ผู้สื่อข่าวรายงานจากรัฐสภา ว่า ภายหลังจากที่ ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) และเจ้าของธุรกิจอาบอบนวดชื่อดัง ได้เข้ายื่นหนังสือต่อ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (กมธ.ป.ป.ช.) เพื่อขอให้สอบสวนเส้นทางการเงินของ สันธนะ ประยูรรัตน์ อดีตตำรวจสันติบาลแล้ว
ทางฝ่าย ชูวิทย์ ได้ดักรอ สันธนะ ที่รัฐสภา หลังทราบว่าอีกฝ่ายมีกำหนดเข้ายื่นหนังสือบริเวณจุดรับยื่นหนังสือบริเวณรัฐสภา ใกล้ศาลาแก้ว จนกระทั่งเวลาประมาณ 10.30 น. สันธนะ ได้เดินทางมาที่จุดรับยื่นหนังสือ แต่ทาง ชูวิทย์ ได้ยืนดักรออยู่บริเวณประตูทางเข้า สันธนะ จึงเปลี่ยนแผนมายื่นหนังสือบริเวณทางเดิน โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจรัฐสภา คอยกันทั้ง 2 คน เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์บานปลาย หรือมีการปะทะกัน
ชูวิทย์ จึงทำได้แค่ตะโกนด่าทอใส่ สันธนะ เป็นระยะๆ ประมาณครึ่งชั่วโมง เช่น “ไอมาเฟียขี้แง ทำเป็นเก่ง ตรวจสอบนู่นนี่ มึงหัดตรวจสอบตัวเองบ้างไอควาย ไอสันขวาน มึงเก่งจริงไม่ใช่หรอ มาเจอกับกูตัวๆ ดีกว่า มาคุยกัน ใส่กระโปรงมาหรือเปล่าวันนี้ นึกว่าแน่” ส่วนทาง สันธนะ ตะโกนกลับมาเพียงว่า “กินน้ำบ้างนะเดี๋ยวคอแห้ง”
จากนั้น เวลาประมาณ 11.00 น. ชูวิทย์ ได้เดินทางกลับ โดยระบุว่า จะเดินทางไปที่สโมสรตำรวจในเวลา 15.00 น.
สำหรับวันนี้ สันธนะ ได้พา อับบาส โมฮาเม็ดอาลี พ่อค้าเพชร เดินทางมายื่นหนังสือร้องต่อคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ (ป.ป.ช.) สภาผู้แทนราษฎร
โดยขอให้ตรวจสอบกรณีข้อพิพาทกับบริษัทน้ำมัน เนื่องจากมีการบุกรุกใช้พื้นที่ดินของทางพ่อค้าเพชร เจ้าของโฉนดกรรมสิทธิ์ในที่ดินเลขที่ 2465 ไม่ได้รับอนุญาติหรือมีเจรจาของซื้อหรือเช่าที่ดินแต่อย่างใด ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ติดกับแม่น้ำเจ้าพระยา อยู่ในเขตพระโขนง แต่ถูกก่อสร้างเป็นท่าเรือจากบริษัทดังกล่าว ทำให้พื้นที่ดินบางส่วนหายไปจากเดิม 7 ไร่ 3 งาน 28 ตารางวา แต่ปัจจุบัน รังวัดล่าสุดเหลือที่ดิน 2 ไร่เศษ
ซึ่งที่ผ่านมา ได้มีการฟ้องร้องบริษัทดังกล่าวแล้ว แต่ศาลฎีกายกฟ้อง พร้อมระบุเหตุผลว่า พื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นน้ำทั้งสิ้นแล้ว แต่ความจริงไม่เป็นเช่นนั้น และพ่อค้าเพชร รายนี้ ได้เดินทางร้องทุกข์กับหน่วยงานต่างๆ รวมถึงสื่อในเรื่องดังกล่าวมาโดยตลอด แต่ไม่ได้รับความคืบหน้า
สันธนะ อ้างว่า ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2563 บริษัทดังกล่าวได้ฟ้องร้อง ทางพ่อค้าเพชรกับเครือญาติรวม 31 คน ว่าบุกรุกพื้นที่ ทั้งที่เป็นที่ดินของเจ้าตัว แต่ในสำนวนอ้างว่าทางพ่อค้าเพชรและพวกบุกรุกเข้าไปในที่ดินฝั่งตรงข้าม จึงมาร้องต่อ กมธ.ป.ป.ช. เพื่อตรวจสอบเรื่องดังกล่าว
ทางฝ่าย ชูวิทย์ ได้ดักรอ สันธนะ ที่รัฐสภา หลังทราบว่าอีกฝ่ายมีกำหนดเข้ายื่นหนังสือบริเวณจุดรับยื่นหนังสือบริเวณรัฐสภา ใกล้ศาลาแก้ว จนกระทั่งเวลาประมาณ 10.30 น. สันธนะ ได้เดินทางมาที่จุดรับยื่นหนังสือ แต่ทาง ชูวิทย์ ได้ยืนดักรออยู่บริเวณประตูทางเข้า สันธนะ จึงเปลี่ยนแผนมายื่นหนังสือบริเวณทางเดิน โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจรัฐสภา คอยกันทั้ง 2 คน เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์บานปลาย หรือมีการปะทะกัน
ชูวิทย์ จึงทำได้แค่ตะโกนด่าทอใส่ สันธนะ เป็นระยะๆ ประมาณครึ่งชั่วโมง เช่น “ไอมาเฟียขี้แง ทำเป็นเก่ง ตรวจสอบนู่นนี่ มึงหัดตรวจสอบตัวเองบ้างไอควาย ไอสันขวาน มึงเก่งจริงไม่ใช่หรอ มาเจอกับกูตัวๆ ดีกว่า มาคุยกัน ใส่กระโปรงมาหรือเปล่าวันนี้ นึกว่าแน่” ส่วนทาง สันธนะ ตะโกนกลับมาเพียงว่า “กินน้ำบ้างนะเดี๋ยวคอแห้ง”
จากนั้น เวลาประมาณ 11.00 น. ชูวิทย์ ได้เดินทางกลับ โดยระบุว่า จะเดินทางไปที่สโมสรตำรวจในเวลา 15.00 น.
สำหรับวันนี้ สันธนะ ได้พา อับบาส โมฮาเม็ดอาลี พ่อค้าเพชร เดินทางมายื่นหนังสือร้องต่อคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ (ป.ป.ช.) สภาผู้แทนราษฎร
โดยขอให้ตรวจสอบกรณีข้อพิพาทกับบริษัทน้ำมัน เนื่องจากมีการบุกรุกใช้พื้นที่ดินของทางพ่อค้าเพชร เจ้าของโฉนดกรรมสิทธิ์ในที่ดินเลขที่ 2465 ไม่ได้รับอนุญาติหรือมีเจรจาของซื้อหรือเช่าที่ดินแต่อย่างใด ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ติดกับแม่น้ำเจ้าพระยา อยู่ในเขตพระโขนง แต่ถูกก่อสร้างเป็นท่าเรือจากบริษัทดังกล่าว ทำให้พื้นที่ดินบางส่วนหายไปจากเดิม 7 ไร่ 3 งาน 28 ตารางวา แต่ปัจจุบัน รังวัดล่าสุดเหลือที่ดิน 2 ไร่เศษ
ซึ่งที่ผ่านมา ได้มีการฟ้องร้องบริษัทดังกล่าวแล้ว แต่ศาลฎีกายกฟ้อง พร้อมระบุเหตุผลว่า พื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นน้ำทั้งสิ้นแล้ว แต่ความจริงไม่เป็นเช่นนั้น และพ่อค้าเพชร รายนี้ ได้เดินทางร้องทุกข์กับหน่วยงานต่างๆ รวมถึงสื่อในเรื่องดังกล่าวมาโดยตลอด แต่ไม่ได้รับความคืบหน้า
สันธนะ อ้างว่า ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2563 บริษัทดังกล่าวได้ฟ้องร้อง ทางพ่อค้าเพชรกับเครือญาติรวม 31 คน ว่าบุกรุกพื้นที่ ทั้งที่เป็นที่ดินของเจ้าตัว แต่ในสำนวนอ้างว่าทางพ่อค้าเพชรและพวกบุกรุกเข้าไปในที่ดินฝั่งตรงข้าม จึงมาร้องต่อ กมธ.ป.ป.ช. เพื่อตรวจสอบเรื่องดังกล่าว
