ชัยธวัช ตุลาธน สส.บัญชีรายชื่อ และเลขาธิการพรรคก้าวไกล กล่าวถึงการเตรียมอภิปรายนโยบายรัฐบาลของฝ่ายค้าน ในวันที่ 11-12 กันยายนนี้ว่า พรรคร่วมฝ่ายค้านเตรียมประชุมกัน โดยในส่วนของพรรคก้าวไกล ได้จัดผู้อภิปรายไว้ทั้งสิ้น 30 คน อย่างไรก็ตาม รู้สึกเสียดายที่ได้เวลาอภิปรายเพียง 2 วัน หากได้เวลา 3 วัน จะชัดเจนและลงลึกมากขึ้น ซึ่งจะพยายามให้ครอบคลุมทุกเรื่อง บางเรื่องอาจมีเวลาไม่พอจะพูดถึง แต่ก็จะทำให้ครบทุกมิติ
“จะไม่ได้เน้นที่ด้านใดด้านหนึ่ง แต่จะครบทุกมิติ รวมถึงตรวจสอบ ตั้งคำถาม ตั้งข้อสังเกตว่า นโยบายที่ออกมาจะสะท้อนเนื้อแท้ของรัฐบาลชุดนี้ และการเมืองในยุคปัจจุบันอย่างไร” ชัยธวัช กล่าว
ส่วนกระแสวิพากษ์วิจารณ์ถึงคำแถลงนโยบาย ว่ามีความกว้างเกินไปนั้น ชัยธวัช บอกว่า ก็เห็นแต่ตัวร่าง ยังไม่รู้ว่าตัวจริงดีกว่านี้หรือไม่ ซึ่งยอมรับว่ามีความกว้างจริง หลายเรื่องคลุมเครือ ชวนให้สงสัยว่าหมายถึงอะไรกันแน่ มีไม่กี่กรณีที่ระบุเป็นรูปธรรมชัดเจนว่าจะบรรลุเป้าหมายด้วยมาตรการใด แต่ก็ยังต้องถามรายละเอียดของมาตรการนั้น และตอนนี้ยังไม่มีตัวชี้วัดและกำหนดเวลาที่ชัดเจน ตอนนี้พรรคก้าวไกล ก็ทำการบ้านอย่างเต็มที่
“ค่อนข้างผิดหวัง ไม่รู้ว่านโยบายของรัฐบาลจะเป็นความหวังได้หรือไม่ แต่ก็คงต้องให้โอกาสในการทำงานจริง ขณะที่บางนโยบายที่ 8 พรรคร่วมฯ เดิม เคยพัฒนาร่วมกันนั้น สส.ก้าวไกลหลายคน มองว่ามีหลายนโยบายยังไม่ได้อยู่ในคำแถลง คงต้องเสนอแนะต่อรัฐบาล แต่อีกส่วนที่สำคัญคือนโยบายที่พรรคเพื่อไทย เคยพูดไว้แล้วบางส่วนหายไป หรือไม่เหมือนเดิม คงจะเป็นคำถามที่นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีบางท่านต้องตอบ” ชัยธวัช กล่าว
ส่วนที่ขณะนี้ รัฐบาลกำลังสร้างความปรองดอง-สลายขั้ว ทางพรรคก้าวไกลมีแนวทางเข้าไปสู่สมการสลายความขัดแย้งนี้อย่างไรนั้น ชัยธวัช กล่าวว่า ไม่รู้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นการสลายขั้ว หรือจับขั้วกันใหม่ ลักษณะทางการเมืองแบบนี้ก็สะท้อนผ่านนโยบายอยู่
“จะเห็นได้ว่ามีความตั้งใจใช้คำพูดที่คลุมเครือ ไม่ได้พูดถึงปัญหาของประเทศที่เกิดขึ้นจากการรัฐประหาร มีความพยายามจะเกรงอกเกรงใจเป็นอย่างยิ่ง พินอบพิเทา เป็นอย่างยิ่ง ในการแถลงนโยบาย แต่ก็ไม่เป็นไร คำพูดอาจจะประนีประนอมได้ แต่เนื้อหาสุดท้ายต้องดูว่าการปฏิบัติเป็นอย่างไร” ชัยธวัช กล่าว
เมื่อถามถึงการวางตัว สส.หน้าใหม่ ที่จะอภิปรายนโยบายรัฐบาล ชัยธวัช บอกว่า จะมีทั้ง สส.แบ่งเขต และ สส.บัญชีรายชื่อ ขอให้รอติดตาม พร้อมย้ำ สิ่งที่รัฐบาลกล่าวว่า การแถลงนโยบายไม่ใช่การอภิปรายไม่ไว้วางใจนั้น เป็นสิ่งที่ถูกต้อง แม้ไม่ใช่การอภิปรายซักฟอก แต่ก็ต้องใช้เวลา เนื่องจากปัญหาประเทศมีหลายอย่าง ดังนั้น ต้องขอบคุณรัฐบาลที่ให้เปลี่ยนจากอภิปราย 1 วัน เป็น 2 วัน ถือว่ายังดีขึ้น
อย่างไรก็ตาม ไม่แน่ใจว่าการอภิปรายจะรุนแรงจนถึงขั้นประท้วงกันเหมือนปี 2562 หรือไม่ แต่หวังว่ารัฐบาลจะปล่อยให้การอภิปราย และการตรวจสอบตั้งคำถามเป็นไปอย่างราบรื่น โดยในวันที่ 8-10 กันยายนนี้ พรรคก้าวไกลได้นัดหมายติวเข้ม สส.ทุกคน ที่จะขึ้นอภิปรายนโยบายของรัฐบาล พร้อมกล่าวติดตลกว่า "ต้องขออภัยครอบครัวของ สส.เหล่านั้นด้วย 3 วันนี้ ถูกบังคับเข้าโรงเรียนประจำอยู่ที่พรรค"
ชัยธวัช ยังระบุด้วยว่า จะกำชับ สส.พรรคก้าวไกล หลังถูกจับตาพฤติกรรม เช่น กรณีนำอาหารจากรัฐสภากลับบ้าน และหากพบใครมีพฤติกรรมไม่เหมาะสม ขอให้แจ้งมาที่พรรคฯ ได้เลย ส่วนกรณีที่ถูกตั้งข้อสังเกตว่า สส.พรรคก้าวไกล ถูกรุมกินโต๊ะ หรือถูกโดดเดี่ยวในสภาฯ หรือไม่นั้น มองว่าในแง่ความสัมพันธ์ส่วนบุคคลในการทำงานร่วมกันในสภาฯ ไม่มีปัญหาอะไร แต่เมื่อเป็นผลประโยชน์ของพรรคหรือแกนนำพรรค ยอมรับว่ามีความตึงเครียด เนื่องจากรอบนี้ ฝ่ายค้านมีจำนวนน้อย ไม่ถึง 200 คน และส่วนใหญ่เป็นพรรคก้าวไกล จึงจะถูกจับจ้องมากเป็นพิเศษ แต่ไม่เหงา
ส่วนเมื่อถามถึงการทำงานร่วมกับพรรคประชาธิปัตย์ ชัยธวัช บอกว่า ได้เริ่มทำงานร่วมกันแล้ว คือการพูดคุยเนื้อหาและกรอบเวลาในการอภิปรายนโยบายรัฐบาล
“ต้องดูว่าการทำงานร่วมกันหลังจากนี้จะเป็นอย่างไร เพราะยังมีพรรคไทยสร้างไทย พรรคเป็นธรรม และพรรค 1 เสียงอีก 2-3 พรรค น่าจะไม่มีปัญหาอะไร เพราะเราไม่มีผลประโยชน์อะไรขัดแย้งกัน” ชัยธวัช กล่าว
“จะไม่ได้เน้นที่ด้านใดด้านหนึ่ง แต่จะครบทุกมิติ รวมถึงตรวจสอบ ตั้งคำถาม ตั้งข้อสังเกตว่า นโยบายที่ออกมาจะสะท้อนเนื้อแท้ของรัฐบาลชุดนี้ และการเมืองในยุคปัจจุบันอย่างไร” ชัยธวัช กล่าว
ส่วนกระแสวิพากษ์วิจารณ์ถึงคำแถลงนโยบาย ว่ามีความกว้างเกินไปนั้น ชัยธวัช บอกว่า ก็เห็นแต่ตัวร่าง ยังไม่รู้ว่าตัวจริงดีกว่านี้หรือไม่ ซึ่งยอมรับว่ามีความกว้างจริง หลายเรื่องคลุมเครือ ชวนให้สงสัยว่าหมายถึงอะไรกันแน่ มีไม่กี่กรณีที่ระบุเป็นรูปธรรมชัดเจนว่าจะบรรลุเป้าหมายด้วยมาตรการใด แต่ก็ยังต้องถามรายละเอียดของมาตรการนั้น และตอนนี้ยังไม่มีตัวชี้วัดและกำหนดเวลาที่ชัดเจน ตอนนี้พรรคก้าวไกล ก็ทำการบ้านอย่างเต็มที่
“ค่อนข้างผิดหวัง ไม่รู้ว่านโยบายของรัฐบาลจะเป็นความหวังได้หรือไม่ แต่ก็คงต้องให้โอกาสในการทำงานจริง ขณะที่บางนโยบายที่ 8 พรรคร่วมฯ เดิม เคยพัฒนาร่วมกันนั้น สส.ก้าวไกลหลายคน มองว่ามีหลายนโยบายยังไม่ได้อยู่ในคำแถลง คงต้องเสนอแนะต่อรัฐบาล แต่อีกส่วนที่สำคัญคือนโยบายที่พรรคเพื่อไทย เคยพูดไว้แล้วบางส่วนหายไป หรือไม่เหมือนเดิม คงจะเป็นคำถามที่นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีบางท่านต้องตอบ” ชัยธวัช กล่าว
ส่วนที่ขณะนี้ รัฐบาลกำลังสร้างความปรองดอง-สลายขั้ว ทางพรรคก้าวไกลมีแนวทางเข้าไปสู่สมการสลายความขัดแย้งนี้อย่างไรนั้น ชัยธวัช กล่าวว่า ไม่รู้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นการสลายขั้ว หรือจับขั้วกันใหม่ ลักษณะทางการเมืองแบบนี้ก็สะท้อนผ่านนโยบายอยู่
“จะเห็นได้ว่ามีความตั้งใจใช้คำพูดที่คลุมเครือ ไม่ได้พูดถึงปัญหาของประเทศที่เกิดขึ้นจากการรัฐประหาร มีความพยายามจะเกรงอกเกรงใจเป็นอย่างยิ่ง พินอบพิเทา เป็นอย่างยิ่ง ในการแถลงนโยบาย แต่ก็ไม่เป็นไร คำพูดอาจจะประนีประนอมได้ แต่เนื้อหาสุดท้ายต้องดูว่าการปฏิบัติเป็นอย่างไร” ชัยธวัช กล่าว
เมื่อถามถึงการวางตัว สส.หน้าใหม่ ที่จะอภิปรายนโยบายรัฐบาล ชัยธวัช บอกว่า จะมีทั้ง สส.แบ่งเขต และ สส.บัญชีรายชื่อ ขอให้รอติดตาม พร้อมย้ำ สิ่งที่รัฐบาลกล่าวว่า การแถลงนโยบายไม่ใช่การอภิปรายไม่ไว้วางใจนั้น เป็นสิ่งที่ถูกต้อง แม้ไม่ใช่การอภิปรายซักฟอก แต่ก็ต้องใช้เวลา เนื่องจากปัญหาประเทศมีหลายอย่าง ดังนั้น ต้องขอบคุณรัฐบาลที่ให้เปลี่ยนจากอภิปราย 1 วัน เป็น 2 วัน ถือว่ายังดีขึ้น
อย่างไรก็ตาม ไม่แน่ใจว่าการอภิปรายจะรุนแรงจนถึงขั้นประท้วงกันเหมือนปี 2562 หรือไม่ แต่หวังว่ารัฐบาลจะปล่อยให้การอภิปราย และการตรวจสอบตั้งคำถามเป็นไปอย่างราบรื่น โดยในวันที่ 8-10 กันยายนนี้ พรรคก้าวไกลได้นัดหมายติวเข้ม สส.ทุกคน ที่จะขึ้นอภิปรายนโยบายของรัฐบาล พร้อมกล่าวติดตลกว่า "ต้องขออภัยครอบครัวของ สส.เหล่านั้นด้วย 3 วันนี้ ถูกบังคับเข้าโรงเรียนประจำอยู่ที่พรรค"
ชัยธวัช ยังระบุด้วยว่า จะกำชับ สส.พรรคก้าวไกล หลังถูกจับตาพฤติกรรม เช่น กรณีนำอาหารจากรัฐสภากลับบ้าน และหากพบใครมีพฤติกรรมไม่เหมาะสม ขอให้แจ้งมาที่พรรคฯ ได้เลย ส่วนกรณีที่ถูกตั้งข้อสังเกตว่า สส.พรรคก้าวไกล ถูกรุมกินโต๊ะ หรือถูกโดดเดี่ยวในสภาฯ หรือไม่นั้น มองว่าในแง่ความสัมพันธ์ส่วนบุคคลในการทำงานร่วมกันในสภาฯ ไม่มีปัญหาอะไร แต่เมื่อเป็นผลประโยชน์ของพรรคหรือแกนนำพรรค ยอมรับว่ามีความตึงเครียด เนื่องจากรอบนี้ ฝ่ายค้านมีจำนวนน้อย ไม่ถึง 200 คน และส่วนใหญ่เป็นพรรคก้าวไกล จึงจะถูกจับจ้องมากเป็นพิเศษ แต่ไม่เหงา
ส่วนเมื่อถามถึงการทำงานร่วมกับพรรคประชาธิปัตย์ ชัยธวัช บอกว่า ได้เริ่มทำงานร่วมกันแล้ว คือการพูดคุยเนื้อหาและกรอบเวลาในการอภิปรายนโยบายรัฐบาล
“ต้องดูว่าการทำงานร่วมกันหลังจากนี้จะเป็นอย่างไร เพราะยังมีพรรคไทยสร้างไทย พรรคเป็นธรรม และพรรค 1 เสียงอีก 2-3 พรรค น่าจะไม่มีปัญหาอะไร เพราะเราไม่มีผลประโยชน์อะไรขัดแย้งกัน” ชัยธวัช กล่าว
