ราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่มีการพาดพิงพรรคประชาธิปัตย์เรื่องร่วมวางแผน พูดคุยที่สนามกอล์ฟแห่งหนึ่ง โดยให้พรรคก้าวไกลและรวมไทยสร้างชาติเป็นฝ่ายค้านนั้น ยืนยันว่าทุกคนในพรรคไม่มีใครร่วมขบวนการคิด หรือมีการเจรจากับพรรคการเมืองใดทั้งสิ้น ยืนยันอีกว่า เราไม่ไปประสานร่วมคิดร่วมทำเพื่อที่จะให้มีการเปลี่ยนแปลง ซึ่งข่าวดังกล่าวถือว่าบิดเบือน ทำให้พรรคประชาธิปัตย์เกิดความเสียหาย ทั้งนี้ ย้ำว่า พรรคประชาธิปัตย์ไม่ขอก้าวล่วงแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล
ส่วนที่มีการถกเถียงกันในตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎรและประธานรัฐสภา ซึ่งหลายคนพาดพิงถึง ชวน หลีกภัย อดีตประธานสภาผู้แทนราษฎรและประธานรัฐสภา การที่จะกำหนดใครเป็นประธานสภาผู้แทนราษฎรเป็นเรื่องของพรรคการเมืองที่จัดตั้งรัฐบาล พรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง
ราเมศ ยังกล่าวถึงหลักการของการเป็นประธานสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งในรัฐธรรมนูญได้กำหนดให้ประธานสภาผู้แทนราษฎรเป็นประธานรัฐสภาด้วย โดยทำหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญกำหนด ไม่มีหน้าที่ช่วยเหลือพรรคการเมืองใดในการผลักดันร่างกฎหมายต่างๆหรือวินิจฉัยข้อกฎหมายที่นอกเหนือข้อบังคับ จะต้องประธานของที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร โดยในรัฐธรรมนูญและข้อบังคับการประชุมของสภาผู้แทนราษฎรและของที่ประชุมร่วมรัฐสภา ระบุว่า ต้องวางตนเป็นกลางในการปฏิบัติหน้าที่นี่คือหลักการความถูกต้อง ส่วนหน้าที่ผลักดันร่างกฎหมายเป็นหน้าที่ของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นหน้าที่ของสมาชิกรัฐสภา
สำหรับการทำหน้าที่ของ ชวน ในฐานะที่เป็นประธานรัฐสภานั้นทำหน้าที่ได้อย่างสมบูรณ์ มีความตรงไปตรงมา ให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายค้านหรือฝ่ายรัฐบาล ยึดหลักความเป็นกลางในการวินิจฉัยในที่ประชุม นั่นคือการทำหน้าที่ที่ดีที่สุด
ส่วนที่กล่าวหาว่าไม่ร่วมผลักดันกฎหมาย อย่างการยกเลิกมาตรา112 ยกเลิกโทษจำคุกดูหมิ่นเจ้าพนักงาน ยกเลิกจำคุกการหมิ่นศาลนั้น ร่างกฎหมายดังกล่าวขัดแย้งต่อรัฐธรรมนูญ จึงไม่ถูกบรรจุ ถ้ามีการผลักดันขึ้นจริง การทำหน้าที่ของประธานสภาก็จะมีปัญหา
ส่วนที่มองว่า ประธานสภาฯไม่ให้ความสำคัญต่อร่างกฎหมายที่ประชาชนเสนอนั้น ราเมศ กล่าวว่า เป็นเรื่องไม่ถูกต้อง เพราะมีหลายฉบับที่ผ่านไปแล้ว เช่น ร่างพระราชบัญญัติอ้อยและน้ำตาลทราย ส่วนร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญที่เสนอโดยภาคประชาชนได้ถูกบรรจุจนนำไปสู่การประชุมร่วมรัฐสภา แต่การพิจารณาร่างดังกล่าวเป็นอำนาจของสมาชิกรัฐสภา พร้อมมองว่า อย่าพูดเอาดีใส่ตัว เพราะขัดแย้งต่อสิ่งที่ประชาชนเห็นในการทำหน้าที่ของประธานรัฐสภา ส่วนเรื่องความโปร่งใสเป็นเรื่องที่ดี ไม่ว่าใครจะเป็นประธานสภาก็เป็นเรื่องที่สำคัญ ทั้งนี้ ในช่วงที่ชวนเป็นประธานรัฐสภาก็ได้ริเริ่มการส่งเสริมโครงการบ้านเมืองสุจริต และริเริ่มการประชุมทางอิเล็กทรอนิกส์ และจัดให้มีการแสดงความคิดเห็นของประชาชนในร่างกฎหมายที่เสนอ
ราเมศ กล่าวว่า หลายคนมองว่า การทำหน้าที่ของนายชวนเป็นแบบอย่างในการทำหน้าที่ของประธานสภาฯ เชื่อว่า รัฐบาลใหม่จะมีบุคคลที่มีความสามารถและประสบการณ์มีความเป็นกลางที่จะเป็นประธานสภาฯ ส่วนตัวให้ความสำคัญกับการทำหน้าที่การทำงานมากกว่าคุณวุฒิ วัยวุฒิของคนที่มาทำหน้าที่ จะมาใช้ปัจจัยเหล่านี้มาด้อยค่าใครนั้น ไม่ถูกต้อง
ส่วนกระแสข่าวที่มีการดีลโหวตเลือกประธานสภาผู้แทนราษฎร ระหว่างพรรคเพื่อไทยและพรรคประชาธิปัตย์นั้น ยืนยันว่า ไม่มีการพูดคุยกัน ไม่มีใครประสานมาในการโหวตเลือกประธานสภาฯ ทั้งนี้ไม่ว่าจะกระทำการใดๆ ก็ต้องผ่านที่ประชุมของพรรคก่อน
ราเมศ ยังยืนยันว่า ไม่สนับสนุนการแก้ไขมาตรา 112 แม้จะไม่อยู่ใน MOU แต่ด้วยเสียงข้างมากของการจัดตั้งรัฐบาลก็มีสิทธิ์ที่จะเข้าไปสู่สภาผู้แทนราษฎร โดยพรรคประชาธิปัตย์ได้เก็บรวบรวมข้อมูลจากร่างที่พรรคก้าวไกลเคยเสนอเมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2564 ซึ่งยอมรับว่า กังวลในรายละเอียด เช่น ยกเลิกจำคุกดูหมิ่นเจ้าพนักงาน ยกเลิกโทษจำคุกดูหมิ่นศาลและผู้พิพากษา สิ่งเหล่านี้ พรรคประชาธิปัตย์ไม่เห็นด้วย ถ้าเสนอต่อสภา พรรคประชาธิปัตย์จะมาร่วมต่อสู้เรื่องนี้ให้เต็มที่
นอกจากนี้ พรรคประชาธิปัตย์ ยังได้มอบหมายให้ว่าที่ส.ส.ของพรรค 25 คน และผู้สมัครส.ส.ของพรรค รวมถึงตัวแทนพรรคประจำจังหวัดประจำเขตเลือกตั้งและสาขาให้รวบรวมข้อมูลจริงทั้งหมด เพื่อนำมาสรุปเป็นบทวิเคราะห์ว่า กรณีที่แพ้การเลือกตั้งในหลายจังหวัดหลายพื้นที่ เกิดขึ้นจากสาเหตุใด เพื่อเสนอให้กับคณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ แม้พรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล แต่ก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคสำหรับการดูแลแก้ไขปัญหาให้กับพี่น้องประชาชน
ส่วนที่มีการถกเถียงกันในตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎรและประธานรัฐสภา ซึ่งหลายคนพาดพิงถึง ชวน หลีกภัย อดีตประธานสภาผู้แทนราษฎรและประธานรัฐสภา การที่จะกำหนดใครเป็นประธานสภาผู้แทนราษฎรเป็นเรื่องของพรรคการเมืองที่จัดตั้งรัฐบาล พรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง
ราเมศ ยังกล่าวถึงหลักการของการเป็นประธานสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งในรัฐธรรมนูญได้กำหนดให้ประธานสภาผู้แทนราษฎรเป็นประธานรัฐสภาด้วย โดยทำหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญกำหนด ไม่มีหน้าที่ช่วยเหลือพรรคการเมืองใดในการผลักดันร่างกฎหมายต่างๆหรือวินิจฉัยข้อกฎหมายที่นอกเหนือข้อบังคับ จะต้องประธานของที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร โดยในรัฐธรรมนูญและข้อบังคับการประชุมของสภาผู้แทนราษฎรและของที่ประชุมร่วมรัฐสภา ระบุว่า ต้องวางตนเป็นกลางในการปฏิบัติหน้าที่นี่คือหลักการความถูกต้อง ส่วนหน้าที่ผลักดันร่างกฎหมายเป็นหน้าที่ของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นหน้าที่ของสมาชิกรัฐสภา
สำหรับการทำหน้าที่ของ ชวน ในฐานะที่เป็นประธานรัฐสภานั้นทำหน้าที่ได้อย่างสมบูรณ์ มีความตรงไปตรงมา ให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายค้านหรือฝ่ายรัฐบาล ยึดหลักความเป็นกลางในการวินิจฉัยในที่ประชุม นั่นคือการทำหน้าที่ที่ดีที่สุด
ส่วนที่กล่าวหาว่าไม่ร่วมผลักดันกฎหมาย อย่างการยกเลิกมาตรา112 ยกเลิกโทษจำคุกดูหมิ่นเจ้าพนักงาน ยกเลิกจำคุกการหมิ่นศาลนั้น ร่างกฎหมายดังกล่าวขัดแย้งต่อรัฐธรรมนูญ จึงไม่ถูกบรรจุ ถ้ามีการผลักดันขึ้นจริง การทำหน้าที่ของประธานสภาก็จะมีปัญหา
ส่วนที่มองว่า ประธานสภาฯไม่ให้ความสำคัญต่อร่างกฎหมายที่ประชาชนเสนอนั้น ราเมศ กล่าวว่า เป็นเรื่องไม่ถูกต้อง เพราะมีหลายฉบับที่ผ่านไปแล้ว เช่น ร่างพระราชบัญญัติอ้อยและน้ำตาลทราย ส่วนร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญที่เสนอโดยภาคประชาชนได้ถูกบรรจุจนนำไปสู่การประชุมร่วมรัฐสภา แต่การพิจารณาร่างดังกล่าวเป็นอำนาจของสมาชิกรัฐสภา พร้อมมองว่า อย่าพูดเอาดีใส่ตัว เพราะขัดแย้งต่อสิ่งที่ประชาชนเห็นในการทำหน้าที่ของประธานรัฐสภา ส่วนเรื่องความโปร่งใสเป็นเรื่องที่ดี ไม่ว่าใครจะเป็นประธานสภาก็เป็นเรื่องที่สำคัญ ทั้งนี้ ในช่วงที่ชวนเป็นประธานรัฐสภาก็ได้ริเริ่มการส่งเสริมโครงการบ้านเมืองสุจริต และริเริ่มการประชุมทางอิเล็กทรอนิกส์ และจัดให้มีการแสดงความคิดเห็นของประชาชนในร่างกฎหมายที่เสนอ
ราเมศ กล่าวว่า หลายคนมองว่า การทำหน้าที่ของนายชวนเป็นแบบอย่างในการทำหน้าที่ของประธานสภาฯ เชื่อว่า รัฐบาลใหม่จะมีบุคคลที่มีความสามารถและประสบการณ์มีความเป็นกลางที่จะเป็นประธานสภาฯ ส่วนตัวให้ความสำคัญกับการทำหน้าที่การทำงานมากกว่าคุณวุฒิ วัยวุฒิของคนที่มาทำหน้าที่ จะมาใช้ปัจจัยเหล่านี้มาด้อยค่าใครนั้น ไม่ถูกต้อง
ส่วนกระแสข่าวที่มีการดีลโหวตเลือกประธานสภาผู้แทนราษฎร ระหว่างพรรคเพื่อไทยและพรรคประชาธิปัตย์นั้น ยืนยันว่า ไม่มีการพูดคุยกัน ไม่มีใครประสานมาในการโหวตเลือกประธานสภาฯ ทั้งนี้ไม่ว่าจะกระทำการใดๆ ก็ต้องผ่านที่ประชุมของพรรคก่อน
ราเมศ ยังยืนยันว่า ไม่สนับสนุนการแก้ไขมาตรา 112 แม้จะไม่อยู่ใน MOU แต่ด้วยเสียงข้างมากของการจัดตั้งรัฐบาลก็มีสิทธิ์ที่จะเข้าไปสู่สภาผู้แทนราษฎร โดยพรรคประชาธิปัตย์ได้เก็บรวบรวมข้อมูลจากร่างที่พรรคก้าวไกลเคยเสนอเมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2564 ซึ่งยอมรับว่า กังวลในรายละเอียด เช่น ยกเลิกจำคุกดูหมิ่นเจ้าพนักงาน ยกเลิกโทษจำคุกดูหมิ่นศาลและผู้พิพากษา สิ่งเหล่านี้ พรรคประชาธิปัตย์ไม่เห็นด้วย ถ้าเสนอต่อสภา พรรคประชาธิปัตย์จะมาร่วมต่อสู้เรื่องนี้ให้เต็มที่
นอกจากนี้ พรรคประชาธิปัตย์ ยังได้มอบหมายให้ว่าที่ส.ส.ของพรรค 25 คน และผู้สมัครส.ส.ของพรรค รวมถึงตัวแทนพรรคประจำจังหวัดประจำเขตเลือกตั้งและสาขาให้รวบรวมข้อมูลจริงทั้งหมด เพื่อนำมาสรุปเป็นบทวิเคราะห์ว่า กรณีที่แพ้การเลือกตั้งในหลายจังหวัดหลายพื้นที่ เกิดขึ้นจากสาเหตุใด เพื่อเสนอให้กับคณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ แม้พรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล แต่ก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคสำหรับการดูแลแก้ไขปัญหาให้กับพี่น้องประชาชน
