‘9 ธ.ค.นี้’ ได้หัวหน้า ปชป.แน่นอน

2 ธ.ค. 2566 - 05:35

  • ‘ราเมศ’ ย้ำ 9 ธ.ค. ได้หัวหน้า ปชป.แน่นอน ยันไร้กระบวนการซื้อเสียง พร้อมเปิดให้ผู้สมัครแสดงวิสัยทัศน์คนละ 7 นาที

  • จี้ ‘เศรษฐา’ ตอบปมย้าย ‘อธิบดีดีเอสไอ’

  • ป้อง ‘เฉลิมชัย’ ไม่เอี่ยวขบวนการหมูเถื่อน ให้กฎหมายจับตาหากพบถูกพาดพิง

9Dec23-get-lead-of-Damocrat-Party-certainly-SPACEBAR-Hero.jpg

ราเมศ รัตนเชวง รักษาการโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงข่าวถึงการประชุมใหญ่ วิสามัญ พรรคประชาธิปัตย์ ในวันที่ 9 ธันวาคมที่โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ เพื่อเลือกหัวหน้าพรรคและคณะกรรมการบริหารชุดใหม่ว่า ได้เตรียมองค์ประชุมไว้ทั้งหมด 346 คน ซึ่งรวม 150 คนที่เป็นองค์ประชุมสำรองด้วย ทั้งนี้ องค์ประชุมหลักในการประชุมอยู่ที่ 250 คน ถ้าเกิดช่วงเวลาใดเวลาหนึ่งที่องค์ประชุมขาด ก็สามารถนำองค์ประชุมสำรองเข้าไปเติมได้ 

สำหรับบุคคลที่แสดงเจตจำนงลงชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรค ถือว่ายังไม่ใช่ผู้สมัครอย่างเป็นทางการ ต้องรอเสนอให้ที่ประชุมรับรองตามขั้นตอนก่อน จึงจะเป็นผู้สมัครได้โดยสมบูรณ์ พร้อมมั่นใจว่าในวันที่ 9 ธันวาคมนี้จะได้หัวหน้าพรรคคนใหม่ที่จะนำพาพรรคไปสู่การเปลี่ยนแปลงพัฒนาพรรคให้มีความยั่งยืนได้ และเมื่อได้หัวหน้าพรรคแล้ว กระบวนการทำหน้าที่ฝ่ายนิติบัญญัติ พรรคประชาธิปัตย์ ขอยืนยันว่า จะทำหน้าที่ฝ่ายค้านอย่างเต็มที่ในการตรวจสอบรัฐบาล ไปพร้อมกับ การเดินหน้าฟื้นฟูพรรคต่อไป 

ขณะเดียวกัน ราเมศ ชี้แจงว่า ผู้สมัครหัวหน้าพรรคคนใดที่เป็นสมาชิกพรรคน้อยกว่า 5 ปี ถือว่ามีคุณสมบัติไม่ครบตามข้อบังคับ ดังนั้น คนที่เสนอจะต้องขอมติในที่ประชุมไม่น้อยกว่า 3 ใน 4 ให้ยกเว้นข้อบังคับ และในการเสนอชื่อผู้ลงชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรคจะต้องมีผู้รับรองในห้องประชุมไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่ง

สำหรับบุคคลที่ผ่านการเสนอชื่อเป็นผู้สมัครชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรค จะสามารถแสดงวิสัยทัศน์ได้คนละไม่เกิน 7 นาที บนเวที เพื่อให้องค์ประชุมได้ทราบถึงแนวทางอุดมการในการเดินหน้าพรรค พร้อมย้ำสัดส่วนคะแนนยังไม่ได้มีการแก้ไขยังคงเป็นสัดส่วน 70:30 เหมือนเดิม โดย 70% มาจาก สส. 25 คน และ 30% มาจากองค์ประชุมส่วนอื่น 

อย่างไรก็ตาม ราเมศ ยืนยัน ไม่มีกระบวนการซื้อเสียงในการเลือกตั้งหัวหน้าพรรค โดยยึดถือหลักประชาธิปไตย ดังนั้น การหาเสียงสามารถทำได้อย่างเต็มที่ โดยอนุญาตให้ใช้สื่อต่างๆ ได้ ทั้งในรูปแบบโซเชียลมีเดีย หรือ การใช้ป้ายแผ่นโบรชัวแจก เพื่อขอคะแนนสนับสนุน

ราเมศ  ยังกล่าวถึงกรณีประเด็นการแก้ปัญหาขบวนการหมูเถื่อนว่าเห็นด้วยกับการแก้ปัญหาหมูเถื่อนของรัฐบาลแต่อยากให้รัฐบาลและเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีจริงจังในการแก้ไขปัญหาโดยไม่ให้มีการเอื้อประโยชน์ให้ใคร โดยเฉพาะการบังคับใช้กฎหมายอย่างเท่าเทียม

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีต้องตอบคำถามให้ชัดเรื่องของการโยกย้าย พ.ต.ต.สุริยา สิงหกมล พ้นจากตำแหน่งอธิบดีดีเอสไอว่า เป็นเพื่อประโยชน์ของทางราชการหรือเพื่อประโยชน์ของใคร เพราะสังคมยังคงตั้งคำถาม และขณะนี้ยังไม่มีคำชี้แจงจากรัฐบาลที่เป็นทางการหรือมีเหตุผลในการอธิบายจนทำให้สังคมเข้าใจไปอีกอย่างนึง

ราเมศ กล่าวด้วยว่า เฉลิมชัย ศรีอ่อน ซึ่งอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้จริงจังกับการแก้ปัญหาหมูเถื่อนมาโดยตลอดและไม่เคยเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับขบวนการนี้ ดังนั้นฝ่ายกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์จะจับตาดูอย่างใกล้ชิดหากมีการพาดพิงไปถึงเฉลิมชัย จะมีการใช้สิทธิ์ป้องกันสิทธิ์ตามกฏหมาย

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์