สฤษฏ์พงษ์ เกี่ยวข้อง ส.ส.กระบี่ พรรคภูมิใจไทย พร้อมด้วย คารม พลพรกลาง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล แถลงข่าวถึงกรณีที่มีความพยายามนำกัญชากลับไปเป็น ‘ยาเสพติด’ อีกครั้ง โดยชี้ให้เห็นว่า มีความพยายามสกัดกั้นไม่ให้ออกกฎหมายควบคุมการใช้กัญชาให้สำเร็จ
“ทั้งๆ ที่ได้มีการนำกัญชาออกจากการเป็นยาเสพติดแล้ว และขณะนี้อยู่ระหว่างที่รัฐสภา กำลังร่วมกันพิจารณาออกกฎหมาย เพื่อนำมาควบคุมการใช้กัญชาอย่างเป็นระบบ และเพื่อส่งเริมการให้เป็นพืชทางเศรษฐกิจต่อไป แต่ขณะนี้ กลับมีการบิดเบือนและมีกระบวนการสกัดกั้น ไม่ให้ออกกฎหมายเพื่อมาควบคุมการใช้กัญชาให้สำเร็จ ทั้งนี้ โดยไม่คำนึงถึงประโยชน์ของประชาชน ทั้งที่กลุ่มนักการเมืองเหล่านี้ทราบดีว่า คนไทยนั้นจำนวนมากมีการใช้กัญชาในครัวเรือนทั้งในการประกอบอาหาร ใช้ในการรักษาโรคนานแล้ว”
สฤษฏ์พงษ์ กล่าวว่า กระบวนการของกลุ่มคนเหล่านี้ ประกอบไปด้วยนักการเมืองบางกลุ่มที่ขาดความรับผิดชอบต่อประชาชน และกลุ่มทุนเสียประโยชน์ จากการที่ได้มีการปลดล็อคกัญชาออกจากยาเสพติด เพราะทราบดีว่าประโยชน์ของกัญชา จากผลการวิจัยประโยชน์จากกัญชา ทำให้ผู้ป่วยลดการใช้ยาแผนปัจจุบันในการรักษาโรคบางโรคลงอย่างชัดเจน จึงย่อมทำให้บริษัทที่เกี่ยวข้องกับการผลิตยา หรือผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์แผนปัจจุบันที่ใช้ในการรักษาโรคต่างๆ เสียประโยชน์ จึงได้ใช้สมคบกับนักการเมืองบางกลุ่ม สร้างความน่ากลัวเกินจริงสำหรับพืชกัญชา ที่เลวร้ายยิ่งกว่านั้น คือมีความพยายามที่จะนำกัญยากลับไปเป็นยาเสพติดประเภท 5 อีกครั้งหนึ่ง ขณะนี้ ยังมีการนักการเมืองบางกลุ่มไปยื่นคคีต่อศาลปกครองกลาง เพื่อให้มีการคุ้มครองชั่วคราว กล่าวคือระหว่างที่ร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ส่งเสริมการใช้ประโยชน์กัญชา กัญชง พ.ศ... ยังไม่ใช้บังคับ โดยขอให้มีการนำกัญชากลับไปเป็นยาเสพติดเหมือนเดิมก่อน
ด้าน คารม กล่าวว่า การนำกัญชากลับไปเป็นยาเสพติด ถือว่าสร้างความทุกข์ให้ประชาชนที่ปลูกกัญชาเอาไว้ประกอบอาหาร และทำเป็นยาสมุนไพรเพื่อรักษา เราจำเป็นต้องมีกฎหมายที่ออกโดยฝ่ายนิติบัญญัติ คือรัฐสภามาออกกฎหมายครอบคลุม แม้ว่าในขณะนี้ จะมีประกาศกระทรวงสาธารณสุขออกมาป้องกันเรื่องเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี ผู้หญิงมีครรภ์ และการเสพกัญชาในที่สาธารณะ แต่ก็ต้องมีกฎหมายกัญชามาควบคุมและต่อยอดให้กัญชาเป็นพืชเศรษฐกิจ พร้อมย้ำ ไม่เห็นด้วยต่อกรณีฝ่ายค้านไปยื่นร้องศาลปกครอง เพราะถือเป็นการใช้อำนาจนิติบัญญัติ มาปิดกั้นการทำหน้าที่ออกกฎหมายของสภาผู้แทนราษฎร
“พรรคการเมืองบางพรรคที่เก่าแก่ และพรรคที่อ้างว่ามีคะแนนนิยม แต่กลับไม่ได้ใส่ใจที่จะส่งเสริมประชาชน เราจึงเห็นว่าใครก็แล้วแต่ที่คิดว่าจะเอากัญชากลับไปเป็นยาเสพติดเป็นการคิดที่ไม่ถูกต้องและเราก็ไม่เห็นด้วย ถ้ากัญชาไม่ผ่านก็ไม่แน่อาจจะมีส.ส.จำนวนมากในปลายปีนี้ที่ไม่เห็นด้วย อาจจะแสดงอะไรบ้างอย่างออกมาในเวลาที่ไม่นาน อาจจะลาออกซัก 20-30 คนก็ได้ เพราะเขาเห็นว่าเป็นการเล่นการเมืองที่เอาแต่ประโยชน์ของพรรค ไม่ได้เอาประโยชน์ของประชาชน ก็คือไม่รับผิดชอบต่อประชาชน” คารม กล่าว
คารม ย้ำถึงข้อสงสัยที่นักการเมืองบางกลุ่มบางคน สมคบกับบริษัทที่ได้ประโยชน์จากการที่กัญชากลับไปเป็นยาเสพติด พร้อมระบุ พรคภูมิใจไทยทำเรื่องนี้มาถูกแล้ว และถึงแม้จะยังไม่เป็นสมาชิกพรรคภูมิใจไทย แต่ในอนาคต ถ้าได้เป็นสมาชิกพรรคภูมิใจไทย ก็จะสนับสนุนเรื่องนี้ต่อไป
“ทั้งๆ ที่ได้มีการนำกัญชาออกจากการเป็นยาเสพติดแล้ว และขณะนี้อยู่ระหว่างที่รัฐสภา กำลังร่วมกันพิจารณาออกกฎหมาย เพื่อนำมาควบคุมการใช้กัญชาอย่างเป็นระบบ และเพื่อส่งเริมการให้เป็นพืชทางเศรษฐกิจต่อไป แต่ขณะนี้ กลับมีการบิดเบือนและมีกระบวนการสกัดกั้น ไม่ให้ออกกฎหมายเพื่อมาควบคุมการใช้กัญชาให้สำเร็จ ทั้งนี้ โดยไม่คำนึงถึงประโยชน์ของประชาชน ทั้งที่กลุ่มนักการเมืองเหล่านี้ทราบดีว่า คนไทยนั้นจำนวนมากมีการใช้กัญชาในครัวเรือนทั้งในการประกอบอาหาร ใช้ในการรักษาโรคนานแล้ว”
สฤษฏ์พงษ์ กล่าวว่า กระบวนการของกลุ่มคนเหล่านี้ ประกอบไปด้วยนักการเมืองบางกลุ่มที่ขาดความรับผิดชอบต่อประชาชน และกลุ่มทุนเสียประโยชน์ จากการที่ได้มีการปลดล็อคกัญชาออกจากยาเสพติด เพราะทราบดีว่าประโยชน์ของกัญชา จากผลการวิจัยประโยชน์จากกัญชา ทำให้ผู้ป่วยลดการใช้ยาแผนปัจจุบันในการรักษาโรคบางโรคลงอย่างชัดเจน จึงย่อมทำให้บริษัทที่เกี่ยวข้องกับการผลิตยา หรือผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์แผนปัจจุบันที่ใช้ในการรักษาโรคต่างๆ เสียประโยชน์ จึงได้ใช้สมคบกับนักการเมืองบางกลุ่ม สร้างความน่ากลัวเกินจริงสำหรับพืชกัญชา ที่เลวร้ายยิ่งกว่านั้น คือมีความพยายามที่จะนำกัญยากลับไปเป็นยาเสพติดประเภท 5 อีกครั้งหนึ่ง ขณะนี้ ยังมีการนักการเมืองบางกลุ่มไปยื่นคคีต่อศาลปกครองกลาง เพื่อให้มีการคุ้มครองชั่วคราว กล่าวคือระหว่างที่ร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ส่งเสริมการใช้ประโยชน์กัญชา กัญชง พ.ศ... ยังไม่ใช้บังคับ โดยขอให้มีการนำกัญชากลับไปเป็นยาเสพติดเหมือนเดิมก่อน
ด้าน คารม กล่าวว่า การนำกัญชากลับไปเป็นยาเสพติด ถือว่าสร้างความทุกข์ให้ประชาชนที่ปลูกกัญชาเอาไว้ประกอบอาหาร และทำเป็นยาสมุนไพรเพื่อรักษา เราจำเป็นต้องมีกฎหมายที่ออกโดยฝ่ายนิติบัญญัติ คือรัฐสภามาออกกฎหมายครอบคลุม แม้ว่าในขณะนี้ จะมีประกาศกระทรวงสาธารณสุขออกมาป้องกันเรื่องเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี ผู้หญิงมีครรภ์ และการเสพกัญชาในที่สาธารณะ แต่ก็ต้องมีกฎหมายกัญชามาควบคุมและต่อยอดให้กัญชาเป็นพืชเศรษฐกิจ พร้อมย้ำ ไม่เห็นด้วยต่อกรณีฝ่ายค้านไปยื่นร้องศาลปกครอง เพราะถือเป็นการใช้อำนาจนิติบัญญัติ มาปิดกั้นการทำหน้าที่ออกกฎหมายของสภาผู้แทนราษฎร
“พรรคการเมืองบางพรรคที่เก่าแก่ และพรรคที่อ้างว่ามีคะแนนนิยม แต่กลับไม่ได้ใส่ใจที่จะส่งเสริมประชาชน เราจึงเห็นว่าใครก็แล้วแต่ที่คิดว่าจะเอากัญชากลับไปเป็นยาเสพติดเป็นการคิดที่ไม่ถูกต้องและเราก็ไม่เห็นด้วย ถ้ากัญชาไม่ผ่านก็ไม่แน่อาจจะมีส.ส.จำนวนมากในปลายปีนี้ที่ไม่เห็นด้วย อาจจะแสดงอะไรบ้างอย่างออกมาในเวลาที่ไม่นาน อาจจะลาออกซัก 20-30 คนก็ได้ เพราะเขาเห็นว่าเป็นการเล่นการเมืองที่เอาแต่ประโยชน์ของพรรค ไม่ได้เอาประโยชน์ของประชาชน ก็คือไม่รับผิดชอบต่อประชาชน” คารม กล่าว
คารม ย้ำถึงข้อสงสัยที่นักการเมืองบางกลุ่มบางคน สมคบกับบริษัทที่ได้ประโยชน์จากการที่กัญชากลับไปเป็นยาเสพติด พร้อมระบุ พรคภูมิใจไทยทำเรื่องนี้มาถูกแล้ว และถึงแม้จะยังไม่เป็นสมาชิกพรรคภูมิใจไทย แต่ในอนาคต ถ้าได้เป็นสมาชิกพรรคภูมิใจไทย ก็จะสนับสนุนเรื่องนี้ต่อไป
