สึกแล้ว! ‘ทิดแฟร้ง’ ยันไม่ได้ใช้ผ้าเหลือง ‘หนีทหาร’

3 พ.ค. 2566 - 07:28

  • ‘เนติวิทย์ โชติภัทร์ไพศาล’ เปิดใจหลังสึก ยันไม่ได้เกาะชายผ้าเหลือง ‘หนีทหาร’

  • ประกาศพร้อมสู้ต่อ ชี้ระบบเกณฑ์เหมือน ‘วินัย’ สร้างให้คนหวาดกลัว

Netiwit-not-ordained-to-escape-the-military-SPACEBAR-Hero
3 พ.ค. 66 ‘เนติวิทย์ โชติภัทร์ไพศาล’ นักขับเคลื่อนเชิงอุดมการณ์ชื่อดัง ได้โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุเหตุผลการอุปสมบท การลาสิกขา และมุมมองเรื่องการเกณฑ์ทหาร ภายใต้หัวข้อ ‘ลาสิกขาและสอบได้ประโยค 1-2’ มีใจความระบุต่อว่า  

ดังที่ผมได้เคยแจ้งขณะเป็นพระเนติวิทย์ ในถ้อยแถลงส่วนตัวว่า นับแต่รัฐประหาร 2557 ผมก็ตาสว่างเห็นการบังคับเกณฑ์ทหารเป็นเครื่องมือควบคุมคน สร้างความกลัว และระบบนี้เป็นอุปสรรคต่อความเจริญงอกงามของผู้คนในสังคมและสร้างเสรีประชาธิปไตย  

แม้โดยส่วนตัวจะมีวิธีหลีกเลี่ยงได้มากมายโดยไม่ผิดกฎหมาย (เช่น เรียน รด) แต่ก็คิดว่าวิธีนี้คนใช้เยอะแล้ว และเราก็ควรมีสิทธิศักดิ์ศรีชัดในฐานะมนุษย์ว่า เรามีเสรีภาพในการเลือกพัฒนาชาติในแบบของเราได้ เราไม่ควรต้องกลัวกับระบบไม่เป็นธรรม ผมก็ได้มีเจตนามุ่งมั่นและออกแถลงการณ์ตั้งแต่ตอนนั้น ซึ่งก็ผ่านมาถึง 9 ปีแล้วว่า จะไม่เข้าร่วมระบบเกณฑ์ทหาร แม้จะต้องโดนดำเนินคดีหรืออะไรก็ตามที 

แม้ตอนนี้ ผมก็ไม่เคยเปลี่ยนความเชื่อ ความตั้งใจของตน โดยเฉพาะสิ่งที่เราทำเราต่อต้าน เมื่อพิจารณาอย่างแยบคาย เป็นสิ่งที่ดีกับคนรุ่นหลังจากเรา ที่พวกเขาจะได้ใช้ชีวิตอย่างปราศจากความกลัว สามารถรักชาติได้ดีขึ้น (เพราะเขามีสิทธิคิดสิทธิเลือก ไม่ใช่รักเพราะกลัวเกรง)  

หากที่ผมไม่ไปที่หน่วยตรวจเลือดเกณฑ์ทหารเพื่อประกาศเจตนารมณ์นี้ด้วยตัวเองก็เพราะติดอ่านสอบบาลีประโยค 1-2 ซึ่งตนก็ตั้งใจศึกษาบาลีมาถึง 4-5 เดือน อยากสอบซ่อมให้เรียบร้อยแล้วก็จะสึกออกมาต่อสู้ ไม่ได้ต้องการหลีกเลี่ยงจะใช้ผ้าเหลืองเพื่อหลบหนี แม้อยากจะบวชต่ออีกสักพักก็ตาม 

ขณะนี้ก็สอบซ่อมเสร็จแล้ว ก็ไม่ได้ทำผิดที่เคยให้สัตย์ไว้ ก็ได้ลาสิกขาจากวัดญาณเวศกวันช่วงปลายเดือนที่ผ่านมา และเมื่อวาน แม่กองบาลีก็ประกาศผลแล้วว่า พระเนติวิทย์สอบได้ประโยค 1-2  

ท่านเจ้าคุณฯ ได้ให้โอวาทตอนลาสิกขา คือ หลักอธิษฐานธรรม 4 

1. ไม่พึงประมาทปัญญา 
2. พึงมั่นคงและมุ่งมั่นในสัจจะ 
3. พึงเพิ่มพูนจาคะการให้ 
4. พึงศึกษาสันติ สันติภาพภายในและโลกไร้สงคราม 

ตอนนี้ก็กลับมาเป็นคฤหัสถ์ เป็นผู้ครองเรือน เป็นผู้หนึ่งที่มั่นใจยิ่งขึ้นทุกทีว่าพระธรรมคำสอนสองพันกว่าปีนี้สามารถมีประโยชน์ต่อตนและผู้อื่น และประโยชน์ในการพัฒนาสังคม ได้สัมผัสสุขอิงอามิสและไม่อิงอามิสความไม่เบียดเบียน จะนำเอาธรรมมาประยุกต์และเผยแพร่

เรื่องเกณฑ์ทหารนี้ไม่ได้ขัดกับที่ได้ศึกษา พุทธศาสนามีสองส่วนคือ ธรรมและวินัย วินัยคือตัวระบบให้บรรลุจุดหมายคือธรรม ถ้าวินัยไม่ทำให้เกิดธรรม วินัยนั้นก็ใช้ไม่ได้ ระบบบังคับเกณฑ์ทหารเหมือนเป็นวินัย แต่ไม่ทำให้บรรลุความงอกงามของบุคคลและสังคม แต่ระบบนี้กลับสร้างความขยาด กลัว มีคนถูกละเมิดสิทธิมนุษยชนจนเสียชีวิต สิ้นเปลืองงบประมาณเกินจำเป็น วินัยนี้จึงไม่อยู่บนฐานธรรม เจตนาตอนแรกอาจจะดี แต่ไม่ได้ผล ก็ต้องปรับให้สอดคล้องกับธรรม ก็คือมีระบบสมัครใจ ให้สวัสดิการดีขึ้น กองทัพเองก็ได้ประโยชน์ และผู้คนก็ไม่ต้องสูญเสียงานที่ตนรักไปแต่ช่วยประเทศชาติสังคมในแนวทางตน แต่คนใฝ่อำนาจนิยมและคนรับสินบาทคาดสินบนจากระบบนี้จำนวนน้อยอาจจะเสียประโยชน์  

ก็เรียนให้ทราบในเบื้องต้นเท่านี้  
แจ้งความเป็นไปของตนและความมุ่งมั่นไม่คลอนแคลน 
ขอขอบคุณทุกท่านที่ติดตามเกื้อกูลกันมาโดยตลอด 

ขอบุญกุศลที่ได้จากการอุปสมบท 10 เดือน เป็นพลวปัจจัยให้ทุกท่าน เจริญรุ่งเรือง มีเมตตาต่อกัน เกื้อกูลสังคมของเราให้ปราศจากการเบียดเบียนและงอกงามยิ่งๆ ขึ้นไป

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์