อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีสาธารณสุข และ รมต.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ปฏิเสธให้ควารมเห็นถึงกระแสข่าว พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมต.กลาโหม จะแยกจาก พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ไปอยู่กับพรรครวมไทยสร้างชาติ
“ต้องถามนายกฯ และ พล.อ.ประวิตร ตนไม่ได้อยู่ด้วย” อนุทิน ระบุ
เมื่อถามว่าการที่นายกฯ จะไปอยู่กับพรรครวมไทยสร้างชาติ จะเป็นการเบียดคะแนนกันเองในพรรคร่วมรัฐบาลหรือไม่ อนุทิน กล่าวว่า “ตรงนี้ตัวใครตัวมัน ไปก้าวก่ายไม่ได้ คนระดับนายกฯ จะไปวิพากษ์วิจารณ์การตัดสินใจได้อย่างไร ต้องเคารพด้วยซ้ำ” พร้อมปฏิเสธที่จะให้ความเห็นถึงประเด็นการแยกกันตีแต่จะแบ่งเสียงจากพรรคร่วมรัฐบาลไปด้วย
“ไม่มีหรอก เลิกตีกันได้แล้ว รักกันดีกว่า พรรคภูมิใจไทยเวลาให้สัมภาษณ์หรืออภิปราย ไม่มีแดกดันใคร หรือจบด้วยคำพูดสร้างความเกลียดชัง หรือด้อยค่าใคร พูดแต่ประโยชน์ของประชาชนและบ้านเมืองและเคารพและรับฟังการวิจารณ์ของคนอื่น และนำที่เป็นประโยชน์มาใช้เราต้องลดความขัดแย้งและด้อยค่าคนอื่นบ้านเมืองจะได้ไปได้ ยืนของพรรคภูมิใจไทยก็เคยบอกไปแล้วและเลือกข้างนานแล้ว” อนุทิน ระบุ
นอกจากนี้ อนุทิน ยืนยันด้วยว่า นายกรัฐมนตรีไม่ได้มีการส่งสัญญาณใดๆ
“สัปดาห์ที่แล้วก็ยุ่งอยู่กับการต้อนรับผู้นำที่มาประชุมผู้นำเอเปคและจะได้พบนายกฯ วันแรกหลังการประชุมเอเปกคือในการประชุม ครม.วันนี้ ส่วนการเมืองไม่มีอะไรก็ดำเนินไปทุกวัน เดี๋ยวก็ผ่านไปถึงเดือน และมีนาคม 2566 สภาฯ หมดวาระ และภายใน 45-60 วัน ก็ต้องจัดให้มีการเลือกตั้ง” อนุทิน ระบุ
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าจากสถานการณ์ตอนนี้จะอยู่จนครบวาระหรือจะเกิดการยุบสภาฯ ขึ้นก่อน อนุทิน กล่าวว่า “ตอนนี้อะไรก็ได้แล้ว ถ้ายุบก็เชื่อว่าพรรคการเมืองทุกพรรคมีความพร้อม และเวลานี้ใกล้เดือนธันวาคม และสภาจะหมดวาระในเดือนมีนาคม 2566 ถ้าพรรคการเมืองไหนบอกว่ายังไม่พร้อม ก็คงไม่ต้องแข่งแล้ว คงไม่ทัน”
เมื่อถามว่าร่างกฎหมายลูกทั้งสองฉบับที่ศาลรัฐธรรมนูญ จะอ่านคำวินิจฉัยในวันที่ 23 และ 30 พฤศจิกายนนี้ ไม่เป็นอุปสรรคต่อการที่จะเลือกตั้ง ใช่หรือไม่ อนุทิน กล่าวว่า “พรรคภูมิใจไทยเน้นการเลือกตั้งเน้นให้ผู้สมัครของพรรคสร้างความนิยมกับตัวเองและนำนโยบายของพรรคไปให้ประชาชนรับทราบมากที่สุด และใช้ความเชื่อมั่นและสิ่งที่ประชาชนพูดติดปากว่าภูมิใจไทย พูดแล้วทำ ให้เน้นตรงนี้มากกว่า ส่วนเรื่องกฎเกณฑ์ต่างๆ ถ้าตัวผู้สมัครและพรรค ได้รับความนิยมดีแล้ว และนโยบายดี จะการ 100 หรือ 500 จะใช้บัตรเลือกตั้งใบเดียวหรือสองใบ ก็ไม่มีปัญหาสำหรับพรรคภูมิใจไทย”
อนุทิน ยืนยันด้วยว่า ได้มีการพูดคุยกับ ส.ส.จากพรรคอื่นที่จะมาอยู่กับพรรคภูมิใจไทย แต่รอวันที่ทุกอย่างถูกต้องตามกระบวนการกฎหมาย ก่อนที่จะเปิดตัวผู้สมัครอย่างเป็นทางการ พร้อมระบุ การวางตัวผู้สมัคร ส.ส.ทั่วประเทศนั้นลงตัวแล้ว แต่ปฏิเสธให้ข้อมูลว่า พุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคพลังประชารัฐ ตอบรับที่จะมาร่วมงานกับพรรคภูมิใจไทย ชัดเจนหรือยัง
เมื่อถามว่า ส.ส.กทม.ของพรรคพลังประชารัฐ จะมาอยู่กับพรรคภูมิใจไทยหรือไม่ อนุทิน กล่าวว่า “เราคุยกับทุกคนที่คิดว่าทำงานด้วยกันได้ และไม่รู้คนของเราจะออกไปหรือเปล่าก็ไม่รู้ ย้ำว่าใช้ความเชื่อมั่นและนโยบายของพรรคถ้านักการเมืองคนใดเห็นว่าแนวทางของพรรคภูมิใจไทยจะทำให้ได้รับความไว้วางใจจากประชาชนก็มาคุยกัน”
ส่วนคำถามที่ว่า หากได้กลับมาเป็นรัฐบาล จะกลับมาอยู่กระทรวงสาธารณสุขหรือไม่ อนุทิน กล่าวว่า “สนุกดีอยู่กระทรวงนี้ มีความท้าทายและสามารถทำประโยชน์ให้กับประชาชนได้ทุกวัน เห็นประชาชนมีสุขภาพดีขึ้นปลอดภัยจากโรคระบาดร้ายแรง และ อสม.ทำงานเป็นหมอคนแรกได้ คนเป็นโรคไตสามารถฟอกไตได้ และเป็นโรคมะเร็งสามารถรักษาได้ทุกที่ ก็ทำให้ภูมิใจในตัวเองว่าในช่วงที่เป็นรัฐมนตรีอย่างน้อยก็ได้ทำอะไรที่เป็นประโยชน์”
เมื่อถามว่ากระทรวงมหาดไทย น่าสนใจหรือไม่ อนุทิน กล่าวว่า “เอาเลือกตั้งให้รอดก่อน เพราะยังไม่รู้จะได้มากี่คน ทำไมไม่ถามว่าเป็นฝ่ายค้าน เป็นผู้นำฝ่ายค้านน่าสนใจหรือเปล่า” ทำให้สื่อมวลชนถามย้ำว่า ที่ระบุเช่นนี้เป็นการส่งสัญญาณ หรือไม่ อนุทิน กล่าวว่า “เป็นได้หมดและเป็นได้ดีด้วย”
“ต้องถามนายกฯ และ พล.อ.ประวิตร ตนไม่ได้อยู่ด้วย” อนุทิน ระบุ
เมื่อถามว่าการที่นายกฯ จะไปอยู่กับพรรครวมไทยสร้างชาติ จะเป็นการเบียดคะแนนกันเองในพรรคร่วมรัฐบาลหรือไม่ อนุทิน กล่าวว่า “ตรงนี้ตัวใครตัวมัน ไปก้าวก่ายไม่ได้ คนระดับนายกฯ จะไปวิพากษ์วิจารณ์การตัดสินใจได้อย่างไร ต้องเคารพด้วยซ้ำ” พร้อมปฏิเสธที่จะให้ความเห็นถึงประเด็นการแยกกันตีแต่จะแบ่งเสียงจากพรรคร่วมรัฐบาลไปด้วย
“ไม่มีหรอก เลิกตีกันได้แล้ว รักกันดีกว่า พรรคภูมิใจไทยเวลาให้สัมภาษณ์หรืออภิปราย ไม่มีแดกดันใคร หรือจบด้วยคำพูดสร้างความเกลียดชัง หรือด้อยค่าใคร พูดแต่ประโยชน์ของประชาชนและบ้านเมืองและเคารพและรับฟังการวิจารณ์ของคนอื่น และนำที่เป็นประโยชน์มาใช้เราต้องลดความขัดแย้งและด้อยค่าคนอื่นบ้านเมืองจะได้ไปได้ ยืนของพรรคภูมิใจไทยก็เคยบอกไปแล้วและเลือกข้างนานแล้ว” อนุทิน ระบุ
นอกจากนี้ อนุทิน ยืนยันด้วยว่า นายกรัฐมนตรีไม่ได้มีการส่งสัญญาณใดๆ
“สัปดาห์ที่แล้วก็ยุ่งอยู่กับการต้อนรับผู้นำที่มาประชุมผู้นำเอเปคและจะได้พบนายกฯ วันแรกหลังการประชุมเอเปกคือในการประชุม ครม.วันนี้ ส่วนการเมืองไม่มีอะไรก็ดำเนินไปทุกวัน เดี๋ยวก็ผ่านไปถึงเดือน และมีนาคม 2566 สภาฯ หมดวาระ และภายใน 45-60 วัน ก็ต้องจัดให้มีการเลือกตั้ง” อนุทิน ระบุ
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าจากสถานการณ์ตอนนี้จะอยู่จนครบวาระหรือจะเกิดการยุบสภาฯ ขึ้นก่อน อนุทิน กล่าวว่า “ตอนนี้อะไรก็ได้แล้ว ถ้ายุบก็เชื่อว่าพรรคการเมืองทุกพรรคมีความพร้อม และเวลานี้ใกล้เดือนธันวาคม และสภาจะหมดวาระในเดือนมีนาคม 2566 ถ้าพรรคการเมืองไหนบอกว่ายังไม่พร้อม ก็คงไม่ต้องแข่งแล้ว คงไม่ทัน”
เมื่อถามว่าร่างกฎหมายลูกทั้งสองฉบับที่ศาลรัฐธรรมนูญ จะอ่านคำวินิจฉัยในวันที่ 23 และ 30 พฤศจิกายนนี้ ไม่เป็นอุปสรรคต่อการที่จะเลือกตั้ง ใช่หรือไม่ อนุทิน กล่าวว่า “พรรคภูมิใจไทยเน้นการเลือกตั้งเน้นให้ผู้สมัครของพรรคสร้างความนิยมกับตัวเองและนำนโยบายของพรรคไปให้ประชาชนรับทราบมากที่สุด และใช้ความเชื่อมั่นและสิ่งที่ประชาชนพูดติดปากว่าภูมิใจไทย พูดแล้วทำ ให้เน้นตรงนี้มากกว่า ส่วนเรื่องกฎเกณฑ์ต่างๆ ถ้าตัวผู้สมัครและพรรค ได้รับความนิยมดีแล้ว และนโยบายดี จะการ 100 หรือ 500 จะใช้บัตรเลือกตั้งใบเดียวหรือสองใบ ก็ไม่มีปัญหาสำหรับพรรคภูมิใจไทย”
อนุทิน ยืนยันด้วยว่า ได้มีการพูดคุยกับ ส.ส.จากพรรคอื่นที่จะมาอยู่กับพรรคภูมิใจไทย แต่รอวันที่ทุกอย่างถูกต้องตามกระบวนการกฎหมาย ก่อนที่จะเปิดตัวผู้สมัครอย่างเป็นทางการ พร้อมระบุ การวางตัวผู้สมัคร ส.ส.ทั่วประเทศนั้นลงตัวแล้ว แต่ปฏิเสธให้ข้อมูลว่า พุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคพลังประชารัฐ ตอบรับที่จะมาร่วมงานกับพรรคภูมิใจไทย ชัดเจนหรือยัง
เมื่อถามว่า ส.ส.กทม.ของพรรคพลังประชารัฐ จะมาอยู่กับพรรคภูมิใจไทยหรือไม่ อนุทิน กล่าวว่า “เราคุยกับทุกคนที่คิดว่าทำงานด้วยกันได้ และไม่รู้คนของเราจะออกไปหรือเปล่าก็ไม่รู้ ย้ำว่าใช้ความเชื่อมั่นและนโยบายของพรรคถ้านักการเมืองคนใดเห็นว่าแนวทางของพรรคภูมิใจไทยจะทำให้ได้รับความไว้วางใจจากประชาชนก็มาคุยกัน”
ส่วนคำถามที่ว่า หากได้กลับมาเป็นรัฐบาล จะกลับมาอยู่กระทรวงสาธารณสุขหรือไม่ อนุทิน กล่าวว่า “สนุกดีอยู่กระทรวงนี้ มีความท้าทายและสามารถทำประโยชน์ให้กับประชาชนได้ทุกวัน เห็นประชาชนมีสุขภาพดีขึ้นปลอดภัยจากโรคระบาดร้ายแรง และ อสม.ทำงานเป็นหมอคนแรกได้ คนเป็นโรคไตสามารถฟอกไตได้ และเป็นโรคมะเร็งสามารถรักษาได้ทุกที่ ก็ทำให้ภูมิใจในตัวเองว่าในช่วงที่เป็นรัฐมนตรีอย่างน้อยก็ได้ทำอะไรที่เป็นประโยชน์”
เมื่อถามว่ากระทรวงมหาดไทย น่าสนใจหรือไม่ อนุทิน กล่าวว่า “เอาเลือกตั้งให้รอดก่อน เพราะยังไม่รู้จะได้มากี่คน ทำไมไม่ถามว่าเป็นฝ่ายค้าน เป็นผู้นำฝ่ายค้านน่าสนใจหรือเปล่า” ทำให้สื่อมวลชนถามย้ำว่า ที่ระบุเช่นนี้เป็นการส่งสัญญาณ หรือไม่ อนุทิน กล่าวว่า “เป็นได้หมดและเป็นได้ดีด้วย”
