จากกระแสในสังคมที่เกิดขึ้นเกี่ยวกับ ทราย สก็อต หลายคนอาจตั้งคำถามว่า "ตกลงแล้วการดูแลรักษาทะเลเป็นหน้าที่ของใครกันแน่" เราควรมองว่าการอนุรักษ์ทะเลเป็นเพียงหน้าที่ของเจ้าหน้าที่รัฐเท่านั้นหรือไม่? หรือในความจริงแล้วการอนุรักษ์ทะเลควรเป็นความรับผิดชอบร่วมกันของพวกเราทุกคนหรือเปล่า
เวลาพูดถึงการอนุรักษ์ทะเลหลายคนอาจมองว่าควรเป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่รัฐ หน่วยงานเฉพาะทาง หรือผู้ที่ทำงานเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมเท่านั้น แต่หากมองลึกลงไปความจริงแล้วทะเลคือสมบัติของเราทุกคน และการดูแลรักษาทะเลก็ไม่ควรเป็นเรื่องของใครคนหนึ่งเพียงลำพัง เพราะสิ่งที่อยู่ในทะเลทั้งสัตว์น้ำ ปะการัง หรือหาดทรายสวยๆ ล้วนมีความหมายต่อชีวิตพวกเราทั้งสิ้น
ทะเลคือสิ่งที่เชื่อมโยงกับพวกเราทุกคนในแบบที่หลายคนอาจไม่เคยรู้มาก่อน ทั้งสัตว์น้ำหลายชนิดอันเป็นแหล่งอาหารที่เลี้ยงชีวิตคนทั่วโลก ทั้งปะการังทำหน้าที่เป็นบ้านและแหล่งอนุบาลให้สัตว์น้ำนับล้านตัวรวมถึงช่วยปกป้องชายฝั่งจากคลื่นลมแรง ส่วนหาดทรายที่ดูธรรมดาแต่ก็มีส่วนช่วยกรองน้ำ ซับน้ำฝน และเป็นพื้นที่พักพิงของสัตว์ป่าในระบบนิเวศชายฝั่ง ทะเลไม่ได้มีความสำคัญแค่เรื่องความสวยงามหรือการท่องเที่ยวแต่ยังเป็นส่วนหนึ่งของการดำรงอยู่ของโลกใบนี้ และชีวิตของพวกเราทุกคนล้วนผูกพันกับทะเลมากกว่าที่คิด
แม้จะเป็นความจริงที่ว่าเจ้าหน้าที่รัฐมีหน้าที่รับผิดชอบโดยตรงในแง่ของการจัดการพื้นที่คุ้มครอง บังคับใช้กฎหมาย และฟื้นฟูระบบนิเวศ แต่พวกเขาไม่สามารถดูแลทะเลทั้งหมดได้แต่เพียงฝ่ายเดียวหากขาดความร่วมมือจากหน่วยอื่นๆ การอนุรักษ์จึงไม่ใช่เพียงภารกิจของ “เขา” หรือ “พวกเขา” แต่คือการมีส่วนร่วมของ “เรา” ทุกคน
เราสามารถเริ่มต้นดูแลรักษาทะเลได้ง่ายๆ จากสิ่งรอบตัว เช่น การไม่ทิ้งขยะลงทะเล ไม่เก็บเปลือกหอยหรือปะการังกลับมา ไม่เหยียบปะการังเวลาลงดำน้ำ หรือเลือกสนับสนุนธุรกิจที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม การกระทำเหล่านี้แม้อาจดูเล็กน้อยแต่หากทุกคนร่วมมือกันก็จะสามารถช่วยรักษาทะเลไว้ให้สวยงามตลอดไป
สุดท้ายแล้วไม่ต้องรอให้ใครมาเริ่มก่อน แค่เริ่มต้นที่ตัวเรา เพราะเราทุกคนมีสิทธิ์และหน้าที่ในการดูแลทะเลเช่นกัน ทะเลจะยังคงงดงามและมีชีวิตอยู่ได้ไปอีกนานแสนนานก็ต่อเมื่อทุกคนร่วมมือกันดูแล ไม่มีใครคนเดียวที่เปลี่ยนแปลงโลกได้ทั้งหมด แต่หากทุกคนช่วยกันคนละไม้คนละมือโลกของเราก็จะน่าอยู่ขึ้นอย่างแน่นอน
เรื่อง: อารียา ธีรการุณวงศ์
