คณะกรรมการประสานงานร่วม 3 ฝ่าย (วิป 3 ฝ่าย) จัดการประชุมที่รัฐสภา โดยมี วันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภาและประธานสภาผู้แทนราษฏร เป็นประธานการประชุม พร้อมด้วยตัวแทน สส. และคณะรัฐมนตรี (ครม.) อาทิ สมคิด เชื้อคง ตัวแทน ครม., วิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย, ภราดร ปริศนานันทกุล สส.อ่างทอง พรรคภูมิใจไทย, ตัวแทนฝ่ายค้าน ได้แก่ ปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล และ วิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล, ประมวล พงษ์ถาวราเดช สส.ประจวบคีรีขันธ์ และประธาน สส.พรรคประชาธิปัตย์, ตัวแทนจากวุฒิสภา (สว.) ได้แก่ มหรรณพ เดชพิทักษ์ สว. เป็นต้น เพื่อวางกรอบเวลาการอภิปรายการแถลงนโยบายของรัฐบาลต่อที่ประชุมรัฐสภา และแบ่งสัดส่วนเวลาของแต่ละฝ่าย ซึ่งใช้เวลาการประชุมประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาที
ต่อมา วันมูหะมัดนอร์ ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมว่า การประชุมเพื่อแถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภา ที่จะมีขึ้นในวันที่ 11-12 กันยายนนี้ จะใช้เวลา 2 วัน รวมทั้งสิ้น 30 ชั่วโมง โดยแบ่งเป็น ประธานรัฐสภา 1 ชั่วโมง ฝ่าย ครม.แถลงและชี้แจง 5 ชั่วโมง, ฝ่าย สว. 5 ชั่วโมง, ฝ่ายรัฐบาล 5 ชั่วโมง และฝ่ายค้าน 14 ชั่วโมง ซึ่งคิดว่าคงเพียงพอในการที่ทุกฝ่ายจะปรับเวลาที่ชัดเจนให้ตามจำนวนคน และคาดว่าคงไม่เกินในเวลาที่กำหนดไว้ ทั้งนี้ ขอบคุณทุกฝ่ายที่ทำให้การประชุมจบด้วยดี ไม่มีใครไม่ยอม แม้ทุกฝ่ายจะอยากได้เวลา แต่เมื่อทราบข้อจำกัดของเวลา และความสนใจของพี่น้องประชาชนแล้ว จึงตกลงกันเช่นนี้
“คาดว่าในวันแรก อาจจะเลิกประชุมดึก แต่คงไม่เกินเที่ยงคืน และวันที่สอง คงไม่เกิน 23.00 น. แม้บางฝ่ายจะบอกว่าไม่อยากให้เกิน 21.00 น. แต่เพื่อให้การอภิปรายในวันถัดมามีคุณภาพมากขึ้น และความสนใจของพี่น้องประชาชน รวมถึง ครม. แจ้งว่าในวันที่ 13 ก.ย. 66 จะมีการประชุม ครม. ทุกฝ่ายจึงบอกว่าจะกลับไปเตรียมทั้งตัวบุคคลและเนื้อหาสาระให้ดี เพื่อให้เป็นประโยชน์มากที่สุด” ประธานรัฐสภาและประธานสภาฯ ระบุ
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า อยากฝากอะไรถึงฝ่ายค้านหรือไม่ เนื่องจากฝ่ายค้านอยากใช้เวทีนี้ในการซักฟอกรัฐบาล วันมูหะมัดนอร์ ก็กล่าวว่า ฝ่ายค้านยืนยันเองว่าจะอยู่ในกรอบของการอภิปรายเรื่องนโยบายและความเป็นไปได้ในการปฏิบัติตามนโยบายนั้น แต่ไม่ใช่การอภิปรายไม่ไว้วางใจ อีกทั้งคิดว่าฝ่ายค้านตอนนี้ เป็นฝ่ายค้านที่มีคุณภาพ มีข้อมูลพร้อมที่จะอภิปรายในกรอบกฎหมายและข้อบังคับ รวมถึงความสนใจของพี่น้องประชาชน
ส่วนการรักษาความปลอดภัยในวันดังกล่าว จะเป็นไปตามกฎระเบียบ หรือต้องมีการรักษาความปลอดภัยเข้มเป็นพิเศษหรือไม่ เนื่องจากอาจมีกลุ่มผู้ชุมนุมมาในบางวันนั้น วันมูหะมัดนอร์ ก็มองว่า คงไม่มีกลุ่มผู้ชุมนุม หรือมีการกดดันสภาฯ เพราะพี่น้องประชาชนติดตามการประชุมตลอดเวลาผ่านการถ่อยสดในหลายช่องทาง เนื่องจากทุกฝ่ายคงอยากให้การอภิปรายเป็นไปด้วยความเรียบร้อยและมีคุณภาพ ไม่มีแรงกดดันใดๆ นอกจากเนื้อหาที่จะพูดอย่างเต็มที่
“หากมีกลุ่มผู้ชุมนุมมาที่สภาฯ คงไม่เกิดประโยชน์อะไร ไม่ได้หมายความสภาฯ จะรังเกียจ การมีผู้ชุมนุมหรือผู้สนับสนุนก็เป็นเรื่องที่ดี แต่ช่วงอภิปรายต้องใช้เวลา หากมา คงเสียทั้งค่าใช้จ่ายและเวลามาก” ประธานรัฐสภาและประธานสภาฯ ระบุ
ต่อมา วันมูหะมัดนอร์ ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมว่า การประชุมเพื่อแถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภา ที่จะมีขึ้นในวันที่ 11-12 กันยายนนี้ จะใช้เวลา 2 วัน รวมทั้งสิ้น 30 ชั่วโมง โดยแบ่งเป็น ประธานรัฐสภา 1 ชั่วโมง ฝ่าย ครม.แถลงและชี้แจง 5 ชั่วโมง, ฝ่าย สว. 5 ชั่วโมง, ฝ่ายรัฐบาล 5 ชั่วโมง และฝ่ายค้าน 14 ชั่วโมง ซึ่งคิดว่าคงเพียงพอในการที่ทุกฝ่ายจะปรับเวลาที่ชัดเจนให้ตามจำนวนคน และคาดว่าคงไม่เกินในเวลาที่กำหนดไว้ ทั้งนี้ ขอบคุณทุกฝ่ายที่ทำให้การประชุมจบด้วยดี ไม่มีใครไม่ยอม แม้ทุกฝ่ายจะอยากได้เวลา แต่เมื่อทราบข้อจำกัดของเวลา และความสนใจของพี่น้องประชาชนแล้ว จึงตกลงกันเช่นนี้
“คาดว่าในวันแรก อาจจะเลิกประชุมดึก แต่คงไม่เกินเที่ยงคืน และวันที่สอง คงไม่เกิน 23.00 น. แม้บางฝ่ายจะบอกว่าไม่อยากให้เกิน 21.00 น. แต่เพื่อให้การอภิปรายในวันถัดมามีคุณภาพมากขึ้น และความสนใจของพี่น้องประชาชน รวมถึง ครม. แจ้งว่าในวันที่ 13 ก.ย. 66 จะมีการประชุม ครม. ทุกฝ่ายจึงบอกว่าจะกลับไปเตรียมทั้งตัวบุคคลและเนื้อหาสาระให้ดี เพื่อให้เป็นประโยชน์มากที่สุด” ประธานรัฐสภาและประธานสภาฯ ระบุ
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า อยากฝากอะไรถึงฝ่ายค้านหรือไม่ เนื่องจากฝ่ายค้านอยากใช้เวทีนี้ในการซักฟอกรัฐบาล วันมูหะมัดนอร์ ก็กล่าวว่า ฝ่ายค้านยืนยันเองว่าจะอยู่ในกรอบของการอภิปรายเรื่องนโยบายและความเป็นไปได้ในการปฏิบัติตามนโยบายนั้น แต่ไม่ใช่การอภิปรายไม่ไว้วางใจ อีกทั้งคิดว่าฝ่ายค้านตอนนี้ เป็นฝ่ายค้านที่มีคุณภาพ มีข้อมูลพร้อมที่จะอภิปรายในกรอบกฎหมายและข้อบังคับ รวมถึงความสนใจของพี่น้องประชาชน
ส่วนการรักษาความปลอดภัยในวันดังกล่าว จะเป็นไปตามกฎระเบียบ หรือต้องมีการรักษาความปลอดภัยเข้มเป็นพิเศษหรือไม่ เนื่องจากอาจมีกลุ่มผู้ชุมนุมมาในบางวันนั้น วันมูหะมัดนอร์ ก็มองว่า คงไม่มีกลุ่มผู้ชุมนุม หรือมีการกดดันสภาฯ เพราะพี่น้องประชาชนติดตามการประชุมตลอดเวลาผ่านการถ่อยสดในหลายช่องทาง เนื่องจากทุกฝ่ายคงอยากให้การอภิปรายเป็นไปด้วยความเรียบร้อยและมีคุณภาพ ไม่มีแรงกดดันใดๆ นอกจากเนื้อหาที่จะพูดอย่างเต็มที่
“หากมีกลุ่มผู้ชุมนุมมาที่สภาฯ คงไม่เกิดประโยชน์อะไร ไม่ได้หมายความสภาฯ จะรังเกียจ การมีผู้ชุมนุมหรือผู้สนับสนุนก็เป็นเรื่องที่ดี แต่ช่วงอภิปรายต้องใช้เวลา หากมา คงเสียทั้งค่าใช้จ่ายและเวลามาก” ประธานรัฐสภาและประธานสภาฯ ระบุ
