6 มิ.ย. 66 ที่ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) สนามบินน้ำ ‘เครือข่ายประชาชน นำโดย ‘อดุลย์ เขียวบริบูรณ์’ ประธานคณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา 35 และ ‘พ.ต.อ.วิรุตม์ ศิริสวัสดิบุตร’ เลขาธิการสถาบันเพื่อการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม พร้อมด้วยผู้แทน ครป. ญาติวีรชนพฤษภา 35 และเครือข่ายองค์กรภาคประชาชน จะทำหน้าที่เป็นตัวแทนประชาชนทั้งประเทศเดินทางไปยื่นหนังสือต่อประธาน ป.ป.ช.ให้ดำเนินการไต่สวน ส่งให้ศาลฎีกาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง
สั่งให้พ้นจากตำแหน่งและตัดสิทธิทางการเมือง ‘พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา’ นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กับพวกคณะรัฐมนตรี รวมทั้ง ‘สั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่’ ระหว่างการพิจารณา กรณี ‘จงใจฝ่าฝืนบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ’ ในการออกพระราชกำหนดเลื่อนการใช้ พระราชบัญญัติป้องกันการทรมานและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย สี่ออกไปโดยไม่มีอำนาจกระทำได้ ตามที่ศาลรัฐธรรมนูญได้วินิจฉัยไว้ ก่อให้เกิดความเสียหายต่อการบังคับใช้กฎหมายและ ‘หลักนิติธรรม’ ของชาติอย่างร้ายแรงโดยมี ‘พิศิษฐ์ พัฒนกิจจำรูญ’ ผู้อำนวยการสำนักสืบสวนและกิจการพิเศษ เป็นตัวแทนมารับหนังสือ
‘พ.ต.อ.วิรุตม์ ศิริสวัสดิบุตร’ ให้สัมภาษณ์ว่าว่า เรามาทำหน้าที่ในฐานะประชาชน ในการมายื่นถึงประธาน ป.ป.ช. ให้ทราบว่ามีการฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญเกิดขึ้นจากกรณีที่รัฐบาลที่นำโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรี ออก พรก.เลื่อนการบังคับใช้ พรบ.อุ้มหายฯ 4 มาตราสำคัญ ทำให้ไม่สามารถใช้กฎหมายได้ตามกฎหมาย เราเห็นว่าเป็นพฤติกรรมที่จงใจฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญเป็นความผิดตามรัฐธรรมนูญ
พ.ต.อ.วิรุตม์ กล่าวต่อว่า ป.ป.ช. มีหน้าที่ตรวจสอบไต่สวน และส่งให้ศาลฎีกาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองวินิจฉัย และเมื่อศาลรับประทับการฟ้องของ ป.ป.ช. แล้ว ก็จะต้องมีคำสั่งให้ยุติการปฏิบัติหน้าที่ โดยในวันนี้เรามาแจ้งให้ ป.ป.ช. ทราบ ว่าจะต้องทำหน้าที่ ซึ่งไม่จำเป็นต้องรอให้ประชาชนมาร้องว่ามีเจ้าหน้าที่รัฐระดับสูง หรือ คณะรัฐมนตรีจงใจฝ่าฝืนบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ ก็จะนำสู่การสั่งให้พ้นจากหน้าที่ และตัดสิทธิ์ทางการเมือง เราจะติดตามเร่งให้ ป.ป.ช. ดำเนินการ เพราะชัดเจนอยู่แล้วว่าการออก พ.ร.ก.ดังกล่าว ว่าขัดรัฐธรรมนูญ ตามที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย แต่คณะรัฐมนตรีที่ควรจะทราบอยู่แล้วแต่กลับยังฝืนทำ ซึ่งเราเห็นว่าเป็นการจงใจที่จะฝ่าฝืน
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ส่วนกรณีที่เคยมีการขอให้คณะรัฐมนตรีลาออก แต่ตอนนี้รัฐบาลยุบสภาไปแล้วนั้น พ.ต.อ.วิรุตม์ ระบุว่า เราไม่สนใจว่าจะลาออกหรือไม่ แต่เรื่องนี้เป็นอำนาจของ ป.ป.ช. ที่จะไต่สวน และยื่นศาลฎีกาฯ ให้พิจารณาวินิจฉัยว่าให้พ้นจากหน้าที่ และตัดสิทธิ์ทางการเมือง โดยระหว่างพิจารณาศาลควรสั่งให้หยุดปฎิบัติหน้าที่ เพื่อระงับความเสียหายที่เกิดจากคณะรัฐมนตรีที่ทำงานหรือทำหน้าที่โดยไม่ได้ยึดตัวบทกฎหมายรัฐธรรมนูญ
ส่วนกรณีที่บอกว่าไม่มีความพร้อมของหน่วยงานราชการ มองว่า อาจจะมีการซ่อนเจตนา คือการแจ้งอัยการ และนายอำเภอให้ทราบในทุกครั้งที่มีการจับ เป็นเรื่องเท็จที่บอกว่าไม่มีความพร้อม เพราะเรื่องการบันทึกภาพเสียงระหว่างการจับกุมตัวนั้น ถ้าเป็นเหตุสุดวิสัยก็ไม่เป็นไร ซึ่งตนเห็นว่า พ.ร.บ. อุ้มหายฯ ไม่ได้มีปัญหาในการปฎิบัติอะไรเลยกับตำรวจที่สุจริต แต่จะมีปัญหากับตำรวจทุจริต และตำรวจโจรเท่านั้น รวมถึงเจ้าหน้าที่รัฐที่ใช้อำนาจจับกุม โดย พ.ร.บ.อุ้มหายฯ จะเป็นหลักประกันว่า เมื่อคุณถูกจับกุมแล้วจะไม่มีใครมาละเมิด และมีผู้รับทราบการจับกุมอีกด้วย
สำหรับประเด็นที่มีตำรวจเสนอให้เลื่อน พ.ร.บ.ดังกล่าวควรจะถูกแจ้งด้วยหรือไม่ พ.ต.อ.วิรุตม์ ระบุว่า ความจริงควรจะโดนด้วย แต่เขาไม่ได้ทำอะไรเป็นเพียงการเสนอถึง รมต.ยุติธรรมให้เลื่อน แต่ไม่ได้บอกว่าให้เลื่อนด้วยวิธีใด
“ความจริงเราเตือน และทุกคนก็เตือนตั้งแต่แรกแล้ว ว่าออกพระราชกำหนดไม่ได้ กฎหมายบางฉบับเปิดช่องให้เลื่อนได้โดยเขียนไว้ในตัวกฎหมายเอง ว่าออกพระราชกฤษฎีกาเลื่อนในบางกรณี แต่ไม่ได้ให้เลื่อน พ.ร.บ. ทางเดียวคือการออกพระราชบัญญัติแต่ทำยาก เขาเลยชิงออกพระราชกำหนด ซึ่งควรจะเป็นกรณีที่เร่งด่วน ฉุกเฉินเท่านั้น” พ.ต.อ.วิรุตม์กล่าว
พ.ต.อ.วิรุตม์ ยังฝากถึงประธาน ป.ป.ช. อีกว่า จะต้องมีการพิจารณาว่าจงใจหรือไม่ แต่ในทัศนะของประชาชนมองว่าจงใจฝ่าฝืน ซึ่งมีอยู่ 2 อย่าง คือ ไม่จงใจก็โง่ ไม่ควรที่จะเป็นรัฐบาล
ขณะที่ ‘อดุลย์ เขียวบริบูรณ’ ประธานญาติวีรชนพฤษภา35 ระบุว่า นายกรัฐมนตรีเป็นผู้นำที่ดีควรทำตัวให้เหมาะสม เป็นตัวอย่าง เพราะการจงใจฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญคืออะไร หลังจากนี้ก็จะให้ฝ่ายกฎหมายตรวจสอบรัฐธรรมนูญให้ชัดเจนว่าเราจะฟ้องเป็นคดีต่อศาลอาญาแผนกคดีผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ซึ่งการจงใจฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญจะผิดเรื่องการหลอกลวงเบื้องสูงด้วยหรือไม่ และจะทำเรื่องนี้อย่างแน่นอน
สั่งให้พ้นจากตำแหน่งและตัดสิทธิทางการเมือง ‘พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา’ นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กับพวกคณะรัฐมนตรี รวมทั้ง ‘สั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่’ ระหว่างการพิจารณา กรณี ‘จงใจฝ่าฝืนบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ’ ในการออกพระราชกำหนดเลื่อนการใช้ พระราชบัญญัติป้องกันการทรมานและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย สี่ออกไปโดยไม่มีอำนาจกระทำได้ ตามที่ศาลรัฐธรรมนูญได้วินิจฉัยไว้ ก่อให้เกิดความเสียหายต่อการบังคับใช้กฎหมายและ ‘หลักนิติธรรม’ ของชาติอย่างร้ายแรงโดยมี ‘พิศิษฐ์ พัฒนกิจจำรูญ’ ผู้อำนวยการสำนักสืบสวนและกิจการพิเศษ เป็นตัวแทนมารับหนังสือ
‘พ.ต.อ.วิรุตม์ ศิริสวัสดิบุตร’ ให้สัมภาษณ์ว่าว่า เรามาทำหน้าที่ในฐานะประชาชน ในการมายื่นถึงประธาน ป.ป.ช. ให้ทราบว่ามีการฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญเกิดขึ้นจากกรณีที่รัฐบาลที่นำโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรี ออก พรก.เลื่อนการบังคับใช้ พรบ.อุ้มหายฯ 4 มาตราสำคัญ ทำให้ไม่สามารถใช้กฎหมายได้ตามกฎหมาย เราเห็นว่าเป็นพฤติกรรมที่จงใจฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญเป็นความผิดตามรัฐธรรมนูญ
พ.ต.อ.วิรุตม์ กล่าวต่อว่า ป.ป.ช. มีหน้าที่ตรวจสอบไต่สวน และส่งให้ศาลฎีกาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองวินิจฉัย และเมื่อศาลรับประทับการฟ้องของ ป.ป.ช. แล้ว ก็จะต้องมีคำสั่งให้ยุติการปฏิบัติหน้าที่ โดยในวันนี้เรามาแจ้งให้ ป.ป.ช. ทราบ ว่าจะต้องทำหน้าที่ ซึ่งไม่จำเป็นต้องรอให้ประชาชนมาร้องว่ามีเจ้าหน้าที่รัฐระดับสูง หรือ คณะรัฐมนตรีจงใจฝ่าฝืนบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ ก็จะนำสู่การสั่งให้พ้นจากหน้าที่ และตัดสิทธิ์ทางการเมือง เราจะติดตามเร่งให้ ป.ป.ช. ดำเนินการ เพราะชัดเจนอยู่แล้วว่าการออก พ.ร.ก.ดังกล่าว ว่าขัดรัฐธรรมนูญ ตามที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย แต่คณะรัฐมนตรีที่ควรจะทราบอยู่แล้วแต่กลับยังฝืนทำ ซึ่งเราเห็นว่าเป็นการจงใจที่จะฝ่าฝืน
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ส่วนกรณีที่เคยมีการขอให้คณะรัฐมนตรีลาออก แต่ตอนนี้รัฐบาลยุบสภาไปแล้วนั้น พ.ต.อ.วิรุตม์ ระบุว่า เราไม่สนใจว่าจะลาออกหรือไม่ แต่เรื่องนี้เป็นอำนาจของ ป.ป.ช. ที่จะไต่สวน และยื่นศาลฎีกาฯ ให้พิจารณาวินิจฉัยว่าให้พ้นจากหน้าที่ และตัดสิทธิ์ทางการเมือง โดยระหว่างพิจารณาศาลควรสั่งให้หยุดปฎิบัติหน้าที่ เพื่อระงับความเสียหายที่เกิดจากคณะรัฐมนตรีที่ทำงานหรือทำหน้าที่โดยไม่ได้ยึดตัวบทกฎหมายรัฐธรรมนูญ
ส่วนกรณีที่บอกว่าไม่มีความพร้อมของหน่วยงานราชการ มองว่า อาจจะมีการซ่อนเจตนา คือการแจ้งอัยการ และนายอำเภอให้ทราบในทุกครั้งที่มีการจับ เป็นเรื่องเท็จที่บอกว่าไม่มีความพร้อม เพราะเรื่องการบันทึกภาพเสียงระหว่างการจับกุมตัวนั้น ถ้าเป็นเหตุสุดวิสัยก็ไม่เป็นไร ซึ่งตนเห็นว่า พ.ร.บ. อุ้มหายฯ ไม่ได้มีปัญหาในการปฎิบัติอะไรเลยกับตำรวจที่สุจริต แต่จะมีปัญหากับตำรวจทุจริต และตำรวจโจรเท่านั้น รวมถึงเจ้าหน้าที่รัฐที่ใช้อำนาจจับกุม โดย พ.ร.บ.อุ้มหายฯ จะเป็นหลักประกันว่า เมื่อคุณถูกจับกุมแล้วจะไม่มีใครมาละเมิด และมีผู้รับทราบการจับกุมอีกด้วย
สำหรับประเด็นที่มีตำรวจเสนอให้เลื่อน พ.ร.บ.ดังกล่าวควรจะถูกแจ้งด้วยหรือไม่ พ.ต.อ.วิรุตม์ ระบุว่า ความจริงควรจะโดนด้วย แต่เขาไม่ได้ทำอะไรเป็นเพียงการเสนอถึง รมต.ยุติธรรมให้เลื่อน แต่ไม่ได้บอกว่าให้เลื่อนด้วยวิธีใด
“ความจริงเราเตือน และทุกคนก็เตือนตั้งแต่แรกแล้ว ว่าออกพระราชกำหนดไม่ได้ กฎหมายบางฉบับเปิดช่องให้เลื่อนได้โดยเขียนไว้ในตัวกฎหมายเอง ว่าออกพระราชกฤษฎีกาเลื่อนในบางกรณี แต่ไม่ได้ให้เลื่อน พ.ร.บ. ทางเดียวคือการออกพระราชบัญญัติแต่ทำยาก เขาเลยชิงออกพระราชกำหนด ซึ่งควรจะเป็นกรณีที่เร่งด่วน ฉุกเฉินเท่านั้น” พ.ต.อ.วิรุตม์กล่าว
พ.ต.อ.วิรุตม์ ยังฝากถึงประธาน ป.ป.ช. อีกว่า จะต้องมีการพิจารณาว่าจงใจหรือไม่ แต่ในทัศนะของประชาชนมองว่าจงใจฝ่าฝืน ซึ่งมีอยู่ 2 อย่าง คือ ไม่จงใจก็โง่ ไม่ควรที่จะเป็นรัฐบาล
ขณะที่ ‘อดุลย์ เขียวบริบูรณ’ ประธานญาติวีรชนพฤษภา35 ระบุว่า นายกรัฐมนตรีเป็นผู้นำที่ดีควรทำตัวให้เหมาะสม เป็นตัวอย่าง เพราะการจงใจฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญคืออะไร หลังจากนี้ก็จะให้ฝ่ายกฎหมายตรวจสอบรัฐธรรมนูญให้ชัดเจนว่าเราจะฟ้องเป็นคดีต่อศาลอาญาแผนกคดีผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ซึ่งการจงใจฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญจะผิดเรื่องการหลอกลวงเบื้องสูงด้วยหรือไม่ และจะทำเรื่องนี้อย่างแน่นอน
