ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศการเข้าทำงานวันแรกของ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ซึ่งได้มีการสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติฯ ในเวลา 9.45 น. โดยมีผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงและสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) ให้การต้อนรับ
พร้อมกันนี้ พล.ต.อ.พัชรวาท ยังกล่าวถึงสถานการณ์น้ำมันดิบรั่วไหลบริเวณทางตอนใต้ของเกาะสีชัง จ.ชลบุรี ว่าได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะการแพร่กระจายของคราบน้ำมัน ที่ต้องเน้นการใช้เทคโนโลยีดาวเทียม เพื่อตรวจสอบการขยายวงกว้างของคราบน้ำมันและลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมและระบบนิเวศน์ทางทะเล ซึ่งอาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มอาชีพประมงชายฝั่ง
“ได้ให้มีการจัดทำแผนแม่บท โดยการถอดบทเรียนกรณีการรั่วไหลของน้ำมันในครั้งนี้ เพื่อไม่ให้เกิดเหตุซ้ำซาก เพราะคราบน้ำมันจะมีผลต่อสิ่งแวดล้อมและระบบนิเวศน์ทางทะเลและชายฝั่ง” พล.ต.อ.พัชรวาท ระบุ
พล.ต.อ.พัชรวาท ยังแสดงความเป็นห่วงปัญหา PM2.5 ที่ประเทศไทยกำลังเผชิญ และสร้างผลบกระทบต่อสุขภาพของประชาชนในฤดูหนาวของทุกปี โดยได้ให้มีการเตรียมแผนป้องกันภัยที่จะเกิดขึ้น โดยตั้งเป้าให้มีการแก้ไขสถานการณ์ให้ดีขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา รวมถึงเรื่องการจัดสรรที่ทำกิน นับเป็นเรื่องสำคัญที่พรรคพลังประชารัฐ ผลักดันมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในภาพรวมการทำงาน จะเน้นให้เกิดการบูรณาการของทุกส่วนที่เกี่ยวข้อง เพื่อขับเคลื่อนนโยบายการช่วยเหลือประชาชนและการดูแลสิ่งแวดล้อมควบคู่กันไป เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนให้ดียิ่งขึ้นและเกิดความยั่งยืน
“ในฐานะที่ผมต้องมารับผิดชอบงานบริหารราชการต่อจาก พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ท่านไม่ได้มีข้อสั่งการเป็นพิเศษกับเรื่องนี้ แต่ให้เป็นความรับผิดชอบในการดูแลตามหน้าที่ให้ดีที่สุด และไม่มีความกังวลในการมาบริหารงานที่ ทส. แต่อย่างใด เพราะกระทรวงไม่ได้มีปัญหาอะไร เนื่องจากข้าราชการกระทรวงนี้ มีความรู้ความสามารถในการดูแล รับผิดชอบในหน้าที่ดีอยู่แล้ว” พล.ต.อ.พัชรวาท ระบุ
พร้อมกันนี้ พล.ต.อ.พัชรวาท ยังกล่าวถึงสถานการณ์น้ำมันดิบรั่วไหลบริเวณทางตอนใต้ของเกาะสีชัง จ.ชลบุรี ว่าได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะการแพร่กระจายของคราบน้ำมัน ที่ต้องเน้นการใช้เทคโนโลยีดาวเทียม เพื่อตรวจสอบการขยายวงกว้างของคราบน้ำมันและลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมและระบบนิเวศน์ทางทะเล ซึ่งอาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มอาชีพประมงชายฝั่ง
“ได้ให้มีการจัดทำแผนแม่บท โดยการถอดบทเรียนกรณีการรั่วไหลของน้ำมันในครั้งนี้ เพื่อไม่ให้เกิดเหตุซ้ำซาก เพราะคราบน้ำมันจะมีผลต่อสิ่งแวดล้อมและระบบนิเวศน์ทางทะเลและชายฝั่ง” พล.ต.อ.พัชรวาท ระบุ
พล.ต.อ.พัชรวาท ยังแสดงความเป็นห่วงปัญหา PM2.5 ที่ประเทศไทยกำลังเผชิญ และสร้างผลบกระทบต่อสุขภาพของประชาชนในฤดูหนาวของทุกปี โดยได้ให้มีการเตรียมแผนป้องกันภัยที่จะเกิดขึ้น โดยตั้งเป้าให้มีการแก้ไขสถานการณ์ให้ดีขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา รวมถึงเรื่องการจัดสรรที่ทำกิน นับเป็นเรื่องสำคัญที่พรรคพลังประชารัฐ ผลักดันมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในภาพรวมการทำงาน จะเน้นให้เกิดการบูรณาการของทุกส่วนที่เกี่ยวข้อง เพื่อขับเคลื่อนนโยบายการช่วยเหลือประชาชนและการดูแลสิ่งแวดล้อมควบคู่กันไป เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนให้ดียิ่งขึ้นและเกิดความยั่งยืน
“ในฐานะที่ผมต้องมารับผิดชอบงานบริหารราชการต่อจาก พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ท่านไม่ได้มีข้อสั่งการเป็นพิเศษกับเรื่องนี้ แต่ให้เป็นความรับผิดชอบในการดูแลตามหน้าที่ให้ดีที่สุด และไม่มีความกังวลในการมาบริหารงานที่ ทส. แต่อย่างใด เพราะกระทรวงไม่ได้มีปัญหาอะไร เนื่องจากข้าราชการกระทรวงนี้ มีความรู้ความสามารถในการดูแล รับผิดชอบในหน้าที่ดีอยู่แล้ว” พล.ต.อ.พัชรวาท ระบุ
