พรรคพลังประชารัฐ จัดประชุมใหญ่สามัญพรรค ครั้งที่ 1/2566 โดยมี สันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง และเลขาธิการพรรค, วิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรค และ ไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรค ทำหน้าที่เป็นประธานการประชุม
ทั้งนี้ ได้มีการแจ้งให้ที่ประชุมทราบถึงการแก้ไขข้อบังคับพรรคต่างๆ รวมถึงแจ้งกรณี สุชาติ ชมกลิ่น รมต.แรงงาน ลาออกจาก ผู้อำนวยการพรรค, อนุชา นาคาศัย รมต.ประจำสำนักนายกฯ ลาออกจากกรรมการบริหารพรรค และ สุรสิทธิ์ นิธิวุฒิวรรักษ์ ลาออกจากนายทะเบียนพรรค จากนั้น สมาชิกได้ลงมติเลือกกรรมการบริหารพรรค ทดแทนตำแหน่งที่ว่าง ได้แก่ พล.อ.กฤษณ์โยธิน ศศิพัฒนวงษ์ เป็นนายทะเบียนพรรค, สกลธี ภัททิยกุล, บุญสิงห์ วรินทร์รักษ์ และ อภิชัย เตชะอุบล เป็นกรรมการบริหารพรรค
ต่อมา ที่ประชุมได้มีมติเห็นชอบตามที่ ไพบูลย์ เสนอชื่อ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรค เป็นบุคคลที่พรรคเสนอให้ได้รับการพิจารณาเป็นนายกรัฐมนตรี (แคนดิเดตนายกฯ) โดยเสนอเพียงชื่อเดียว ขั้นตอนจากนี้ จะมีการเสนอต่อที่ประชุมกรรมการบริหารพรรคในสัปดาห์หน้า เพื่อให้ความเห็นชอบต่อไป
ขณะที่ วิรัช ย้ำว่า เราเสนอชื่อแคนดิเดตนายกฯ ก่อนทุกพรรค โดยเสนอเพียงชื่อเดียว ซึ่งพวกเราหมายมั่นปั้นมือกันทุกคน เราจะต้องร่วมแรงร่วมใจ หรือเอาใจบันดาลแรง ที่จะทำให้แคนดิเดตนายกฯ พรรคพลังประชารัฐ ได้เป็นนายกฯ คนที่ 30 ทั้งนี้ จากการเลือกตั้งครั้งที่แล้ว เราก็ได้เป็นนายกฯ คราวนี้เรามีความเชื่อมั่น 100% หรือ 1,000% ก็ว่าได้ว่า หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ จะได้เป็นนายกฯ แน่นอน
นอกจากนี้ ขอแจ้งให้สมาชิกพรรคเข้าร่วมงานระดมทุนในวันที่ 30 มกราคม อย่างพร้อมเพรียง ห้ามขาด ขณะเดียวกัน นโยบายที่จะใช้ในการหาเสียงเลือกตั้ง โดยเฉพาะนโยบายแรกคือ บัตรประชารัฐ 700 บาท และจากสโลแกนของพรรคพลังประชารัฐ เราจะก้าวข้ามความขัดแย้ง ขจัดทุกปัญหา พัฒนาพื้นที่ อยากให้ทุกคนช่วยกันรณรงค์ ช่วยกันไปหาเสียงกับประชาชน จะใช้คำว่า ‘700 ทั่วไทย’ หรือจะใช้คำว่า ‘ป้อม 700’ หัวหน้าพรรคไม่ได้ขัดข้อง
ด้าน ไพบูลย์ แถลงว่า ในการคัดเลือกแคนดิเดตนายกฯ ของพรรคพลังประชารัฐ ปกติต้องรอให้มีการประกาศเลือกตั้งทั่วไปก่อน แต่เนื่องจากต้องการให้เกิดความชัดเจน จึงดำเนินการก่อนจะมีพระราชกฤษฎีกา (พ.ร.ฎ.) การเลือกตั้งออกมา ซึ่งหลังได้รับฟังความเห็นจาก ส.ส. ตัวแทนพรรค สาขาพรรค และสมาชิก เห็นตรงกันว่าต้องเสนอ พล.อ.ประวิตร เป็นแคนดิเดตนายกฯ เพียงชื่อเดียว
“ทุกคนเห็นตรงกันเสนอ พล.อ.ประวิตร เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีเพียงท่านเดียว เพื่อคงไว้ซึ่งความศักดิ์สิทธิ์และศักดิ์ศรีของพรรคพลังประชารัฐ จึงต้องเสนอท่านที่สูงสุด เหมาะสมที่สุด ที่ประชุมทุกระดับชั้น เชื่อว่า พล.อ.ประวิตร มีความเหมาะสม และเชื่อว่าท่านจะได้เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 แน่นอน” ไพบูลย์ ระบุ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ ชุดปัจจุบัน มี 21 คน ประกอบด้วย 1. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค 2. วิรัช รัตนเศรษฐ รองหัวหน้าพรรค 3. สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองหัวหน้าพรรค 4. ไพบูลย์ นิติตะวัน รองหัวหน้าพรรค 5. ชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รองหัวหน้าพรรค 6. สันติ พร้อมพัฒน์ เลขาธิการพรรค 7. นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เหรัญญิกพรรค 8. พล.อ.กฤษณ์โยธิน ศศิพัฒนวงษ์ นายทะเบียนพรรค 9. สมศักดิ์ เทพสุทิน กรรมการบริหารพรรค 10. สรวุฒิ เนื่องจำนงค์ กรรมการบริหารพรรค 11. นิโรธ สุนทรเลขา กรรมการบริหารพรรค 12. สัมพันธ์ มะยูโซ๊ะ กรรมการบริหารพรรค 13. ประภาพร อัศวเหม กรรมการบริหารพรรค 14. ยงยุทธ สุวรรณบุตร กรรมการบริหารพรรค 15. รงค์ บุญสวยขวัญ กรรมการบริหารพรรค 16. อรรถกร ศิริลัทธยากร กรรมการบริหารพรรค 17. พล.อ.ธัญญา เกียรติสาร กรรมการบริหารพรรค 18. พรชัย ตระกูลวรานนท์ กรรมการบริหารพรรค 19. สกลธี ภัททิยกุล กรรมการบริหารพรรค 20. บุญสิงห์ วรินทร์รักษ์ กรรมการบริหารพรรค และ 21. อภิชัย เตชะอุบล กรรมการบริหารพรรค
สำหรับการประชุมใหญ่สามัญของพรรคพลังประชารัฐ ครั้งนี้ มีบุคคลสำคัญหรือแกนนำที่ไม่ได้มาปรากฏตัว โดยเฉพาะ พล.อ.ประวิตร ที่ติดราชการ, สมศักดิ์ เทพสุทิน รมต.ยุติธรรม ที่ติดภารกิจลงพื้นที่, อนุชา นาคาศัย รมต.ประจำสำนักนายกฯ, ตรีนุช เทียนทอง รมต.ศึกษาธิการ ขณะที่รัฐมนตรีคนอื่นๆ มากันพร้อมเพรียง ไม่ว่าจะเป็น สันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง, สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมต.อุตสาหกรรม, ชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมต.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม, สุนทร ปานแสงทอง รมช.เกษตรและสหกรณ์
ทั้งนี้ ได้มีการแจ้งให้ที่ประชุมทราบถึงการแก้ไขข้อบังคับพรรคต่างๆ รวมถึงแจ้งกรณี สุชาติ ชมกลิ่น รมต.แรงงาน ลาออกจาก ผู้อำนวยการพรรค, อนุชา นาคาศัย รมต.ประจำสำนักนายกฯ ลาออกจากกรรมการบริหารพรรค และ สุรสิทธิ์ นิธิวุฒิวรรักษ์ ลาออกจากนายทะเบียนพรรค จากนั้น สมาชิกได้ลงมติเลือกกรรมการบริหารพรรค ทดแทนตำแหน่งที่ว่าง ได้แก่ พล.อ.กฤษณ์โยธิน ศศิพัฒนวงษ์ เป็นนายทะเบียนพรรค, สกลธี ภัททิยกุล, บุญสิงห์ วรินทร์รักษ์ และ อภิชัย เตชะอุบล เป็นกรรมการบริหารพรรค
ต่อมา ที่ประชุมได้มีมติเห็นชอบตามที่ ไพบูลย์ เสนอชื่อ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรค เป็นบุคคลที่พรรคเสนอให้ได้รับการพิจารณาเป็นนายกรัฐมนตรี (แคนดิเดตนายกฯ) โดยเสนอเพียงชื่อเดียว ขั้นตอนจากนี้ จะมีการเสนอต่อที่ประชุมกรรมการบริหารพรรคในสัปดาห์หน้า เพื่อให้ความเห็นชอบต่อไป
ขณะที่ วิรัช ย้ำว่า เราเสนอชื่อแคนดิเดตนายกฯ ก่อนทุกพรรค โดยเสนอเพียงชื่อเดียว ซึ่งพวกเราหมายมั่นปั้นมือกันทุกคน เราจะต้องร่วมแรงร่วมใจ หรือเอาใจบันดาลแรง ที่จะทำให้แคนดิเดตนายกฯ พรรคพลังประชารัฐ ได้เป็นนายกฯ คนที่ 30 ทั้งนี้ จากการเลือกตั้งครั้งที่แล้ว เราก็ได้เป็นนายกฯ คราวนี้เรามีความเชื่อมั่น 100% หรือ 1,000% ก็ว่าได้ว่า หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ จะได้เป็นนายกฯ แน่นอน
นอกจากนี้ ขอแจ้งให้สมาชิกพรรคเข้าร่วมงานระดมทุนในวันที่ 30 มกราคม อย่างพร้อมเพรียง ห้ามขาด ขณะเดียวกัน นโยบายที่จะใช้ในการหาเสียงเลือกตั้ง โดยเฉพาะนโยบายแรกคือ บัตรประชารัฐ 700 บาท และจากสโลแกนของพรรคพลังประชารัฐ เราจะก้าวข้ามความขัดแย้ง ขจัดทุกปัญหา พัฒนาพื้นที่ อยากให้ทุกคนช่วยกันรณรงค์ ช่วยกันไปหาเสียงกับประชาชน จะใช้คำว่า ‘700 ทั่วไทย’ หรือจะใช้คำว่า ‘ป้อม 700’ หัวหน้าพรรคไม่ได้ขัดข้อง
ด้าน ไพบูลย์ แถลงว่า ในการคัดเลือกแคนดิเดตนายกฯ ของพรรคพลังประชารัฐ ปกติต้องรอให้มีการประกาศเลือกตั้งทั่วไปก่อน แต่เนื่องจากต้องการให้เกิดความชัดเจน จึงดำเนินการก่อนจะมีพระราชกฤษฎีกา (พ.ร.ฎ.) การเลือกตั้งออกมา ซึ่งหลังได้รับฟังความเห็นจาก ส.ส. ตัวแทนพรรค สาขาพรรค และสมาชิก เห็นตรงกันว่าต้องเสนอ พล.อ.ประวิตร เป็นแคนดิเดตนายกฯ เพียงชื่อเดียว
“ทุกคนเห็นตรงกันเสนอ พล.อ.ประวิตร เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีเพียงท่านเดียว เพื่อคงไว้ซึ่งความศักดิ์สิทธิ์และศักดิ์ศรีของพรรคพลังประชารัฐ จึงต้องเสนอท่านที่สูงสุด เหมาะสมที่สุด ที่ประชุมทุกระดับชั้น เชื่อว่า พล.อ.ประวิตร มีความเหมาะสม และเชื่อว่าท่านจะได้เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 แน่นอน” ไพบูลย์ ระบุ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ ชุดปัจจุบัน มี 21 คน ประกอบด้วย 1. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค 2. วิรัช รัตนเศรษฐ รองหัวหน้าพรรค 3. สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองหัวหน้าพรรค 4. ไพบูลย์ นิติตะวัน รองหัวหน้าพรรค 5. ชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รองหัวหน้าพรรค 6. สันติ พร้อมพัฒน์ เลขาธิการพรรค 7. นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เหรัญญิกพรรค 8. พล.อ.กฤษณ์โยธิน ศศิพัฒนวงษ์ นายทะเบียนพรรค 9. สมศักดิ์ เทพสุทิน กรรมการบริหารพรรค 10. สรวุฒิ เนื่องจำนงค์ กรรมการบริหารพรรค 11. นิโรธ สุนทรเลขา กรรมการบริหารพรรค 12. สัมพันธ์ มะยูโซ๊ะ กรรมการบริหารพรรค 13. ประภาพร อัศวเหม กรรมการบริหารพรรค 14. ยงยุทธ สุวรรณบุตร กรรมการบริหารพรรค 15. รงค์ บุญสวยขวัญ กรรมการบริหารพรรค 16. อรรถกร ศิริลัทธยากร กรรมการบริหารพรรค 17. พล.อ.ธัญญา เกียรติสาร กรรมการบริหารพรรค 18. พรชัย ตระกูลวรานนท์ กรรมการบริหารพรรค 19. สกลธี ภัททิยกุล กรรมการบริหารพรรค 20. บุญสิงห์ วรินทร์รักษ์ กรรมการบริหารพรรค และ 21. อภิชัย เตชะอุบล กรรมการบริหารพรรค
สำหรับการประชุมใหญ่สามัญของพรรคพลังประชารัฐ ครั้งนี้ มีบุคคลสำคัญหรือแกนนำที่ไม่ได้มาปรากฏตัว โดยเฉพาะ พล.อ.ประวิตร ที่ติดราชการ, สมศักดิ์ เทพสุทิน รมต.ยุติธรรม ที่ติดภารกิจลงพื้นที่, อนุชา นาคาศัย รมต.ประจำสำนักนายกฯ, ตรีนุช เทียนทอง รมต.ศึกษาธิการ ขณะที่รัฐมนตรีคนอื่นๆ มากันพร้อมเพรียง ไม่ว่าจะเป็น สันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง, สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมต.อุตสาหกรรม, ชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมต.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม, สุนทร ปานแสงทอง รมช.เกษตรและสหกรณ์
