ที่อาคารรัฐสภา ‘ชลน่าน ศรีแก้ว’ ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวภายหลังพรรคเพื่อไทยเสนอชื่อ ‘วันมูหะมัดนอร์ มะทา’ ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคประชาชาติ เป็นประธานสภาผู้แทนราษฎร ถือว่าเป็นทางออกที่ดีที่สุด โดยทุกฝ่ายยอมรับ และมั่นใจจะสามารถคุมเสียงทุกพรรค เพื่อไทย ไม่ให้แตกแถวได้ ในการโหวตซึ่งเราได้พูดคุยกันอย่างชัดเจน ด้วยเหตุและผล เพื่อนทำงานก็ต้องดำเนินการจัดตั้งรัฐบาลฝ่ายประชาธิปไตยเพื่อทำงานร่วมกัน ขอให้มั่นใจว่าจะสามารถคุมเสียง ส.ส.ภายในพรรคเพื่อไทยได้
เมื่อถามว่าในกรณีที่ระบุจากผลักดัน ‘พิธา ลิ้มเจริญรัตน์’ ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคก้าวไกล เป็นนายกรัฐมนตรีให้สำเร็จจนได้ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ก็ต้องเป็นไปตามกลไกของรัฐสภา ซึ่งอาจจะครั้งเดียวได้เลย ยืนยันว่าจะไม่มีการเสนอเคนดิเดตแข่ง
เมื่อถามถึงแถลงการณ์ร่วม ที่มีเรื่องเกี่ยวกับนิรโทษกรรมตรงนี้เป็นข้อตกลงร่วมระหว่างพรรคเพื่อไทยกับพรรคก้าวไกลเพิ่มเติมมาใช่หรือไม่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า เราคุยกับ 8 พรรคการเมืองซึ่งมีความชัดเจนว่าไม่มีประเด็นเหล่านี้อยู่ ซึ่งต้องให้เกียรติกับ 8 พรรค โดยข้อตกลงนี้เป็นเพียงแค่ 2 พรรคเท่านั้น ขอย้ำว่าเป็นการแสดงออกทางการเมืองต้องตีความตรงนี้ให้ชัด ซึ่งในส่วนของ 6 พรรคร่วมรัฐบาลไม่เกี่ยวข้องกับประเด็นนี้อยู่แล้ว เพราะจะเป็นการละเมิดสิทธิ์ของพรรคเขา ทั้งนี้ยืนยันว่าข้อแถลงการณ์ร่วมของ 2 พรรคเมื่อวันที่ 3 ก.ค.ที่ผ่านมา ไม่ได้มัดรวมกับ 6 พรรคร่วมรัฐบาลโดยเฉพาะข้อที่ 4 ไม่ได้มัด 6 พรรคเข้ามาร่วมรับผิดชอบด้วย แต่ถือเป็นเจตนารมย์เดิม โดยข้อ 1 ถึงข้อ 3 เป็นแนวทางเดิมที่เราพูดคุยอยู่แล้ว
เมื่อถามย้ำว่า ในแถลงการณ์ข้อ 3 หมายรวมไปถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 112 ด้วยหรือไม่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ไม่เกี่ยว ซึ่งการผลักดันในเรื่องของกฎหมายอยู่ในข้อที่ 4 ไม่เกี่ยวกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 112 ส่วนเรื่องการนิรโทษกรรมนั้นทุกอย่างต้องผ่านกลไกขบวนการของสภาอยู่แล้ว ดังนั้นถือเป็นความเห็นของ 2 พรรคที่จะร่วมกันผลักดัน จะได้หรือไม่ก็เป็นไปตามกลไกของสภา
เมื่อถามว่า การนิรโทษกรรมนัดหมายความรวมไปถึงกรณีของพันธมิตร กปปส. เสื้อแดงด้วยใช่หรือไม่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า เรื่องของการนิรโทษกรรมคดีทางการเมืองถือเป็นการแสดงออกทางการเมืองเท่านั้น อย่างไรก็ตามเราให้ความระมัดระวังในเรื่องนี้เนื่องจากปี 2557 มีประสบการณ์ในเรื่องนี้มาแล้ว จึงได้เน้นถามในเรื่องของนิยามการแสดงออกทางการเมือง ว่าต้องมีข้อจำกัดเฉพาะ และต้องมีคณะทำงานไปศึกษาให้ถี่ถ้วนก่อน ที่จะนำเสนอในรายละเอียด ตรงนี้ถือเป็นแค่หลักการเท่านั้น และยืนยันว่าการแก้ไขมาตรา 112 ไม่ได้อยู่ในเรื่องนี้เพราะเราพูดคุยกันชัดเจนแล้ว ซึ่งถือเป็นนโยบายของแต่ละพรรคไป แต่ในส่วนของพรรคเพื่อไทยเราพูดกันชัดเจนแล้ว
เมื่อถามว่าในกรณีที่ระบุจากผลักดัน ‘พิธา ลิ้มเจริญรัตน์’ ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคก้าวไกล เป็นนายกรัฐมนตรีให้สำเร็จจนได้ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ก็ต้องเป็นไปตามกลไกของรัฐสภา ซึ่งอาจจะครั้งเดียวได้เลย ยืนยันว่าจะไม่มีการเสนอเคนดิเดตแข่ง
เมื่อถามถึงแถลงการณ์ร่วม ที่มีเรื่องเกี่ยวกับนิรโทษกรรมตรงนี้เป็นข้อตกลงร่วมระหว่างพรรคเพื่อไทยกับพรรคก้าวไกลเพิ่มเติมมาใช่หรือไม่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า เราคุยกับ 8 พรรคการเมืองซึ่งมีความชัดเจนว่าไม่มีประเด็นเหล่านี้อยู่ ซึ่งต้องให้เกียรติกับ 8 พรรค โดยข้อตกลงนี้เป็นเพียงแค่ 2 พรรคเท่านั้น ขอย้ำว่าเป็นการแสดงออกทางการเมืองต้องตีความตรงนี้ให้ชัด ซึ่งในส่วนของ 6 พรรคร่วมรัฐบาลไม่เกี่ยวข้องกับประเด็นนี้อยู่แล้ว เพราะจะเป็นการละเมิดสิทธิ์ของพรรคเขา ทั้งนี้ยืนยันว่าข้อแถลงการณ์ร่วมของ 2 พรรคเมื่อวันที่ 3 ก.ค.ที่ผ่านมา ไม่ได้มัดรวมกับ 6 พรรคร่วมรัฐบาลโดยเฉพาะข้อที่ 4 ไม่ได้มัด 6 พรรคเข้ามาร่วมรับผิดชอบด้วย แต่ถือเป็นเจตนารมย์เดิม โดยข้อ 1 ถึงข้อ 3 เป็นแนวทางเดิมที่เราพูดคุยอยู่แล้ว
เมื่อถามย้ำว่า ในแถลงการณ์ข้อ 3 หมายรวมไปถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 112 ด้วยหรือไม่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ไม่เกี่ยว ซึ่งการผลักดันในเรื่องของกฎหมายอยู่ในข้อที่ 4 ไม่เกี่ยวกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 112 ส่วนเรื่องการนิรโทษกรรมนั้นทุกอย่างต้องผ่านกลไกขบวนการของสภาอยู่แล้ว ดังนั้นถือเป็นความเห็นของ 2 พรรคที่จะร่วมกันผลักดัน จะได้หรือไม่ก็เป็นไปตามกลไกของสภา
เมื่อถามว่า การนิรโทษกรรมนัดหมายความรวมไปถึงกรณีของพันธมิตร กปปส. เสื้อแดงด้วยใช่หรือไม่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า เรื่องของการนิรโทษกรรมคดีทางการเมืองถือเป็นการแสดงออกทางการเมืองเท่านั้น อย่างไรก็ตามเราให้ความระมัดระวังในเรื่องนี้เนื่องจากปี 2557 มีประสบการณ์ในเรื่องนี้มาแล้ว จึงได้เน้นถามในเรื่องของนิยามการแสดงออกทางการเมือง ว่าต้องมีข้อจำกัดเฉพาะ และต้องมีคณะทำงานไปศึกษาให้ถี่ถ้วนก่อน ที่จะนำเสนอในรายละเอียด ตรงนี้ถือเป็นแค่หลักการเท่านั้น และยืนยันว่าการแก้ไขมาตรา 112 ไม่ได้อยู่ในเรื่องนี้เพราะเราพูดคุยกันชัดเจนแล้ว ซึ่งถือเป็นนโยบายของแต่ละพรรคไป แต่ในส่วนของพรรคเพื่อไทยเราพูดกันชัดเจนแล้ว