ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศการลงพื้นที่หาเสียงของพรรคเพื่อไทย ที่ จ.หนองคาย โดย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน หัวหน้าพรรคเพื่อไทย พร้อม แพทองธาร ชินวัตร ประธานคณะที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรมพรรคเพื่อไทย ตลอดจนแกนนำ อาทิ พวงเพ็ชร ชุนละเอียด ประธานคณะกรรมการประสานงานด้านการเมืองพื้นที่กรุงเทพฯ และ ส.ส.หนองคาย ได้แก่ กฤษฎา ตันเทอดทิตย์, เอกธนัช อินทร์รอด, ชนก จันทาทอง และ ส.ส.พรรคเพื่อไทย อาทิ จิราพร สินธุไพร ส.ส.ร้อยเอ็ด, จิรพงษ์ ทรงวัชราภรณ์ ส.ส.นนทบุรี และ ขัตติยา สวัสดิผล อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ได้แวะทักทายแผงค้าริมทาง บริเวณหน้าวัดสาวสุวรรณวนาราม ซึ่งมีทั้งร้านขายข้าวจี่ ไก่ทอด หมูปิ้ง โดยคณะของพรรคเพื่อไทย ได้สอบถามบรรยากาศการค้าขาย และร่วมถ่ายภาพอย่างเป็นกันเองกับประชาชน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีผู้ค้าบางรายได้ถามคณะพรรคเพื่อไทย และสื่อมวลชน ถึงประเด็น ‘ลูกน้องหักเหลี่ยมโหดลูกพี่’ หรือกรณีที่ จตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำคณะหลอมรวมประชาชน และอดีตประธาน นปช. ออกมาวิพากษ์วิจารณ์ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี อย่างเผ็ดร้อนต่อเนื่องด้วย
ต่อมา เวลา 09.30 น. คณะของพรรคเพื่อ ไทยได้เดินทางไปี่เปิดเวทีปราศรัยใหญ่ พื้นที่เทศบาล อ.ท่าบ่อ จ.หนองคาย ซึ่งทันทีที่มาถึง แพทองธาร พร้อมคณะ ได้เดินทักทายประชาชนที่มารอรับฟังการปราศรัยเป็นจำนวนมาก โดยมีประชาชนเข้ามารุมล้อมขอจับมือ แพทองธาร พร้อมเชียร์ให้พรรคเพื่อไทย 'แลนด์สไลด์'
ด้าน แพทองธาร กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า “ได้ทานข้าวจี่อร่อยมาก และชอบเพราะหอมมาก เหมือนโมจิปนกับข้าวหลาม” พร้อมเผยด้วยว่า ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ก็ชอบข้าวจี่ และเป็นของโปรดของผู้เป็นอาด้วย จึงทำให้ตนเองแวะมา
เมื่อผู้สื่อข่าวสอบถามถึงกรณีมีผู้ค้าถามเรื่องลูกน้องหักเหลี่ยมโหด แพทองธาร ตอบว่า “ตอนแรกไม่นึกเลย เพราะตนมาดูข้าวจี่เฉยๆ”
ด้าน ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย กล่าวว่า “เราอย่าไปขยายความเพราะเป็นเพียงสถานการณ์หนึ่งในทางการเมือง มันจะยุติคลี่คลาย และ น.ส.แพทองธาร ก็นำพรรคเพื่อไทย พบปะประชาชน ไม่ได้มีการตอบโต้กับนายจตุพร พรหมพันธุ์ อดีตประธาน นปช. ซึ่งพรรคเพื่อไทย จะเดินหน้าแบบนี้จนถึงวันเลือกตั้ง”
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า บรรยากาศการปราศรัยใหญ่ของพรรคเพื่อไทย เป็นไปอย่างคึกคัก มีแกนนำสลับสับเปลี่ยนกันขึ้นพูดไปจนถึงคิวของ แพทองธาร ส่วนเรื่องที่ปราศรัยได้เน้นไปที่การขอคะแนนเสียงให้ ‘แลนด์สไลด์’ เพื่อเข้ามาบริหารประเทศ แก้ปัญหาศรษฐกิจปากท้อง โดยอ้างถึงความสำเร็จของนโยบายเก่าตั้งแต่สมัยพรรคไทยรักไทย เช่น กองทุนหมู่บ้าน และโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค พร้อมชูนโยบายเด่นในการเลือกตั้งครั้งนี้ ได้แก่ ค่าแรง 600 บาท ในปี 2570 และเงินเดือน 25,000 บาท ตลอดจนโจมตี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ตามเคย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีผู้ค้าบางรายได้ถามคณะพรรคเพื่อไทย และสื่อมวลชน ถึงประเด็น ‘ลูกน้องหักเหลี่ยมโหดลูกพี่’ หรือกรณีที่ จตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำคณะหลอมรวมประชาชน และอดีตประธาน นปช. ออกมาวิพากษ์วิจารณ์ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี อย่างเผ็ดร้อนต่อเนื่องด้วย
ต่อมา เวลา 09.30 น. คณะของพรรคเพื่อ ไทยได้เดินทางไปี่เปิดเวทีปราศรัยใหญ่ พื้นที่เทศบาล อ.ท่าบ่อ จ.หนองคาย ซึ่งทันทีที่มาถึง แพทองธาร พร้อมคณะ ได้เดินทักทายประชาชนที่มารอรับฟังการปราศรัยเป็นจำนวนมาก โดยมีประชาชนเข้ามารุมล้อมขอจับมือ แพทองธาร พร้อมเชียร์ให้พรรคเพื่อไทย 'แลนด์สไลด์'
ด้าน แพทองธาร กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า “ได้ทานข้าวจี่อร่อยมาก และชอบเพราะหอมมาก เหมือนโมจิปนกับข้าวหลาม” พร้อมเผยด้วยว่า ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ก็ชอบข้าวจี่ และเป็นของโปรดของผู้เป็นอาด้วย จึงทำให้ตนเองแวะมา
เมื่อผู้สื่อข่าวสอบถามถึงกรณีมีผู้ค้าถามเรื่องลูกน้องหักเหลี่ยมโหด แพทองธาร ตอบว่า “ตอนแรกไม่นึกเลย เพราะตนมาดูข้าวจี่เฉยๆ”
ด้าน ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย กล่าวว่า “เราอย่าไปขยายความเพราะเป็นเพียงสถานการณ์หนึ่งในทางการเมือง มันจะยุติคลี่คลาย และ น.ส.แพทองธาร ก็นำพรรคเพื่อไทย พบปะประชาชน ไม่ได้มีการตอบโต้กับนายจตุพร พรหมพันธุ์ อดีตประธาน นปช. ซึ่งพรรคเพื่อไทย จะเดินหน้าแบบนี้จนถึงวันเลือกตั้ง”
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า บรรยากาศการปราศรัยใหญ่ของพรรคเพื่อไทย เป็นไปอย่างคึกคัก มีแกนนำสลับสับเปลี่ยนกันขึ้นพูดไปจนถึงคิวของ แพทองธาร ส่วนเรื่องที่ปราศรัยได้เน้นไปที่การขอคะแนนเสียงให้ ‘แลนด์สไลด์’ เพื่อเข้ามาบริหารประเทศ แก้ปัญหาศรษฐกิจปากท้อง โดยอ้างถึงความสำเร็จของนโยบายเก่าตั้งแต่สมัยพรรคไทยรักไทย เช่น กองทุนหมู่บ้าน และโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค พร้อมชูนโยบายเด่นในการเลือกตั้งครั้งนี้ ได้แก่ ค่าแรง 600 บาท ในปี 2570 และเงินเดือน 25,000 บาท ตลอดจนโจมตี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ตามเคย
