อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย พร้อมด้วย พุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ ผอ.การเลือกตั้ง กทม. พรรคภูมิใจไทย เปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม. ทั้ง 33 เขต ประกอบด้วย เขต 1 พระนคร สัมพันธวงศ์ ดุสิต บางรัก - สิริอร ม้ามณี, เขต 2 สาทร ราชเทวี ปทุมวัน - พัชรินทร์ ซำศิริพงษ์, เขต 3 บางคอแหลม ยานนาวา - นรเสฏฐ์ เธียรประสิทธิ์, เขต 4 คลองเตย วัฒนา - กรณิศ งามสุคนธ์รัตนา, เขต 5 ห้วยขวาง วังทองหลาง - ประเดิมชัย บุญช่วยเหลือ, เขต 6 ดินแดง พญาไท - ภาดาท์ วรกานนท์, เขต 7 บางซื่อ ดุสิต - พชร ภูมิจิตร, เขต 8 จตุจักร หลักสี่ - ศลิษา สิงหเสนี, เขต 9 บางเขน จตุจักร หลักสี่ - พีร์ปภาอร เสถียรไทย, เขต 10 ดอนเมือง - ณัฏฐ์ มงคลนาวิน
เขต 11 สายไหม - เอกภพ เหลืองประเสริฐ, เขต 12 บางเขน สายไหม ลาดพร้าว - ศุภกิจ ตังทัตสวัสดิ์, เขต 13 ลาดพร้าว วังทองหลาง - ยกษิดิ์เดช ชุติมันต์, เขต 14 บางกะปิ วังทองหลาง - อำพล ขำวิลัย, เขต 15 คันนายาว บึงกุ่ม - อิทธิเดช สุพงษ์, เขต 16 คลองสามวา - ณัฐดนัย ชนิตร์วัฒน์, เขต 17 หนองจอก คลองสามวา - นิกม์ แสงศิรินาวิน
เขต 18 หนองจอก มีนบุรี ลาดกระบัง - ธีระวิทย์ วงศ์เพชร, เขต 19 มีนบุรี สะพานสูง - พงษ์เพชร เพชรสุวรรณคดี, เขต 20 ลาดกระบัง - เอกฤทธิ เจียกขจร, เขต 21 ประเวศ สะพานสูง - สกุลรัตน์ ทิพย์วรรรณงาม, เขต 22 สวนหลวง ประเวศ - มณฑล โพธิ์คาย, เขต 23 พระโขนง บางนา - มณีรัตน์ ลิมป์รัตนกาญจน์
เขต 24 คลองสาน ธนบุรี ราษฎรบูรณะ - เจณิสตา เตชะโสภณมณี, เขต 25 ทุ่งครุ ราษฎร์บูรณะ - เจริญศักดิ์ มณีรัตนสุบรรณ, เขต 26 จอมทอง บางขุนเทียน - โชติพิพัฒน์ เตชะโสภณมณี, เขต 27 บางบอน บางขุนเทียน - สุทธิชัย เมฆสุวรรณ, เขต 28 หนองแขม บางบอน จอมทอง พญ.ศรันย์รัสย์ อภิวรานันทกุล, เขต 29 บางแค หนองแขม - ธัณยาการย์ เตชะพัฒน์สิริ, เขต 30 บางแค ภาษีเจริญ - ศุภิกา พัฒน์ธนันภู, เขต 31 ทวีวัฒนา ตลิ่งชัน - พศิน ชาญศิลป์, เขต 32 บางกอกน้อย บางกอกใหญ่ ภาษีเจริญ ตลิ่งชัน ธนบุรี - อัชญา จุลชาต และเขต 33 เขตบางพลัด บางกอกน้อย - จักรพันธ์ พรนิมิตร
พุทธิพงษ์ ปราศรัยบางช่วงบางตอนว่า พรรคภูมิใจไทยจะเดินหน้าขอโอกาสรับใช้คน กทม. เราไม่ได้พูดเฉยๆ และเราไม่ได้แค่พูดแล้วทำ แต่ก่อนพูด เราทำ พวกเราได้ทำไปแล้ว สิ่งที่ตนจะนำเสนอในวันนี้ อาจจะต่างจากทุกพรรคการเมือง เพื่อบอกว่าทำไมประชาชนต้องเลือกพรรคภูมิใจไทย
“เราปฏิเสธไม่ได้ว่า กทม. คือประเทศไทย คือที่รวมตัวของพี่น้องประชาชนทั้งประเทศที่เข้ามาพร้อมความหวัง มาเรียน มาศึกษา พรรคภูมิใจไทย จึงต้องมาขอรับใช้พี่น้องคน กทม. ผู้บริหารพรรคภูมิใจไทยได้ศึกษา ได้คิดวิเคราะห์จนตกผลึกแล้วว่า ปัญหาของคน กทม. คืออะไร เรามีความพร้อมมากกว่าพรรคอื่น กทม. ในวันนี้ ถ้าคิดแบบเดิม ทำแบบเดิม ก็ได้แบบเดิม เราจึงต้องมองว่าจะพัฒนากทม. ไปข้างหน้าอย่างไร พรรคภูมิใจไทยเป็นพรรคแรกและพรรคเดียวที่นำเสนอนโยบายของ กทม. แบบแบ่งตามกลุ่มเขต ตามสภาวะแวดล้อมและปัญหา เป็น 4 พื้นที่” พุทธิพงษ์ กล่าว
พุทธิพงษ์ กล่าวต่อว่า เราแบ่ง กทม. ทั้ง 33 เขต ออกเป็น 4 พื้นที่ คือ กรุงเทพฯ เหนือ กรุงเทพฯ ฝั่งธน กรุงเทพฯ ตะวันออก และกรุงเทพฯ ชั้นใน ทุกพรรคอาจบอกว่ามีนโยบายที่นำไปสู่การแก้ไขปัญหา แต่เราต้องยอมรับว่า กทม. มีขนาดใหญ่ จึงไม่สามารถใช้นโยบายเดียวที่ใช้ได้กับทั้ง กทม.ได้ พรรคภูมิใจไทย ตั้งใจที่จะแก้ปัญหาให้คน กทม. ที่ต้องการความเปลี่ยนแปลง และต้องการคนที่มีประสบการณ์ ซึ่งพรรคภูมิใจไทยให้ทั้งคนที่ทำงานในสภาฯ คนอภิปราย คนรุ่นใหม่ และคนรู้ปัญหาในพื้นที่
การนำเสนอนโยบายของเราไม่เหมือนพรรคอื่น เพราะเราพูดแล้วทำได้ และเป็นนโยบายที่ทำโดยรัฐบาล เป็นนโยบายระดับกระทรวง ทบวง กรม นำมาแก้ไข ถ้าเลือกพรรคภูมิใจไทยจะได้คนที่รู้งานจากคนพื้นที่ ได้คนที่มีประสบการณ์ทำงานในสภาฯ และสิ่งที่เราพูดไปทั้งหมด ต้องพูดและทำให้คน กทม. ดังนั้น เลือกพรรคภูมิใจไทย คน กทม.ได้อะไรมากกว่าที่คิด วันนี้ จึงเหมือนยกภูเขาออกจากอก เพราะตนได้ทำในสิ่งที่ได้รับมอบหมายมาเสร็จแล้ว ด้วยการเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม. ทั้ง 33 เขต
ขณะที่ อนุทิน กล่าวตอนหนึ่งว่า พรรคภูมิใจไทยเคยเสนอตัวเองในเขต กทม. โดยที่ไม่ได้มีความพร้อมเท่าครั้งนี้ เราเติบโตมาจากต่างจังหวัด ใช้การบริหารจัดการเลือกตั้งแบบที่เราคุ้นชินในต่างจังหวัด แต่ กทม.มีอะไรที่ละเอียดลึกซึ้งมากกว่านั้น เพราะใน กทม.ต้องเสนอเป็นองคาพยพ ประกอบด้วย พรรค ผู้บริหารพรรค ผู้สมัคร และประชาชน จึงเป็นที่มาถึงการหารือกับ พุทธิพงษ์ ว่าพรรคได้บริหารราชการแผ่นดินตลอด 4 ปี คิดว่าเรามีความสามารถที่พี่น้อง กทม.จะให้โอกาสพรรค ได้มีผู้แทนไปทำงานให้คน กทม. เราไม่เคยคิดแม้แต่วินาทีเดียวว่าคน กทม.ไม่เลือก-ไม่ให้ความสำคัญ กทม. ตรงกันข้าม เราให้ความสำคัญ เพราะ กทม.คือทุกสิ่งของประเทศ พรรคเข้าใจประเด็นนี้ จึงทุ่มเททุกสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อ กทม.
“ทั้ง 33 คน ที่อาสาเสนอตัวเข้ามาให้ประชาชนเลือก ไม่ได้อยู่ดีๆมากรอกใบสมัคร แต่มีกระบวนคัดสรรสืบประวัติเต็มที่ เราทำให้คน กทม.เห็นว่าถึงเวลาแล้วที่ต้องเลือกพรรคที่ทำงานให้คน กทม. เราจะสู้จนชนะ และเข้าไปมีบทบาทรับใช้พี่น้อง กทม. และชาวไทยทั้งประเทศ ซึ่งเราพร้อมจะจัดตั้งรัฐบาล และเป็นแกนนำต่อไป” อนุทิน กล่าว
เขต 11 สายไหม - เอกภพ เหลืองประเสริฐ, เขต 12 บางเขน สายไหม ลาดพร้าว - ศุภกิจ ตังทัตสวัสดิ์, เขต 13 ลาดพร้าว วังทองหลาง - ยกษิดิ์เดช ชุติมันต์, เขต 14 บางกะปิ วังทองหลาง - อำพล ขำวิลัย, เขต 15 คันนายาว บึงกุ่ม - อิทธิเดช สุพงษ์, เขต 16 คลองสามวา - ณัฐดนัย ชนิตร์วัฒน์, เขต 17 หนองจอก คลองสามวา - นิกม์ แสงศิรินาวิน
เขต 18 หนองจอก มีนบุรี ลาดกระบัง - ธีระวิทย์ วงศ์เพชร, เขต 19 มีนบุรี สะพานสูง - พงษ์เพชร เพชรสุวรรณคดี, เขต 20 ลาดกระบัง - เอกฤทธิ เจียกขจร, เขต 21 ประเวศ สะพานสูง - สกุลรัตน์ ทิพย์วรรรณงาม, เขต 22 สวนหลวง ประเวศ - มณฑล โพธิ์คาย, เขต 23 พระโขนง บางนา - มณีรัตน์ ลิมป์รัตนกาญจน์
เขต 24 คลองสาน ธนบุรี ราษฎรบูรณะ - เจณิสตา เตชะโสภณมณี, เขต 25 ทุ่งครุ ราษฎร์บูรณะ - เจริญศักดิ์ มณีรัตนสุบรรณ, เขต 26 จอมทอง บางขุนเทียน - โชติพิพัฒน์ เตชะโสภณมณี, เขต 27 บางบอน บางขุนเทียน - สุทธิชัย เมฆสุวรรณ, เขต 28 หนองแขม บางบอน จอมทอง พญ.ศรันย์รัสย์ อภิวรานันทกุล, เขต 29 บางแค หนองแขม - ธัณยาการย์ เตชะพัฒน์สิริ, เขต 30 บางแค ภาษีเจริญ - ศุภิกา พัฒน์ธนันภู, เขต 31 ทวีวัฒนา ตลิ่งชัน - พศิน ชาญศิลป์, เขต 32 บางกอกน้อย บางกอกใหญ่ ภาษีเจริญ ตลิ่งชัน ธนบุรี - อัชญา จุลชาต และเขต 33 เขตบางพลัด บางกอกน้อย - จักรพันธ์ พรนิมิตร
พุทธิพงษ์ ปราศรัยบางช่วงบางตอนว่า พรรคภูมิใจไทยจะเดินหน้าขอโอกาสรับใช้คน กทม. เราไม่ได้พูดเฉยๆ และเราไม่ได้แค่พูดแล้วทำ แต่ก่อนพูด เราทำ พวกเราได้ทำไปแล้ว สิ่งที่ตนจะนำเสนอในวันนี้ อาจจะต่างจากทุกพรรคการเมือง เพื่อบอกว่าทำไมประชาชนต้องเลือกพรรคภูมิใจไทย
“เราปฏิเสธไม่ได้ว่า กทม. คือประเทศไทย คือที่รวมตัวของพี่น้องประชาชนทั้งประเทศที่เข้ามาพร้อมความหวัง มาเรียน มาศึกษา พรรคภูมิใจไทย จึงต้องมาขอรับใช้พี่น้องคน กทม. ผู้บริหารพรรคภูมิใจไทยได้ศึกษา ได้คิดวิเคราะห์จนตกผลึกแล้วว่า ปัญหาของคน กทม. คืออะไร เรามีความพร้อมมากกว่าพรรคอื่น กทม. ในวันนี้ ถ้าคิดแบบเดิม ทำแบบเดิม ก็ได้แบบเดิม เราจึงต้องมองว่าจะพัฒนากทม. ไปข้างหน้าอย่างไร พรรคภูมิใจไทยเป็นพรรคแรกและพรรคเดียวที่นำเสนอนโยบายของ กทม. แบบแบ่งตามกลุ่มเขต ตามสภาวะแวดล้อมและปัญหา เป็น 4 พื้นที่” พุทธิพงษ์ กล่าว
พุทธิพงษ์ กล่าวต่อว่า เราแบ่ง กทม. ทั้ง 33 เขต ออกเป็น 4 พื้นที่ คือ กรุงเทพฯ เหนือ กรุงเทพฯ ฝั่งธน กรุงเทพฯ ตะวันออก และกรุงเทพฯ ชั้นใน ทุกพรรคอาจบอกว่ามีนโยบายที่นำไปสู่การแก้ไขปัญหา แต่เราต้องยอมรับว่า กทม. มีขนาดใหญ่ จึงไม่สามารถใช้นโยบายเดียวที่ใช้ได้กับทั้ง กทม.ได้ พรรคภูมิใจไทย ตั้งใจที่จะแก้ปัญหาให้คน กทม. ที่ต้องการความเปลี่ยนแปลง และต้องการคนที่มีประสบการณ์ ซึ่งพรรคภูมิใจไทยให้ทั้งคนที่ทำงานในสภาฯ คนอภิปราย คนรุ่นใหม่ และคนรู้ปัญหาในพื้นที่
การนำเสนอนโยบายของเราไม่เหมือนพรรคอื่น เพราะเราพูดแล้วทำได้ และเป็นนโยบายที่ทำโดยรัฐบาล เป็นนโยบายระดับกระทรวง ทบวง กรม นำมาแก้ไข ถ้าเลือกพรรคภูมิใจไทยจะได้คนที่รู้งานจากคนพื้นที่ ได้คนที่มีประสบการณ์ทำงานในสภาฯ และสิ่งที่เราพูดไปทั้งหมด ต้องพูดและทำให้คน กทม. ดังนั้น เลือกพรรคภูมิใจไทย คน กทม.ได้อะไรมากกว่าที่คิด วันนี้ จึงเหมือนยกภูเขาออกจากอก เพราะตนได้ทำในสิ่งที่ได้รับมอบหมายมาเสร็จแล้ว ด้วยการเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม. ทั้ง 33 เขต
ขณะที่ อนุทิน กล่าวตอนหนึ่งว่า พรรคภูมิใจไทยเคยเสนอตัวเองในเขต กทม. โดยที่ไม่ได้มีความพร้อมเท่าครั้งนี้ เราเติบโตมาจากต่างจังหวัด ใช้การบริหารจัดการเลือกตั้งแบบที่เราคุ้นชินในต่างจังหวัด แต่ กทม.มีอะไรที่ละเอียดลึกซึ้งมากกว่านั้น เพราะใน กทม.ต้องเสนอเป็นองคาพยพ ประกอบด้วย พรรค ผู้บริหารพรรค ผู้สมัคร และประชาชน จึงเป็นที่มาถึงการหารือกับ พุทธิพงษ์ ว่าพรรคได้บริหารราชการแผ่นดินตลอด 4 ปี คิดว่าเรามีความสามารถที่พี่น้อง กทม.จะให้โอกาสพรรค ได้มีผู้แทนไปทำงานให้คน กทม. เราไม่เคยคิดแม้แต่วินาทีเดียวว่าคน กทม.ไม่เลือก-ไม่ให้ความสำคัญ กทม. ตรงกันข้าม เราให้ความสำคัญ เพราะ กทม.คือทุกสิ่งของประเทศ พรรคเข้าใจประเด็นนี้ จึงทุ่มเททุกสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อ กทม.
“ทั้ง 33 คน ที่อาสาเสนอตัวเข้ามาให้ประชาชนเลือก ไม่ได้อยู่ดีๆมากรอกใบสมัคร แต่มีกระบวนคัดสรรสืบประวัติเต็มที่ เราทำให้คน กทม.เห็นว่าถึงเวลาแล้วที่ต้องเลือกพรรคที่ทำงานให้คน กทม. เราจะสู้จนชนะ และเข้าไปมีบทบาทรับใช้พี่น้อง กทม. และชาวไทยทั้งประเทศ ซึ่งเราพร้อมจะจัดตั้งรัฐบาล และเป็นแกนนำต่อไป” อนุทิน กล่าว