กกต.จัดงานสถาปนา 25 ปี ‘เส้นทางการจัดการเลือกตั้งสู่ประชาธิปไตยที่ยั่งยืน’ ขณะ ‘อิทธิพร’ ยันนับคะแนนใหม่ไม่ส่งผลต่อการรับรอง ส.ส. สัปดาห์หน้าชัดวันประกาศรับรอง ยังไม่มีเหตุต้องแขวน ‘พิธา’ ระหว่างพิจารณาคดีหุ้นสื่อ ไม่หวั่นด้อมส้มกดดันพิจารณาคดี ย้ำทำตามกฎหมาย
สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จัดงานสถาปนาครบรอบ 25 ปี ที่ก่อตั้งขึ้น ตั้งแต่วันที่ 9 มิถุนายน 2541 จวบจนปัจจุบัน เนื่องในโอกาสครบรอบ 25 ปี วันสถาปนาสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ในวันที่ 9 มิถุนายน 2566 จึงได้จัดกิจกรรมวันสถาปนาฯ ขึ้น โดยในช่วงเช้า อิทธิพร บุญประคอง ประธาน กกต.นำคณะกรรมการการเลือกตั้ง เลขาธิการ กกต. และเจ้าหน้าที่ บวงสรวงองค์พระพรหม บริเวณศาลพระพรหม ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติฯ และพิธีสงฆ์ โดยถวายภัตตาหารเพล และถวายเครื่องจตุปัจจัยไทยธรรม แด่พระภิกษุสงฆ์จากวัดอาวุธวิกสิตาราม
ขณะที่ ประธาน กกต.กล่าว กล่าวถึงการนับคะแนนใหม่ทั้ง 47 หน่วยว่าเป็นมติของ กกต.ที่ได้มีการประชุม โดยเห็นว่ามีบัตรกับคนมาใช้สิทธิที่เท่ากัน แต่คะแนนไม่ตรงกัน อาจจะผิดพลาดในการขีดคะแนน จึงให้นับคะแนนใหม่ และส่งกลับมาให้ กกต.อีกครั้งหนึ่ง ซึ่งขณะนี้ยังมีบางหน่วยที่ยังพิจารณาไม่แล้วเสร็จ อาจจะมีการนับคะแนนใหม่ได้เพิ่มเติม ทั้งนี้ การนับคะแนนใหม่ไม่ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงว่าที่ ส.ส.เนื่องจากการนับเพียงแค่ 47 หน่วย ถือว่า เป็นการนับที่น้อยมาก หากเปรียบเทียบกับหน่วยเลือกตั้งทั้งหมด กว่า 95,000 หน่วย
เมื่อถามว่า ถ้าไม่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลง ส.ส. กฎหมายให้อำนาจ กกต.ในการวินิจฉัยว่าไม่ต้องนับคะแนนใหม่ได้ อิทธิพรกล่าวว่า นี่เป็นอีกกรณีหนึ่งที่จะใช้เวลามีบัตรเขย่ง หรือที่เรียกว่าบัตรกับคนมาใช้สิทธิไม่ตรงกัน ก็จะให้ กกต.ใช้ดุลพินิจดูว่าคะแนนเขตนั้น ไม่มีผลต่อการเลือกตั้งก็อาจจะให้ยุติเรื่องได้ ซึ่งเป็นคนละกรณีกันที่สั่งนับใหม่ในตอนนี้
ส่วนที่มีข้อเรียกร้องให้ทยอยประกาศรับรอง ส.ส.อิทธิพร กล่าวว่า ทำไม่ได้ ซึ่งตามกฎหมายการประกาศรับรอง ส.ส.ต้องรับรองทั้งหมดอย่างน้อยร้อยละ 95 เพราะฉะนั้นจะทยอยประกาศเป็นรายบุคคลไม่ได้ สำหรับจำนวน ส.ส.ที่โดนร้องเรียนเกี่ยวกับการเลือกตั้งมีคนใดที่เข้าข่ายที่จะมีความผิดหรือไม่นั้น ตนก็ตอบไม่ได้ เพราะเป็นคำร้องที่ต้องดูว่าจะรับไว้พิจารณาหรือไม่ ถ้าไม่รับต้องให้ กกต.ตัดสินใจแต่ถ้ารับแล้วก็จะเข้าสู่กระบวนการสืบสวนไต่ส่วนตามระเบียบ โดยขณะนี้การตรวจสอบคำร้องมีความคืบหน้า จะเห็นได้จากในการสั่งให้นับคะแนนใหม่ ซึ่งกระบวนการตรวจสอบเบื้องต้น กกต.ต้องให้รับฟังรายงานผู้ตรวจการเลือกตั้ง ข้อมูลข่าวสารจากแหล่งอื่นๆ รวมถึงกระบวนการคำร้องด้วยถ้ากระบวนการเหล่านี้เสร็จก็สามารถประกาศผลได้เลย และกฎหมาย กกต.จะต้องประกาศผลโดยเร็วแต่ไม่เกิน 60 วัน เชื่อว่ากระบวนการที่ทำขณะนี้การประกาศผลรับรอง ส.ส.จะเร็วกว่าครั้งที่ผ่านมา ซึ่งคาดว่าสัปดาห์หน้าจะมีความชัดเจนใน วันประกาศรับรอง ส.ส.
พร้อมกันนี้ อิทธิพร ยังกล่าวถึงกรณีความคืบหน้าคำร้องของ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์หัวหน้าพรรคก้าวไกลเกี่ยวกับการถือหุ้นสื่อ ว่าขณะนี้มีทั้งหมด 3 คำร้อง ได้เชิญผู้ร้องมาให้ถ้อยคำและยื่นหลักฐานเพิ่มเติมแล้ว และขณะนี้อยู่ในขั้นตอนที่สำนักงาน กกต.เสนอให้ กกต.พิจารณาว่าจะรับหรือไม่รับคำร้อง หากเป็นคดีความปรากฏ ถ้าไม่รับเรื่องก็จะจบไป แต่ถ้ารับจะเข้าสู่กระบวนการตั้งคณะกรรมการสืบสวนไต่สวน แล้วค่อยเรียกผู้ถูกร้องมาให้ถ้อยคำ
ส่วนคดีหุ้นจะทำให้พิธาถูกแขวนจนไม่ได้รับรอง เป็น ส.สในสัดส่วน 95% แรกหรือไม่ อิทธิพร กล่าวว่า ยังพูดอย่างนั้นไม่ได้ เรายังไม่ถึงจุดที่ว่ารับคำร้องของพิธาไว้พิจารณา ถ้ารับแล้วกระบวนการสืบสวนไต่สวนต้องใช้เวลาอยู่เหมือนกัน เพราะในกระบวนการยุติธรรมต้องให้ความเป็นธรรม ถ้ากระบวนการยุติธรรมต้องให้ความเป็นธรรมต้องใช้เวลายังไม่แล้วเสร็จ ก็ไม่มีประเด็นอะไรที่มาขวางการประกาศผล
เมื่อถามว่า ข้อบังคับพรรคก้าวไกลมีการกำหนดคุณสมบัติของสมาชิก ต้องมีคุณสมบัติ ในการลงสมัครรับเลือกตั้งหากพิธา ถูกชี้ว่าถือหุ้นสื่อ จะส่งผลต่อผู้สมัคร ส.ส.ที่พิธาเซ็นรับรองหรือไม่ อิทธิพรกล่าวว่า อยู่ในกระบวนการพิจารณา ยังให้ความเห็นไม่ได้ ซึ่งต้องให้ กกต.ทั้งคณะพิจารณา
ส่วนกรณีที่ผู้ใช้สิทธิเลือกตั้ง 14 ล้านเสียงที่สนับสนุนพรรคก้าวไกล กดดันให้มีการรับรอง ส.ส.จะส่งผลต่อการทำงาน กกต.หรือไม่ ประธาน กกต.กล่าวว่า กกต.ต้องทำงานตามกฎหมาย และรับทราบสิ่งที่ประชาชนส่วนหนึ่งมีความเห็น แต่เรามีหน้าที่ที่จะต้องปฏิบัติไม่สามารถที่จะละเว้นการปฏิบัติงานได้ ยืนยันว่า จะมีการประกาศผลตามกรอบภายใน 60 วันและมั่นใจว่าจะเร็วกว่าครั้งที่ผ่านมา และไม่ได้กังวลหรือกดดัน เพราะเรามีหน้าที่ต้องทำงาน ทั้งสำนักงาน กกต.และ กกต.ทุกคนต้องทำงาน กกต.รับทราบว่าความคิดเห็นของกลุ่มคนที่สนับสนุนใครเป็นยังไงถ้าไม่เช่นนั้นก็คงทำงานไม่ได้
ส่วนกรณีที่พิธาเตรียมจะรื้อองค์กรอิสระที่ทำหน้าที่ไม่อิสระและถูกครอบงำ อิทธิพร กล่าวว่า ทุกคนมีสิทธิเสนอความเห็นและผลักดันให้เป็นไปตามนั้นไม่เกี่ยวอะไรกับ กกต. เพราะ กกต.เป็นผู้ปฏิบัติตามกฎหมายเท่านั้น
สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จัดงานสถาปนาครบรอบ 25 ปี ที่ก่อตั้งขึ้น ตั้งแต่วันที่ 9 มิถุนายน 2541 จวบจนปัจจุบัน เนื่องในโอกาสครบรอบ 25 ปี วันสถาปนาสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ในวันที่ 9 มิถุนายน 2566 จึงได้จัดกิจกรรมวันสถาปนาฯ ขึ้น โดยในช่วงเช้า อิทธิพร บุญประคอง ประธาน กกต.นำคณะกรรมการการเลือกตั้ง เลขาธิการ กกต. และเจ้าหน้าที่ บวงสรวงองค์พระพรหม บริเวณศาลพระพรหม ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติฯ และพิธีสงฆ์ โดยถวายภัตตาหารเพล และถวายเครื่องจตุปัจจัยไทยธรรม แด่พระภิกษุสงฆ์จากวัดอาวุธวิกสิตาราม
ขณะที่ ประธาน กกต.กล่าว กล่าวถึงการนับคะแนนใหม่ทั้ง 47 หน่วยว่าเป็นมติของ กกต.ที่ได้มีการประชุม โดยเห็นว่ามีบัตรกับคนมาใช้สิทธิที่เท่ากัน แต่คะแนนไม่ตรงกัน อาจจะผิดพลาดในการขีดคะแนน จึงให้นับคะแนนใหม่ และส่งกลับมาให้ กกต.อีกครั้งหนึ่ง ซึ่งขณะนี้ยังมีบางหน่วยที่ยังพิจารณาไม่แล้วเสร็จ อาจจะมีการนับคะแนนใหม่ได้เพิ่มเติม ทั้งนี้ การนับคะแนนใหม่ไม่ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงว่าที่ ส.ส.เนื่องจากการนับเพียงแค่ 47 หน่วย ถือว่า เป็นการนับที่น้อยมาก หากเปรียบเทียบกับหน่วยเลือกตั้งทั้งหมด กว่า 95,000 หน่วย
เมื่อถามว่า ถ้าไม่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลง ส.ส. กฎหมายให้อำนาจ กกต.ในการวินิจฉัยว่าไม่ต้องนับคะแนนใหม่ได้ อิทธิพรกล่าวว่า นี่เป็นอีกกรณีหนึ่งที่จะใช้เวลามีบัตรเขย่ง หรือที่เรียกว่าบัตรกับคนมาใช้สิทธิไม่ตรงกัน ก็จะให้ กกต.ใช้ดุลพินิจดูว่าคะแนนเขตนั้น ไม่มีผลต่อการเลือกตั้งก็อาจจะให้ยุติเรื่องได้ ซึ่งเป็นคนละกรณีกันที่สั่งนับใหม่ในตอนนี้
ส่วนที่มีข้อเรียกร้องให้ทยอยประกาศรับรอง ส.ส.อิทธิพร กล่าวว่า ทำไม่ได้ ซึ่งตามกฎหมายการประกาศรับรอง ส.ส.ต้องรับรองทั้งหมดอย่างน้อยร้อยละ 95 เพราะฉะนั้นจะทยอยประกาศเป็นรายบุคคลไม่ได้ สำหรับจำนวน ส.ส.ที่โดนร้องเรียนเกี่ยวกับการเลือกตั้งมีคนใดที่เข้าข่ายที่จะมีความผิดหรือไม่นั้น ตนก็ตอบไม่ได้ เพราะเป็นคำร้องที่ต้องดูว่าจะรับไว้พิจารณาหรือไม่ ถ้าไม่รับต้องให้ กกต.ตัดสินใจแต่ถ้ารับแล้วก็จะเข้าสู่กระบวนการสืบสวนไต่ส่วนตามระเบียบ โดยขณะนี้การตรวจสอบคำร้องมีความคืบหน้า จะเห็นได้จากในการสั่งให้นับคะแนนใหม่ ซึ่งกระบวนการตรวจสอบเบื้องต้น กกต.ต้องให้รับฟังรายงานผู้ตรวจการเลือกตั้ง ข้อมูลข่าวสารจากแหล่งอื่นๆ รวมถึงกระบวนการคำร้องด้วยถ้ากระบวนการเหล่านี้เสร็จก็สามารถประกาศผลได้เลย และกฎหมาย กกต.จะต้องประกาศผลโดยเร็วแต่ไม่เกิน 60 วัน เชื่อว่ากระบวนการที่ทำขณะนี้การประกาศผลรับรอง ส.ส.จะเร็วกว่าครั้งที่ผ่านมา ซึ่งคาดว่าสัปดาห์หน้าจะมีความชัดเจนใน วันประกาศรับรอง ส.ส.
พร้อมกันนี้ อิทธิพร ยังกล่าวถึงกรณีความคืบหน้าคำร้องของ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์หัวหน้าพรรคก้าวไกลเกี่ยวกับการถือหุ้นสื่อ ว่าขณะนี้มีทั้งหมด 3 คำร้อง ได้เชิญผู้ร้องมาให้ถ้อยคำและยื่นหลักฐานเพิ่มเติมแล้ว และขณะนี้อยู่ในขั้นตอนที่สำนักงาน กกต.เสนอให้ กกต.พิจารณาว่าจะรับหรือไม่รับคำร้อง หากเป็นคดีความปรากฏ ถ้าไม่รับเรื่องก็จะจบไป แต่ถ้ารับจะเข้าสู่กระบวนการตั้งคณะกรรมการสืบสวนไต่สวน แล้วค่อยเรียกผู้ถูกร้องมาให้ถ้อยคำ
ส่วนคดีหุ้นจะทำให้พิธาถูกแขวนจนไม่ได้รับรอง เป็น ส.สในสัดส่วน 95% แรกหรือไม่ อิทธิพร กล่าวว่า ยังพูดอย่างนั้นไม่ได้ เรายังไม่ถึงจุดที่ว่ารับคำร้องของพิธาไว้พิจารณา ถ้ารับแล้วกระบวนการสืบสวนไต่สวนต้องใช้เวลาอยู่เหมือนกัน เพราะในกระบวนการยุติธรรมต้องให้ความเป็นธรรม ถ้ากระบวนการยุติธรรมต้องให้ความเป็นธรรมต้องใช้เวลายังไม่แล้วเสร็จ ก็ไม่มีประเด็นอะไรที่มาขวางการประกาศผล
เมื่อถามว่า ข้อบังคับพรรคก้าวไกลมีการกำหนดคุณสมบัติของสมาชิก ต้องมีคุณสมบัติ ในการลงสมัครรับเลือกตั้งหากพิธา ถูกชี้ว่าถือหุ้นสื่อ จะส่งผลต่อผู้สมัคร ส.ส.ที่พิธาเซ็นรับรองหรือไม่ อิทธิพรกล่าวว่า อยู่ในกระบวนการพิจารณา ยังให้ความเห็นไม่ได้ ซึ่งต้องให้ กกต.ทั้งคณะพิจารณา
ส่วนกรณีที่ผู้ใช้สิทธิเลือกตั้ง 14 ล้านเสียงที่สนับสนุนพรรคก้าวไกล กดดันให้มีการรับรอง ส.ส.จะส่งผลต่อการทำงาน กกต.หรือไม่ ประธาน กกต.กล่าวว่า กกต.ต้องทำงานตามกฎหมาย และรับทราบสิ่งที่ประชาชนส่วนหนึ่งมีความเห็น แต่เรามีหน้าที่ที่จะต้องปฏิบัติไม่สามารถที่จะละเว้นการปฏิบัติงานได้ ยืนยันว่า จะมีการประกาศผลตามกรอบภายใน 60 วันและมั่นใจว่าจะเร็วกว่าครั้งที่ผ่านมา และไม่ได้กังวลหรือกดดัน เพราะเรามีหน้าที่ต้องทำงาน ทั้งสำนักงาน กกต.และ กกต.ทุกคนต้องทำงาน กกต.รับทราบว่าความคิดเห็นของกลุ่มคนที่สนับสนุนใครเป็นยังไงถ้าไม่เช่นนั้นก็คงทำงานไม่ได้
ส่วนกรณีที่พิธาเตรียมจะรื้อองค์กรอิสระที่ทำหน้าที่ไม่อิสระและถูกครอบงำ อิทธิพร กล่าวว่า ทุกคนมีสิทธิเสนอความเห็นและผลักดันให้เป็นไปตามนั้นไม่เกี่ยวอะไรกับ กกต. เพราะ กกต.เป็นผู้ปฏิบัติตามกฎหมายเท่านั้น
