‘เพื่อไทย’ ต้องตั้งหลัก อย่าทรยศประชาชน

19 ก.ค. 2566 - 14:55

  • ‘อานนท์’ ย้ำ ‘เพื่อไทย’ ต้องตั้งหลัก อย่าทรยศประชาชน ปลุกม็อบเชื่อพลังของประชาชน

Anon-addressed-the-people-SPACEBAR-Hero
19 ก.ค. 66 ที่อนุเสาวรีย์ประชาธิปไตย ‘อานนท์ นำพา’ ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน และนักเคลื่อนไหวทางการเมือง ได้กล่าวปราศรัยบนเวทีกิจกรรม ‘ฌาปนกิจ สว. และศาลรัฐธรรมนูญ’ ว่า หลายคนจำได้ว่าการต่อสู้เรายาวนาน และไม่เคยขาดตอน บางคนตั้งคำถาม ว่าลงแล้วถนนได้อะไร แล้วจะชนะหรือไม่  

พร้อมหยิบยกเหตุการณ์การชุมนุมที่ได้รับชัยชนะเมื่อ ปี 2516  ปี 2535 ที่มวลชนออกมาลงถนนหลายแสนคน จนรัฐบาลเผด็จการต้องพ่ายแพ้แก่ประชาชน 

ในขณะที่การชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง เมื่อปี 2553 ก็ได้ส่งผลให้ประชาชนตาสว่างทั้งแผ่นดิน มาถึงคราว ปี 2563 ที่นิสิตนักศึกษาและประชาชน ออกมาขับเคลื่อน จนสามารถเปลี่ยนแปลงทางแนวคิดทางการเมืองแบบหน้ามือเป็นหลังมือ ก็เกิดขึ้นบนถนนราชดำเนินแห่งนี้ 

การชุมนุมใหญ่วันนี้ถือเป็นการต่อสู้ครั้งแรกของยกใหม่ จะทำให้ไดโนเสาร์ต้องสูญพันธ์ ซึ่งคนที่จะสูญพันธุ์จะต้องทรมาณแบบทุรนทุราย ในเมื่อปี 62 อนาคตใหม่ ซึ่งเป็นพรรคคนหนุ่มสาว 

“เขาให้เราต่องต่อสู้กับคนที่ครองอำนาจจริงในประเทศนี้ เขาเหยียบเราให้จมดิน แต่เราไม่ใช่เม็ดดินเม็ดทราย แต่ยิ่งเหยียบยิ่งงอกงาม”
  
สำหรับผลการเลือกตั้งในรอบนี้แสดงให้เห็นว่าพรรคก้าวไกลมีพัฒนาการ จากสมัยพรรคอนาคตใหม่ที่เคยได้รับเลือกเป็น อันดับ 3 อันดับ 4 มาวันนี้กลายเป็นทั้งอันดับ 1 มีอดีตมวลชนคนสำคัญที่ได้เข้าไปทำงานเป็นสสสมัยแรก อาทิ ‘ปิยรัฐ จงเทพ’, ‘ชลธิชา แจ้งเร็ว’ และ ‘ศศินันท์ ธรรมนิฐินันท์’

ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นสัญญาณว่าคนรุ่นใหม่กำลังเติบโตขึ้นเรื่อยๆ และในอีก 4 ปีข้างหน้า จะได้ 20 ล้านเสียงแน่นอน ในส่วน ‘พิธา ลิ้มเจริญรัตน์’ หากถูกตัดสินทางการเมือง การเลือกตั้งรอบหน้า เจอ ‘รังสิมันต์ โรม’ แน่นอน ซึ่งชื่อก็บอกว่า ‘กรุงโรมไม่ได้สร้างเสร็จแค่วันเดียว’

การที่ กกต.ส่งฟ้องศาลรัฐธรรมนูญ 2 ข้อ ทั้งกรณี ถือหุ้นสื่อ และกรณีการล้มล้างการปกครอง กลังเสนอแก้ ม.112 เป็นความกังวลของขั่วอำนาจเก่าเพราะกลัวว่าคนรุ่นใหม่ที่เข้าไปสภาฯ แล้วจะเปลี่ยนแปลงโครงสร้างหลายฉบับ การแก้ไขโครงสร้างของกระทรวงกลาโหม ให้อยู่ใต้พลเรือน และการแก้โครงสร้างกระทรวงศึกษาธิการ เพราะกลัวจะมีการนำประวัติศาสตร์ที่แท้จริงมาเปิดเผย  

ย้ำว่าสิ่งที่กังวลจะเกิดขึ้นภายใน 4 ปี อย่างกรณีที่ กรณี ‘ธาริต เพ็งดิษฐ์’ ที่ออกมาแฉ กรณีการทำรัฐประหารของคสช. เพื่อไม่ให้ตนติดคุก ส่วนการนับถอยหลังก่อน สว.จะหมดอายุ ความหวังของฝ่ายประชาธิปไตยอยู่ที่ ‘พรรคเพื่อไทย’
  
“เพื่อไทยต้องตั้งหลักให้มั่นห้ามทรยศประชาชน หากจะจับมือประชาธิปัตย์ ให้นึกหน้า อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ว่าทำอะไรกับเสื้อแดง หากจะจับมือกับภูทิใจไทย ให้นึกถึงหน้าขอว เนวิน ชิดชอบ หากจะจับมือกับ 2 ป. ให้นึกหน้าที่คนตายทั้งหมดบนราชดำเนินและผู้ลี้ภัยทางการเมืองทั้งหลาย” 

อย่างไรก็ตาม ต่อไปนี้จะมีการนัดหมายถี่ขึ้นเพื่อให้คนต่างจังหวัด สามารถเดินทางเข้ามาที่นี่ร่วมชุมนุมกับเราได้ และขอให้เตรียมรองเท้าคัทชู - ผ้าใบ เพื่อใส่ไปทำงานและเดินไปทำเนียบรัฐบาล ซึ่งความอดทนคนมีจำกัด การที่มารวมตัวกันที่นี้มันสิ้นสุดแล้วการต่อสู้จึงเริ่มขึ้น 

อานนท์ ทิ้งท้ายว่า แกนนำทุกคนทำตามกฎหมายทุกอย่าง แต่หากมีอะไรเกิดขึ้นทุกคนก็พร้อมเป็นผนังทองแดงกำแพงเหล็ก อยากให้มวลชนเชิญชวนคนใกล้ชิด มาร่วมชุมนุมจนกระจายไปทั่วไปประเทศ ถึง 1 แสนคนเมื่อไหร่เผด็จการจะอยู่ไม่ได้เอง

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์