สุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) มองกระแสข่าว พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมต.กลาโหม จะไปอยู่พรรครวมไทยสร้างชาติ โดยแยกกับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ที่อยู่พรรคพลังประชารัฐ ว่า เรื่องดังกล่าว ยังไม่มีใครรู้แน่ มีแต่พฤติกรรมทั่วไป แต่การที่จะไปหรือไม่ สะท้อนถึงเอกภาพ ซึ่งความเคลื่อนไหวของทั้ง 2 คน ทำให้การเมืองผันผวนได้ ถ้าแยกกันเป้าหมายคืออะไร ถ้าแยกกันเดินอาจต้องช่วงชิงหักเหลี่ยมในสภาฯ แต่ในส่วนของฝ่ายค้าน ถือว่าไม่มีผล แต่อยากให้ไปด้วยกันทั้ง 2 คน เพื่อจะได้แบ่งขั้วกันให้ชัดเจน
“ผมเชื่อว่าการยุบสภาฯ คงเกิดขึ้นได้ไม่ง่าย ในสถานการณ์การเมืองเช่นนี้ เพราะการจะยุบ จะต้องได้เปรียบ จะต้องชนะ หากมีการเลือกตั้งครั้งใหม่ แต่เชื่อว่าที่ไม่ยุบ เพราะงบประมาณปี 2566 ยังเป็นข้าวใหม่ปลามัน จึงยังไม่น่าจะมีการยุบสภาฯ เกิดขึ้น” ประธานวิปฝ่ายค้าน กล่าว
ด้าน นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย มองกระแสข่าว พล.อ.ประยุทธ์ อาจไปร่วมงานกับพรรครวมไทยสร้างชาติ เป็นเพียงกลไกลหนึ่งในการสืบทอดอำนาจ หากอยู่พรรคเดิมอาจมีปัญหาหรืออุปสรรค ดังนั้น จึงต้องแยกกันทำงานเพื่อความอยู่รอด และมั่นใจว่าไม่กระทบเป้าหมายแลนด์สไลด์
“อย่าลืมว่าเขามาจากที่มาร่วมกัน 3 ป. เขาผูกมัดกันมาโดยตลอด แต่ด้วยสถานการณ์ขณะนี้ ถ้ารวมกันอยู่เราตายหมู่ กลยุทธ์ที่เขาใช้ต้องแยกกันตีแยกกันทำ แล้วมารวมกันเพื่อเป้าหมายหลัก อาจเป็นไปได้หากมีการหาทางลงให้ พล.อ.ประยุทธ์ ถ้าไม่แก้รัฐธรรมนูญ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯ อยู่ในอำนาจได้แค่ 2 ปี ถ้าเป็นสินค้าแล้วใครจะซื้อนั้นไม่ใช้สินค้าที่ไม่ยี่ห้อและเป็นแบรนด์เนมด้วยนะ ผมไม่อยากจะพูดว่า แบกะดินก็ไม่มีใครซื้อ” นพ.ชลน่าน กล่าว
ขณะที่ ประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส.นครราชสีมา และเลขาธิการพรรคฯ มองว่า การแยกกันอยู่ของ พล.อ.ประยุทธ์ และ พล.อ.ประวิตร ไม่ใช่เรื่องใหม่ พร้อมย้ำพรรคเพื่อไทยไม่ได้หนักใจแต่อย่างใด และเรื่องนี้เปรียบเสมือนเหล้าเก่าในขวดใหม่เท่านั้น
“ผมเชื่อว่าการยุบสภาฯ คงเกิดขึ้นได้ไม่ง่าย ในสถานการณ์การเมืองเช่นนี้ เพราะการจะยุบ จะต้องได้เปรียบ จะต้องชนะ หากมีการเลือกตั้งครั้งใหม่ แต่เชื่อว่าที่ไม่ยุบ เพราะงบประมาณปี 2566 ยังเป็นข้าวใหม่ปลามัน จึงยังไม่น่าจะมีการยุบสภาฯ เกิดขึ้น” ประธานวิปฝ่ายค้าน กล่าว
ด้าน นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย มองกระแสข่าว พล.อ.ประยุทธ์ อาจไปร่วมงานกับพรรครวมไทยสร้างชาติ เป็นเพียงกลไกลหนึ่งในการสืบทอดอำนาจ หากอยู่พรรคเดิมอาจมีปัญหาหรืออุปสรรค ดังนั้น จึงต้องแยกกันทำงานเพื่อความอยู่รอด และมั่นใจว่าไม่กระทบเป้าหมายแลนด์สไลด์
“อย่าลืมว่าเขามาจากที่มาร่วมกัน 3 ป. เขาผูกมัดกันมาโดยตลอด แต่ด้วยสถานการณ์ขณะนี้ ถ้ารวมกันอยู่เราตายหมู่ กลยุทธ์ที่เขาใช้ต้องแยกกันตีแยกกันทำ แล้วมารวมกันเพื่อเป้าหมายหลัก อาจเป็นไปได้หากมีการหาทางลงให้ พล.อ.ประยุทธ์ ถ้าไม่แก้รัฐธรรมนูญ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯ อยู่ในอำนาจได้แค่ 2 ปี ถ้าเป็นสินค้าแล้วใครจะซื้อนั้นไม่ใช้สินค้าที่ไม่ยี่ห้อและเป็นแบรนด์เนมด้วยนะ ผมไม่อยากจะพูดว่า แบกะดินก็ไม่มีใครซื้อ” นพ.ชลน่าน กล่าว
ขณะที่ ประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส.นครราชสีมา และเลขาธิการพรรคฯ มองว่า การแยกกันอยู่ของ พล.อ.ประยุทธ์ และ พล.อ.ประวิตร ไม่ใช่เรื่องใหม่ พร้อมย้ำพรรคเพื่อไทยไม่ได้หนักใจแต่อย่างใด และเรื่องนี้เปรียบเสมือนเหล้าเก่าในขวดใหม่เท่านั้น