รับรางวัล 2 รางวัลจากงาน Cannes Lions International Festival of Creativity ซึ่งเป็นอีกแง่มุมในชีวิตของลูตองส์ที่น้อยคนจะรู้
จริงอยู่ที่เขาอาจไม่ได้มีชื่อเสียงอย่าง คาร์ล ลาเกอร์เฟลด์ (Karl Lagerfeld) หรือ คริสเตียน ดิออร์ แต่วงการเครื่องสำอางและการแต่งหน้าคงไม่ก้าวไปข้างหน้าหากไม่มีลูตองส์ คงไม่เป็นการกล่าวเกินจริงหากจะบอกว่า แซร์จ ลูตองส์ เป็นนักปฏิวัติแห่งการแต่งหน้าอย่างแท้จริง
รับฟังเรื่องราวของ ‘ป้อม-วินิจ’ Makeup Artist ผู้ได้รับแรงบัลดาลใจจาก ‘แซร์จ ลูตองส์’ ได้ทาง Spotify จาก SPACEBAR
