







พรรคชาติพัฒนากล้า นำโดย กรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรค พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร และสมาชิกพรรค อรรถวิชช์ สุวรรณภักดี รองหัวหน้าพรรค เทวัญ ลิปตพัลลภ เลขาธิการพรรค เข้ามอบช่อดอกไม้เนื่องในวันคล้ายวันเกิดของ สุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานพรรคชาติพัฒนากล้า ปีที่ 68 ที่ บ้านพักสุวัจน์ ซอยราชวิถี 20
สุวัจน์ กล่าวขอบคุณคณะผู้บริหารพรรคชาติพัฒนากล้าที่ได้มาอวยพรครบรอบวันเกิด 68 ปี พร้อมให้กำลังใจสมาชิกพรรคในการเข้าสู่สนามเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้น โดยระบุว่า ขณะนี้ประเทศไทยกำลังเผชิญวิกฤตอย่างหนัก ไม่ว่าจะเศรษฐกิจหรือมิติต่างๆ อย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ตนมองว่าการเลือกตั้งจะนำไปสู่การแก้วิกฤตดังกล่าวได้ รู้สึกยินดีที่พรรคมีการคิด และนำเสนอนโยบายดีๆ เช่น การดูแลสินเชื่อ การปรับโครงสร้างภาษี การแก้ไขปัญหาราคาสินค้าแพง โครงสร้างราคาน้ำมัน รวมถึงนโยบายท่องเที่ยว โดยขอให้ยืนหยัดในการร่วมกันผลักดันนโยบายของพรรคให้ประสบผลสำเร็จ
ทั้งนี้ พลังที่จะใช้ในการขับเคลื่อนนโยบาย คือ จำนวน ส.ส. ที่จะต้องได้จากการเลือกตั้ง จึงอยากเป็นกำลังใจให้ ชาติพัฒนากล้าได้ที่นั่ง ส.ส. เยอะๆ เพื่อที่จะเข้าไปดูแลเรื่องเศรษฐกิจของประเทศชาติให้เข้มแข็งต่อไป
ผู้สื่อข่าวถามถึงความร่วมมือกันระหว่างขั้วการเมืองต่างๆ สุวัจน์ ระบุว่า ทุกวันนี้ ยังมองทิศทางไม่ค่อยชัดเจน เพราะมีหลายขั้วที่ประเมินได้ยาก ส่วนแคนดิเดตนายกฯ ของแต่ละพรรคการเมืองก็แสดงความพร้อมที่จะเป็นนายกฯ ทั้งนั้น จึงจำเป็นจะต้องไปรอดูผลภายหลังจากการเลือกตั้งว่าจะมีการร่วมจับมือกับใคร
สุวัจน์ ยังเชื่ออีกว่า แนวโน้มที่จะเกิดขึ้น คือ รัฐบาลผสม โดยเชื่อว่าจะเป็นการเลือกตั้งที่มีความแข่งขันสูงมาก เพราะแต่ละพรรคต่างต้องการเข้ามาแก้ไขปัญหาประเทศ ทุกคนอยากทำงาน จึงพยายามนำเสนอนโยบายที่มีความมุ่งมั่น ดังนั้นการเลือกตั้งครั้งหน้าจะเป็นการเลือกตั้งที่มีการแข่งขันกันอย่างเข้มข้นมากที่สุด
อย่างไรก็ดี แม้พรรคจะยังไม่รู้ว่าจะจับมือกับใคร แต่สิ่งที่เราเห็นคือเสถียรภาพที่บอบบางของการเมือง สะท้อนจากระบบรัฐสภาที่อ่อนแอ ไม่สามารถประชุมเพื่อพิจารณากฎหมายให้กับพี่น้องประชาชนได้ และแม้จะยังไม่รู้ว่าใครจะเป็นนายกฯ แต่จะยึดตามเสถียรภาพทางการเมืองเป็นตัวตั้ง คือ การมี 300 เสียงขึ้นไป
“ตัวเลขสภาฯ 500 ที่นั่ง หากต้องการให้มีเสถียรภาพ รัฐบาลจะต้องมี 300 เสียงขึ้นไป จะได้ไม่ต้องห่วงเรื่ององค์ประชุม กลไกสภาฯ จะได้ทำงานได้ อย่างไรก็ดี นอกจากเรื่องตัวเลข ยังมีปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองด้วย หากมีการอะลุ่มอะล่วยคุยกันได้ ย่อมเป็นเรื่องที่ดี เป็นหลักการในการเป็นหลักการประชาธิปไตยที่จะต้องรับฟังเสียงประชาชน จึงต้องสร้างบรรยากาศทางการเมืองที่ทีความร่วมมือ ลดความขัดแย้ง ซึ่งพรรคชาติพัฒนากล้าจะคำนึงถึงปัจจัยเหล่านี้” สุวัจน์ กล่าว
นอกจากนี้ สุวัจน์ ยังกล่าวถึงเป้าหมายในการส่งว่าที่ผู้สมัครฯ ในแต่ละพื้นที่ต่างๆ โดยยืนยันว่า แม้จะไม่ได้ส่งครบทั้ง 400 เขต แต่พรรคจะมุ่งเน้นพื้นที่เป้าหมายที่มีความมั่นใจ หรือพื้นที่เป็นแหล่งท่องเที่ยว และมีปัญหาด้านเศรษฐกิจ อาทิ กทม. นครราชสีมา นครสววรค์ ชุมพร สงขลา นครศรีธรรมราช ภูเก็ต เป็นต้น โดยพรรคจะมีการเปิดตัวนโยบายภาคอีสาน รวมถึงว่าที่ผู้สมัครฯ เป็นลำดับต่อไป พร้อมยืนยันว่าจะทำให้ดีที่สุด ทั้งนี้เป้าหมายขั้นต่ำคือต้องได้อย่างน้อย 25 ที่นั่งขึ้นไป เพื่อให้การเสนอแคนดิเดตนายกฯ ของพรรคเป็นไปตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ
ส่วนกรณีที่พรรคการเมืองอื่นขึ้นปราศรัยว่าจะกวาด ส.ส. ยกจังหวัดนครราชสีมา สุวัจน์ มองว่า ทุกพรรคมีนโยบายในการรณรงค์ของตนเอง โดยเฉพาะพื้นที่ภาคอีสาน เพราะใหญ่ที่สุด เป็นพื้นที่ยุทธศาสตร์ที่มีความสำคัญใครชนะในพื้นที่นั้น ย่อมเสมือนชนะการเลือกตั้ง พร้อมยืนยันไม่หนักใจแม้พรรคการเมืองใหญ่มีเป้าหมายเดียวกัน เพราะพรรคชาติพัฒนากล้ามีว่าที่ผู้สมัครที่เป็นตัวจริงในพื้นที่ เชื่อว่าจะมีเซอไพรส์เกิดขึ้น ชาติพัฒนากล้า ‘คัมแบ็ก’ กลับมาได้อย่างแน่นอน
เมื่อถามว่ากติกาบัตรเลือกตั้งสองใบจะทำให้พรรคเสียเปรียบทางการเมืองหรือไม่ สุวัจน์ ระบุว่า ไม่กังวล แต่ขอเรียกร้องไปยัง กกต. ว่าการเลือกตั้งต้องมีกติกาที่ยุติธรรม ป้องกันไม่ให้มีการกระทำที่ผิดกฎหมาย เพื่อให้การเลือกตั้งมีความชอบธรรม ทุกคนยอมรับผล จึงขอให้ กกต. มีความเข้มงวดกวดขัน เรื่องกฎกติกาต่างๆ รวมถึงการประชาสัมพันธ์กับประชาชน ไม่ให้เกิดความสับสน ให้การเลือกตั้งเป็นไปโดยสุจริต และถูกต้อง
นอกจากนี้ยังมี อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ได้เข้าร่วมอวยพรวันเกิดสุวัจน์ และร่วมพูดคุยถึงทิศทางทางการเมืองอีกด้วย
สุวัจน์ กล่าวขอบคุณคณะผู้บริหารพรรคชาติพัฒนากล้าที่ได้มาอวยพรครบรอบวันเกิด 68 ปี พร้อมให้กำลังใจสมาชิกพรรคในการเข้าสู่สนามเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้น โดยระบุว่า ขณะนี้ประเทศไทยกำลังเผชิญวิกฤตอย่างหนัก ไม่ว่าจะเศรษฐกิจหรือมิติต่างๆ อย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ตนมองว่าการเลือกตั้งจะนำไปสู่การแก้วิกฤตดังกล่าวได้ รู้สึกยินดีที่พรรคมีการคิด และนำเสนอนโยบายดีๆ เช่น การดูแลสินเชื่อ การปรับโครงสร้างภาษี การแก้ไขปัญหาราคาสินค้าแพง โครงสร้างราคาน้ำมัน รวมถึงนโยบายท่องเที่ยว โดยขอให้ยืนหยัดในการร่วมกันผลักดันนโยบายของพรรคให้ประสบผลสำเร็จ
ทั้งนี้ พลังที่จะใช้ในการขับเคลื่อนนโยบาย คือ จำนวน ส.ส. ที่จะต้องได้จากการเลือกตั้ง จึงอยากเป็นกำลังใจให้ ชาติพัฒนากล้าได้ที่นั่ง ส.ส. เยอะๆ เพื่อที่จะเข้าไปดูแลเรื่องเศรษฐกิจของประเทศชาติให้เข้มแข็งต่อไป
ผู้สื่อข่าวถามถึงความร่วมมือกันระหว่างขั้วการเมืองต่างๆ สุวัจน์ ระบุว่า ทุกวันนี้ ยังมองทิศทางไม่ค่อยชัดเจน เพราะมีหลายขั้วที่ประเมินได้ยาก ส่วนแคนดิเดตนายกฯ ของแต่ละพรรคการเมืองก็แสดงความพร้อมที่จะเป็นนายกฯ ทั้งนั้น จึงจำเป็นจะต้องไปรอดูผลภายหลังจากการเลือกตั้งว่าจะมีการร่วมจับมือกับใคร
สุวัจน์ ยังเชื่ออีกว่า แนวโน้มที่จะเกิดขึ้น คือ รัฐบาลผสม โดยเชื่อว่าจะเป็นการเลือกตั้งที่มีความแข่งขันสูงมาก เพราะแต่ละพรรคต่างต้องการเข้ามาแก้ไขปัญหาประเทศ ทุกคนอยากทำงาน จึงพยายามนำเสนอนโยบายที่มีความมุ่งมั่น ดังนั้นการเลือกตั้งครั้งหน้าจะเป็นการเลือกตั้งที่มีการแข่งขันกันอย่างเข้มข้นมากที่สุด
อย่างไรก็ดี แม้พรรคจะยังไม่รู้ว่าจะจับมือกับใคร แต่สิ่งที่เราเห็นคือเสถียรภาพที่บอบบางของการเมือง สะท้อนจากระบบรัฐสภาที่อ่อนแอ ไม่สามารถประชุมเพื่อพิจารณากฎหมายให้กับพี่น้องประชาชนได้ และแม้จะยังไม่รู้ว่าใครจะเป็นนายกฯ แต่จะยึดตามเสถียรภาพทางการเมืองเป็นตัวตั้ง คือ การมี 300 เสียงขึ้นไป
“ตัวเลขสภาฯ 500 ที่นั่ง หากต้องการให้มีเสถียรภาพ รัฐบาลจะต้องมี 300 เสียงขึ้นไป จะได้ไม่ต้องห่วงเรื่ององค์ประชุม กลไกสภาฯ จะได้ทำงานได้ อย่างไรก็ดี นอกจากเรื่องตัวเลข ยังมีปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองด้วย หากมีการอะลุ่มอะล่วยคุยกันได้ ย่อมเป็นเรื่องที่ดี เป็นหลักการในการเป็นหลักการประชาธิปไตยที่จะต้องรับฟังเสียงประชาชน จึงต้องสร้างบรรยากาศทางการเมืองที่ทีความร่วมมือ ลดความขัดแย้ง ซึ่งพรรคชาติพัฒนากล้าจะคำนึงถึงปัจจัยเหล่านี้” สุวัจน์ กล่าว
นอกจากนี้ สุวัจน์ ยังกล่าวถึงเป้าหมายในการส่งว่าที่ผู้สมัครฯ ในแต่ละพื้นที่ต่างๆ โดยยืนยันว่า แม้จะไม่ได้ส่งครบทั้ง 400 เขต แต่พรรคจะมุ่งเน้นพื้นที่เป้าหมายที่มีความมั่นใจ หรือพื้นที่เป็นแหล่งท่องเที่ยว และมีปัญหาด้านเศรษฐกิจ อาทิ กทม. นครราชสีมา นครสววรค์ ชุมพร สงขลา นครศรีธรรมราช ภูเก็ต เป็นต้น โดยพรรคจะมีการเปิดตัวนโยบายภาคอีสาน รวมถึงว่าที่ผู้สมัครฯ เป็นลำดับต่อไป พร้อมยืนยันว่าจะทำให้ดีที่สุด ทั้งนี้เป้าหมายขั้นต่ำคือต้องได้อย่างน้อย 25 ที่นั่งขึ้นไป เพื่อให้การเสนอแคนดิเดตนายกฯ ของพรรคเป็นไปตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ
ส่วนกรณีที่พรรคการเมืองอื่นขึ้นปราศรัยว่าจะกวาด ส.ส. ยกจังหวัดนครราชสีมา สุวัจน์ มองว่า ทุกพรรคมีนโยบายในการรณรงค์ของตนเอง โดยเฉพาะพื้นที่ภาคอีสาน เพราะใหญ่ที่สุด เป็นพื้นที่ยุทธศาสตร์ที่มีความสำคัญใครชนะในพื้นที่นั้น ย่อมเสมือนชนะการเลือกตั้ง พร้อมยืนยันไม่หนักใจแม้พรรคการเมืองใหญ่มีเป้าหมายเดียวกัน เพราะพรรคชาติพัฒนากล้ามีว่าที่ผู้สมัครที่เป็นตัวจริงในพื้นที่ เชื่อว่าจะมีเซอไพรส์เกิดขึ้น ชาติพัฒนากล้า ‘คัมแบ็ก’ กลับมาได้อย่างแน่นอน
เมื่อถามว่ากติกาบัตรเลือกตั้งสองใบจะทำให้พรรคเสียเปรียบทางการเมืองหรือไม่ สุวัจน์ ระบุว่า ไม่กังวล แต่ขอเรียกร้องไปยัง กกต. ว่าการเลือกตั้งต้องมีกติกาที่ยุติธรรม ป้องกันไม่ให้มีการกระทำที่ผิดกฎหมาย เพื่อให้การเลือกตั้งมีความชอบธรรม ทุกคนยอมรับผล จึงขอให้ กกต. มีความเข้มงวดกวดขัน เรื่องกฎกติกาต่างๆ รวมถึงการประชาสัมพันธ์กับประชาชน ไม่ให้เกิดความสับสน ให้การเลือกตั้งเป็นไปโดยสุจริต และถูกต้อง
นอกจากนี้ยังมี อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ได้เข้าร่วมอวยพรวันเกิดสุวัจน์ และร่วมพูดคุยถึงทิศทางทางการเมืองอีกด้วย