กระแสข่าว ‘ประชาธิปัตย์’ จะจับมือ ‘เพื่อไทย’ ไม่ใช่ข่าวโคมลอยหรือแค่พูดกันเล่นๆ ในวงอาหาร มีมาหลายเดือนแล้ว แต่ก็ไม่มีใครใน ปชป. ออกมาพูดให้ ‘ผูกมัดตัวเอง ทำเสียแผน’ ตั้งแต่ยังไม่เริ่มเกม แต่มีการพูดในระดับจริงจังมากขึ้น เรียกว่า ‘ข้ามขั้ว’ ชนิดที่สะเทือนไปทั้งกระดานการเมือง หากเกิดขึ้นจริง ผู้คนอาจมองว่า ‘ยาก’ เพราะทั้ง ปชป. กับ พท. กรำศึกการเมือง มาตั้งแต่ยุค ‘ไทยรักไทย-ปชป.’ ทำลายล้างกันในทางการเมือง ถึงขั้น ‘ฆ่าแกง’ กัน
สลับสับเปลี่ยนเรียกว่า ‘ทีใครทีมัน’ ใครขึ้นมามี ‘อำนาจ’ บริหารประเทศ แต่ก็จะมีม็อบ ‘ขั้วตรงข้าม’ ออกมา ระหว่างกลุ่ม นปช. คนเสื้อแดง กับ พธม. คนเสื้อเหลือง ที่แปรสภาพมาเป็น ‘คนเสื้อหลากสี’ และจบที่ กปปส. ปูทางสู่การทำ ‘รัฐประหาร 57’ ที่ทำให้ ‘บริบทการเมือง’ เปลี่ยนไป หลังขั้วอำนาจ ‘3ป.บูรพาพยัคฆ์’ เปิดหน้าสู่สนามการเมืองเอง
ทำให้ ‘3ป.’ กลายเป็นเป้าใหญ่ ที่เป็น ‘ศัตรูร่วมกัน’ ของทั้ง ‘คนเสื้อแดง-เพื่อไทย’ กับฝั่ง ‘เหลืองอกหัก-ประชาธิปัตย์’ เหตุการณ์ในอดีตการ ‘ฆ่าแกง’ กันกลางกรุงเทพฯ ผ่านการสลายการชุมนุมชนิดที่ ‘ทีใครทีมัน’ ยิ่งเวลาผ่านไป ‘อารมณ์ร่วม’ ของผู้คนก็ลดลง
จุดนี้เองทำให้แนวคิด ปชป. จับมือ พท. ถูกพูดกันจริงจังมากขึ้น เพราะฝั่ง ปชป. มองว่า ‘Sensitive Emotion’ ระหว่างการจับมือกับ พท. และการจับมือกับ 3ป. ต่างกัน ทางฝั่ง ปชป. ประเมินว่าการจับมือ พท. จะมี ‘แรงเสียดทาน’ น้อยกว่าจับมือกับ 3ป. เพราะวันนี้คนมีอารมณ์ร่วมกับ 3ป. มากกว่า ทำให้การจับมือกับ พท. มีความ Sensitive น้อยกว่า 3ป. นั่นเอง
แต่อย่าลืมว่า ‘ขั้วอำนาจ 3ป.’ ก็เคยเรืองอำนาจยุค รบ.ประชาธิปัตย์ ‘อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ’ เป็น นายกฯ ขณะนั้น ที่ ‘สุเทพ เทือกสุบรรณ’ เป็นผู้จัดการรัฐบาล นำแจกันดอกไม้ไปเทียบเชิญ ‘บิ๊กป้อม’พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ มาเป็น รมว.กลาโหม สมัยแรก ‘บิ๊กป๊อก’พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา เป็น ผบ.ทบ. ส่วน ‘บิ๊กตู่’พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อยู่ในตำแหน่ง 5 เสือ ทบ. รอขึ้นมาเป็น ผบ.ทบ. ซึ่งทั้ง 3ป. อยู่ในผังอำนาจ ศอฉ. ในการสลายม็อบ นปช. ด้วย จนถึงช่วงปลาย รบ.ยิ่งลักษณ์ ที่มีม็อบ กปปส. นำโดย ‘สุเทพ’ ที่ปูทางมาสู่การทำ รปห. 57 นำโดย พล.อ.ประยุทธ์ นั่นเอง
อย่างไรก็ตามแนวคิดจับมือ พท. ของ ปชป. ไม่ใช่เรื่องแปลกประหลาด ในวันที่ ปชป. กลายเป็น ‘พรรคขนาดกลาง’ หวังเก้าอี้เพียงหลัก 60-70 ที่นั่ง ไม่ได้ทะลุร้อยที่นั่ง เพราะบริบทการเมืองเปลี่ยนไป ปชป. ก็ต้องปรับตัว ‘เอาตัวรอด’ ให้ได้เปรียบที่สุด คือการเป็น ‘พรรคตัวแปร’ ที่ไปได้กับทุกขั้ว และต่อรองได้มากที่สุด
หนึ่งในนั้นคือการ ‘วางตัวเอง’ ไม่ให้สุดโต่งเกินไป จึงเกิดแนวคิดทำนี้ขึ้นมา เพราะการเป็น ‘พรรคตัวแปร’ บนกติกาและบริบทการเมืองในขณะนี้ จะได้เปรียบบน ‘กระดานอำนาจ’ ทั้งหมด แต่ก็เป็นเดิมพันที่สูงเสี่ยง ‘สูญพันธ์’ ซ้ำซาก เพราะ ‘ฐานเก่าก็หาย ฐานใหม่ก็ยาก’ รวมทั้งเหตุการณ์ ‘ปชป. เลือกไหล’ ก็ยิ่งทำให้พรรคอ่อนแอ ซึ่งก็เกิดมาจากศึกใน ปชป. ทั้งนั้น ศึกชิงอำนาจระหว่างขั้ว กปปส. กับขั้วที่ไม่ใช่ กปปส. เดิม ทำให้ขั้ว กปปส. ถูกล้างบาง ต้องไปหา ‘รังใหม่’ แทน
อย่าทำเป็นเล่นไป !!
