‘ปดิพัทธ์’ เผยรัฐสภาใหม่ มีปมขัดแย้ง-ความไม่สมบูรณ์ของแบบ เหตุเลื่อนตรวจรับงาน100% พร้อมย้ำเป็นตัวแทนฝ่ายประชาชนเพื่อตรวจสอบ ดีเดย์ สิ้นก.ย.นี้รู้ผล
ปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาฯ คนที่หนึ่ง ในฐานะประธานกรรมการขับเคลื่อนนโยบายรัฐสภาโปร่งใส และสมรรถนะสูง แถลงต่อประเด็นการตรวจสอบโครงการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่พร้อมอาคารประกอบ ซึ่งเมื่อวันที่ 18 ก.ย. คณะกรรมการตรวจการจ้างโครงการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ ไม่สามารถลงนามตรวจรับงานแล้วเสร็จ 100% ได้ ว่า เนื่องจากมีความเห็นแย้งของกรรมการฯ ต่อความไม่สมบูรณ์ของแบบก่อสร้างหลายประการ ซึ่งส่วนตัวได้ให้กรรมการทำข้อมูลชี้แจงภายในสิ้นเดือน ก.ย.นี้ อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าความสมบูรณ์และเงื่อนไขตามสัญญาก่อสร้างนั้น มีประเด็นที่เป็นข้อสงสัย ดังนั้น ส่วนตัวจะเป็นผู้ตรวจสอบรายละเอียดและปัญหาที่เกิดขึ้น และจะรับประเด็นจากภาคส่วนต่างๆ ซึ่งสามารถส่งเรื่องมาถึงตนเองในฐานะรองประธานสภาฯ คนที่หนึ่งได้
“ผมไม่ได้เป็นตัวแทนฝ่ายใด ทั้งฝ่ายผู้รับจ้างหรือฝ่ายผู้ว่าจ้าง แต่เป็นตัวแทนของประชาชนที่ต้องการตรวจสอบให้เกิดความโปร่งใส และเรื่องที่เกิดขึ้นใครได้ ใครเสีย ต้องมีคนที่รับผิดชอบ โดยหลังจากที่ผมเดินทางกลับจากการดูงานที่ประเทศสิงคโปร์จะตรวจสอบรายละเอียดและแถลงรายละเอียดอีกครั้ง” ปดิพัทธ์ กล่าว
ปดิพัทธ์ กล่าวด้วยว่า ส่วนประเด็นที่มีประเด็นเรื่องค่าปรับที่ผู้รับจ้างไม่สามารถก่อสร้างได้แล้วเสร็จตามสัญญา ตามกรอบในปี 2563 นั้น ทราบว่ามีความเกี่ยวกับข้องสถานการณ์ของโควิด-19 และ มติคณะรัฐมนตรี (ครม.) ซึ่งขอศึกษารายละเอียดอีกครั้ง ส่วนที่หลายฝ่ายมองว่า อาจไม่มีการเสียค่าปรับนั้น ในโอกาสเป็นไปได้ ส่วนที่มีประเด็นฟ้องร้องในรายละเอียดที่ยื่นต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) นั้น ต้องพิจารณาสำนวนอีกกครั้ง ซึ่งส่วนตัวยังไม่มีรายละเอียด แต่มั่นใจว่า ไม่เป็นเงื่อนไขของการตรวจรับงาน ขณะเดียวกันหากมีประเด็นที่สภาฯ ถูกตรวจสอบ ก็ยินดีที่จะให้ความร่วมมือ
เมื่อถามว่า ไทม์ไลน์ที่ตั้งเป้าจะมั่นใจทำได้เรียบร้อยหรือไม่ เนื่องจากปัญหาสร้างรัฐสภาใหม่มีความซับซ้อน และข้าราชการที่รับผิดชอบเตรียมเกษียณอายุราชการ ปดิพัทธ์ ยอมรับว่า ปัญหาของการสร้างรัฐสภาใหม่มีความซ้ำซ้อน ทั้งเรื่องของกฎหมาย เบื้องต้นจะพิจารณาในเรื่องของวิศกรรมและสถาปัตยกรรม ขณะเดียวกันในส่วนของผู้บริหารสำนักงานเเลขาธิการสภาฯที่จะเกษียณอายุราชการ ซึ่งในเดือนตุลาคมนี้ต้องมีการสรรหาใหม่ ดังนั้น พร้อมจะดูแลเพื่อไม่ให้มีปัญหาการส่งมอบงาน