เจอเสียงท้วง! ‘อุ๊งอิ๊ง’ นำทัพแจงยิบปมนโยบายขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาท โวเป็นรัฐบาลจะแก้ทั้งระบบ

7 ธ.ค. 2565 - 10:40

  • ทนเสียงท้วงไม่ไหว! ‘อุ๊งอิ๊ง’ นำทัพออกโรงแจงยิบปมนโยบายขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาท

  • รับเดือดร้อนแน่ หากคิดตอนนี้ ช่วงเศรษฐกิจแย่

  • ฟุ้ง ‘เพื่อไทย’ เป็นรัฐบาลจะแก้ทั้งระบบ ‘นายจ้าง-ลูกจ้าง’ โตไปด้วยกัน

  • ‘นพ.พรหมินทร์’ โวไม่พังกลไกเศรษฐกิจด้วยคำหาเสียงหวานๆ

Paethongtan-clarified-policy-raising-minimum-wage-to-600-baht-per-day-SPACEBAR-Thumbnail
แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย พร้อมด้วย นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช ประธานคณะกรรมการนโยบาย และ เผ่าภูมิ โรจนสกุล รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย แถลงชี้แจงประเด็นนโยบายประเด็นขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาทต่อวัน ภายในปี 2570 หลังถูกวิพากษ์วิจารณ์ในวงกว้าง  

โดย แพทองธาร อ้างว่า วิสัยทัศน์ปี 70 ที่แถลงไปวานนี้ (6 ธ.ค.2565) แสดงให้เห็นว่าหากพรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาล จะได้เห็นการเปลี่ยนแปลงอะไรบ้าง ซึ่งประเด็นขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาท เป็นหนึ่งในนั้น และเข้าใจดีว่าทำไมถึงมีการถกเถียงเรื่องนี้ เพราะตอนนี้เศรษฐกิจประเทศไม่ดี คงคิดภาพให้ความหวังว่า หากค่าแรงเพิ่มเป็น 600 บาท หมายความว่า ต้นทุนผู้ประกอบการต้องเพิ่มขึ้น แน่นอนว่าหากคิดในวันนี้เดือดร้อนแน่ แต่เราพูดถึงเศรษฐกิจภาพรวมทั้งประเทศที่จะเติบโตพร้อมๆ กันทั้งระบบ ทั้งนายจ้างและลูกจ้าง ได้ประโยชน์ทั้งสองฝ่าย 

ทั้งนี้ ค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาท ที่เคยขึ้นสมัยรัฐบาล ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ผ่านมากว่า 10 ปี ค่าแรงขั้นต่ำเพิ่มขึ้นประมาณ 10 บาทเท่านั้น ฉะนั้น พรรคเพื่อไทยต้องคิดใหญ่ เพื่อให้เศรษฐกิจทั้งประเทศมูฟ (move) ตัวไปด้วยกัน แต่ไม่ใช่นำงบประมาณมาใช้ เพื่อลดความเหลื่อมล้ำ รวยกระจุกจนกระจาย ส่วนจีดีพีประเทศจะเติบขึ้นเฉลี่ยปีละ 5% นั้น ไม่ใช่จะตายตัว 5% ทุกปี ซึ่งปีแรก อาจจะสูงกว่า 5% ก็ได้ ปีต่อมา อาจจะลดน้อยลงตามเลขเฉลี่ยแต่ละปีที่จะเติบโตได้ และดูเศรษฐกิจโลกบวกด้วย  

“วันนี้ไม่แปลกเลย ที่คนจะคิดว่าต้นทุนจะเพิ่มขึ้น วันนี้ยังคิดไม่ได้ ค่าแรงขึ้นเป็น 600 บาทยังคิดไม่ได้ เพราะเศรษฐกิจยังไม่ดี เมื่อเศรษฐกิจดีทั้งระบบแล้วจะไปโดยธรรมชาติของเศรษฐกิจ การเติบโตเศรษฐกิจเราต้องการเติบโตทั้งระบบทั้งประเทศ คนทุกชนชั้น คนทุกฐานะได้รับประโยชน์ ได้มีโอกาส ได้มีศักดิ์ศรี มีเกียรติที่จะสามารถออกมาใช้ชีวิตจับจ่ายใช้สอย ลดหนี้สิน ดูแลครอบครัวได้ นั่นคือคอนเซ็ปที่เราเปลี่ยนตั้งแต่เคมเปญพรรคว่า เราต้องคิดใหญ่ ทำเป็น เพื่อไทยทุกคน ปัญหามีนานแล้ว คิดเล็กปัญหาไม่จบ ต้องคิดใหญ่แก้ปัญหาทั้งระบบ” แพทองธาร กล่าว  

นพ.พรหมินทร์ กล่าวว่า เราตระหนักดีว่าเศรษฐกิจจะดีขึ้นเราต้องสร้างรายได้ใหม่ รัฐบาลจึงจะมีภาษีให้เก็บ วันนี้ รัฐบาลเก็บภาษีได้น้อย จึงต้องไปกู้มาและขยายเพดานกู้ กลายเป็นการแก้ปัญหาเศรษฐกิจด้วยการกู้ ซึ่งเราไม่ได้เชื่อเช่นนั้น และจะเน้นเรื่องสร้างเศรษฐกิจ สำหรับภาคเอกชนที่มีความเห็นขอให้ชัดเจนว่าเราในฐานะรัฐบาล เราเก็บภาษีจากกำไรของท่าน 20% หมายความว่า เราถือหุ้น 20% ของท่านเช่นกัน เราจะต้องทำให้ภาคเศรษฐกิจและภาคธุรกิจโตไปด้วยกัน การขึ้นค่าแรงจะดำเนินการเป็นขั้นตอน  

“เราตระหนักดีว่า มีหลายท่านวิจารณ์ว่าเราทำลายโครงสร้าง จึงขอเรียนว่าไม่จริง ตระหนักดีว่าการปรับขึ้นค่าแรงเป็นเรื่องของนายจ้างกับลูกจ้าง และมีรัฐในฐานะดูภาพรวมเพื่อให้ประเทศเดินต่อได้ โดยเราจะต้องขยับไปด้วยกันเป็นขั้นตอน สิ่งสำคัญคือเราต้องทำให้เกิดรายได้ก่อน ซึ่งสิ่งที่เราเคยแถลงมาแล้วเป็นไปได้แน่นอน เนื่องจากเราเคยทำมาแล้วในอดีต และขอให้มั่นใจว่าเราจะต้องเติบโตไปด้วยกัน” นพ.พรหมินทร์ กล่าว   

เมื่อถามถึงกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ถามว่านโยบายนี้จะเอาเงินมาจากไหน แพทองธาร ตอบว่า เป็นสิ่งติดตัวของพรรคเพื่อไทย ว่านโยบายที่ออกไป เราทำให้เกิดขึ้นจริง ซึ่งระยะเวลา 8 ปีหลังรัฐประหารทำให้เศรษฐกิจชะลอตัว และไม่สามารถเติบโตขึ้นได้ รวมทั้งแรงงานดีๆ ถูกดองไว้ ไม่มีการพัฒนาศักยภาพแรงงานไทย ถึงมีคนพูดว่าอยากย้ายประเทศ  

เมื่อถามว่า แนวคิดขึ้นค่าแรงจะเป็นแบบขั้นบันไดจนถึงปี 70 ใช่หรือไม่ นพ.พรหมินทร์ ตอบว่า เราจะทำให้เศรษฐกิจโตก่อน วันนี้เราเริ่มวางแผนแล้วว่าต้องทำอะไรบ้าง เมื่อเศรษฐกิจโตจึงจะสามารถปรับค่าแรงขั้นต่ำได้  

“เราเป็นคนมีเหตุผล ไม่ทำร้ายกลไกเศรษฐกิจพังทลายด้วยคำหวานๆ ที่ไปหาเสียงแบบคนอื่นทำ” นพ.พรหมินทร์ กล่าว    

ส่วนเมื่อถามว่า กรณีที่ภาคธุรกิจและสภาองค์การนายจ้างฯ แสดงความกังวลต่อเรื่องนี้ นพ.พรหมินทร์ ตอบว่า ข่าวที่ออกมาไปมีข้อเดียว แต่ความจริงเราจะขยับเศรษฐกิจทั้งระบบให้โตเฉลี่ยปีละ 5%  

ด้าน เผ่าภูมิ กล่าวว่า ค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาท คิดจากองค์ประกอบ 3 ส่วน ได้แก่ 1.การเจริญเติบโตทางจีดีพี 2.ผลิตภาพของแรงงานที่สามารถสร้างเงินได้เท่าไหร่ และ 3.เงินเฟ้อ ต่อจากนี้ เราตั้งเป้าจีดีพีของเราพุ่งเป้าปีละอย่างน้อย 5% หากไม่ปรับค่าแรงขั้นต่ำ หมายความว่าช่องว่างระหว่างนายจ้างกับลูกจ้างจะถูกถ่างขึ้น ซึ่งการปรับค่าแรงขั้นต่ำ ต้องคู่ขนานไปกับการดูแลผู้ประกอบการ และจะมีแพ็กเกจดูแลผู้ประกอบการตามมา เช่น สิทธิประโยชน์ทางภาษี หรือลดภาษีนิติบุคคล  

ทั้งนี้ การปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำจำเป็นต้องเพิ่มความเร็วของการหมุนเงินในระบบเศรษฐกิจ ที่เคยทำมาแล้วในสมัย ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ในสมัยนั้นมีการหมุนเร็วกว่าในรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ 40% คิดเป็นเกือบ 2 เท่า 

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์