แกนนำพรรคเพื่อไทย นำโดย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย, แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย, เศรษฐา ทวีสิน ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย และ พวงเพ็ชร ชุนละเอียด ประธานคณะกรรมการประสานงานด้านการเมือง พื้นที่กรุงเทพมหานครฯ เดินทางเข้าสักการะศาลหลักเมือง กรุงเทพมหานคร พร้อมเติมน้ำมันตะเกียงประจำวันเกิด
แพทองธาร บอกกับผู้สื่อข่าวว่า “วันนี้ ถือว่าเป็นวันดี ยุบสภาฯ ปุ๊บ เราก็รีบมาไหว้เลย ซึ่งจริงๆ ก็วางแผนกันไว้อยู่แล้วว่าอยากจะมาไหว้ศาลหลักเมืองอยู่แล้ว” พร้อมยืนยันถึงการเดินหน้าหาเสียงเลือกตั้งอย่างเต็มที่
“เราลุยเต็มที่มาสักพักแล้ว ไม่มีอะไรที่จะทำให้ช้าลง เราจะเร่งเครื่องเต็มที่ต่อไป” แพทองธาร ระบุ
ขณะที่ เศรษฐา กล่าวเสริมว่า “เราเริ่มกันตั้งแต่วันนี้แล้ว อีกเดี๋ยวก็จะไปพบกลุ่มหอการค้า ตามด้วยไปคลองสาน จ.นนทบุรี จ.สระบุรี ตารางแน่นมากต่อวัน ตอนนี้เดินหน้าเต็มที่”
เมื่อถาม แพทองธาร ว่ายังไหวหรือไม่ เจ้าตัวตอบว่า “ตอนนี้เดินทางประมาณ 1-2 ชั่วโมง หากออกนอก กทม. ยังไหว แต่คงไม่ได้ไปค้างนอกสถานที่แล้ว จากนี้ จะเป็นนายเศรษฐา ช่วยเดินเต็มกำลัง” พร้อมเผยถึงความตื่นเต้น หลังได้โฟนอินไปร่วมเวทีปราศรัยที่ จ.ระยอง เป็นครั้งแรก
“เราก็ตื่นเต้น กลัวว่าโทรเข้าไปแล้วสัญญาณจะขัดข้อง หรือพี่น้องประชาชนจะไม่ได้ยิน แต่ได้รับเสียงตอบรับ และเสียงให้กำลังใจดีมากๆ อย่างไรก็ตาม จะมีการปรับรูปแบบในเวทีต่อๆ ไป โดยจะมีทั้งวีดีโอคอล และคลิปวีดีโอ อะไรที่เราจะสามารถกระจายไปได้ เราก็จะฝากทีมหาเสียงกระจายไปด้วย” แพทองธาร ระบุ
ส่วนเมื่อถามถึงกรณีที่ กกต. มีแนวโน้มกำหนดวันเลือกตั้งเป็นวันที่ 14 พฤษภาคมนี้ แพทองธาร ก็ย้ำว่า “เราพร้อมอยู่แล้ว เลือกตั้งพรุ่งนี้เลยก็ได้” ส่วนกำหนดการคลอดนั้น แพทองธาร ยืนยันว่า “คลอดก่อนวันที่ 14 พฤษภาฯ อยู่แล้ว ซึ่งเราวางกันไว้ตอนแรกคือช่วงปลายเมษายน ต้นเดือนพฤษภาคม ซึ่งตนจะต้องไปใช้สิทธิเลือกตั้งแน่นอน จะเดินทางไปใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้าหรือตรงวันเท่านั้น”
ด้าน เศรษฐา กล่าวแทรกขึ้นมาว่า หากเลือกตั้งวันที่ 14 พฤษภาคมจริง การปราศรัยวันสุดท้ายก็น่าจะมีโอกาส
เมื่อถามว่ามีโอกาสที่ชื่อของ แพทองธาร จะได้เข้าไปอยู่ในผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ หรือไม่ แพทองธาร ตอบว่า “ขึ้นอยู่กับกรรมการบริหารพรรคจะพิจารณา ตนอยู่ตรงไหนก็ได้ อะไรก็ได้ที่มีส่วนช่วยประเทศชาติ เพราะอย่างที่บอกว่าทุกอย่างทำคนเดียวไม่ไหว ทุกอย่างต้องช่วยกันเป็นทีม ตรงไหนที่พรรคและประชาชนเห็นว่าตนเหมาะสม ก็ตรงนั้น”
ส่วนกรณีที่มีการเปิดตัว ส.ส.เขต ทั้ง 400 คนไปแล้ว แต่หลายพื้นที่ก็ยังมีการปรับเปลี่ยนอยู่ เช่น จ.พะเยา มีการเปลี่ยนตัวผู้สมัคร จึงทำให้เกิดข้อสังเกตว่าเป็นการหลีกทางให้ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า แกนนำพรรคพลังประชารัฐ นพ.ชลน่าน ตอบว่า “เรื่องนี้เป็นเพียงข้อสังเกต ซึ่งข้อเท็จจริงแล้วอยู่ในกระบวนการ ซึ่งการปรับเปลี่ยนตัวผู้สมัครนั้นสามารถเกิดขึ้นได้ หากมีการรับฟังเสียงจากพี่น้องประชาชนผ่านช่องทางการทำไพรมารีโหวต กรรมการสรรหา และกรรมการบริหาร ก็ยังสามารถเปลี่ยนตัวผู้สมัครได้ตลอดเพราะเป็นขั้นตอนกระบวนการคัดเลือก กรณีพะเยา เราก็ดำเนินการตามขั้นตอน หากจะมองว่าเป็นการดีลกัน แต่พี่น้องประชาชนไม่เห็นด้วยก็ไม่สามารถทำได้”
เมื่อถามว่า อยากอวยพรวันเกิด พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ในโอกาสครบรอบวันเกิด 69 ปี อย่างไร แพทองธาร กล่าวว่า “คิดว่าสุขภาพเป็นเรื่องสำคัญที่สุด ก็ขออวยพรให้สุขภาพแข็งแรงค่ะ” เมื่อผู้สื่อข่าวบอกว่า พล.อ.ประยุทธ์ ให้กำลังใจรัฐบาลหน้า ให้ทำงานตามกรอบของรัฐบาลนี้ให้ได้มากที่สุด แพทองธาร ก็กล่าวว่า “เราต้องดูประโยชน์ของประชาชนเป็นหลัก ว่ากรอบที่ทำอยู่นั้นประชาชนได้ประโยชน์อย่างไรบ้าง เราขอเน้นที่ประชาชน”
เมื่อถามว่า นโยบายที่รัฐบาลนี้ทิ้งท้ายไว้ หากพรรคเพื่อไทย เข้ามาเป็นรัฐบาลจะสานต่อหรือไม่ เศรษฐา ตอบว่า “ตนคิดว่าสถานการณ์มีตัวแปรเยอะไปหมด ตนขอดูก่อนว่านโยบายที่ท่านทำไว้ทั้งหมดบางอันอาจจะเหมาะสม บางอันอาจจะไม่เหมาะสม แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือประชาชนต้องอยู่ดีกินดี มีความสุข ทั้งนี้ หากเป็นนโยบายที่ดีเราจะต้องเอามาดูอีกครั้ง และอาจจะมีการปรับเปลี่ยนรูปแบบบ้างเพื่อให้เกิดความรวดเร็วและกระชับ” เมื่อถามต่อว่า หากมีโอกาสเข้าไปทำงานจะรื้อ ‘ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี’ หรือไม่ เศรษฐา ตอบว่า “ประโยคหลักๆ คือเอื้อประโยชน์ เราไม่เอาตรงนี้แน่นอน เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่”
ขณะที่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า “ที่ผ่านมาเรายื่นต่อสู้ และแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตลอดเพื่อแก้ไขเรื่องนี้ เพราะไม่สอดคล้องและสอดรับกับสถานการณ์และการเปลี่ยนแปลงของโลกในขณะนี้ ดังนั้น สิ่งแรกที่เราต้องดูคือ บริบททางการเมืองคือรัฐธรรมนูญที่ต้องเป็นรัฐธรรมนูญฉบับของประชาชน ที่ช่วยกันยกร่างขึ้นมา และประเด็นสำคัญที่ต้องแก้ไขคือเรื่องยุทธศาสตร์ชาติ”
เมื่อถาม แพทองธาร ว่าวันนี้ขอพรอะไร ได้ขอให้แลนด์สไลด์หรือไม่ เจ้าตัวตอบว่า “ขอให้เป็นจริงก่อน แล้วจะมาบอก”
จากนั้น คณะพรรคเพื่อไทย ได้เดินทางต่อไปยังวัดพระศรีรัตนศาสดาราม เข้าสักการะพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร (พระแก้วมรกต) และสักการะ พระบรมรูปสมเด็จพระบูรพมหากษัตริยาธิราช ณ ปราสาทพระเทพบิดร เพื่อความเป็นสิริมงคล ก่อนการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึง
แพทองธาร บอกกับผู้สื่อข่าวว่า “วันนี้ ถือว่าเป็นวันดี ยุบสภาฯ ปุ๊บ เราก็รีบมาไหว้เลย ซึ่งจริงๆ ก็วางแผนกันไว้อยู่แล้วว่าอยากจะมาไหว้ศาลหลักเมืองอยู่แล้ว” พร้อมยืนยันถึงการเดินหน้าหาเสียงเลือกตั้งอย่างเต็มที่
“เราลุยเต็มที่มาสักพักแล้ว ไม่มีอะไรที่จะทำให้ช้าลง เราจะเร่งเครื่องเต็มที่ต่อไป” แพทองธาร ระบุ
ขณะที่ เศรษฐา กล่าวเสริมว่า “เราเริ่มกันตั้งแต่วันนี้แล้ว อีกเดี๋ยวก็จะไปพบกลุ่มหอการค้า ตามด้วยไปคลองสาน จ.นนทบุรี จ.สระบุรี ตารางแน่นมากต่อวัน ตอนนี้เดินหน้าเต็มที่”
เมื่อถาม แพทองธาร ว่ายังไหวหรือไม่ เจ้าตัวตอบว่า “ตอนนี้เดินทางประมาณ 1-2 ชั่วโมง หากออกนอก กทม. ยังไหว แต่คงไม่ได้ไปค้างนอกสถานที่แล้ว จากนี้ จะเป็นนายเศรษฐา ช่วยเดินเต็มกำลัง” พร้อมเผยถึงความตื่นเต้น หลังได้โฟนอินไปร่วมเวทีปราศรัยที่ จ.ระยอง เป็นครั้งแรก
“เราก็ตื่นเต้น กลัวว่าโทรเข้าไปแล้วสัญญาณจะขัดข้อง หรือพี่น้องประชาชนจะไม่ได้ยิน แต่ได้รับเสียงตอบรับ และเสียงให้กำลังใจดีมากๆ อย่างไรก็ตาม จะมีการปรับรูปแบบในเวทีต่อๆ ไป โดยจะมีทั้งวีดีโอคอล และคลิปวีดีโอ อะไรที่เราจะสามารถกระจายไปได้ เราก็จะฝากทีมหาเสียงกระจายไปด้วย” แพทองธาร ระบุ
ส่วนเมื่อถามถึงกรณีที่ กกต. มีแนวโน้มกำหนดวันเลือกตั้งเป็นวันที่ 14 พฤษภาคมนี้ แพทองธาร ก็ย้ำว่า “เราพร้อมอยู่แล้ว เลือกตั้งพรุ่งนี้เลยก็ได้” ส่วนกำหนดการคลอดนั้น แพทองธาร ยืนยันว่า “คลอดก่อนวันที่ 14 พฤษภาฯ อยู่แล้ว ซึ่งเราวางกันไว้ตอนแรกคือช่วงปลายเมษายน ต้นเดือนพฤษภาคม ซึ่งตนจะต้องไปใช้สิทธิเลือกตั้งแน่นอน จะเดินทางไปใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้าหรือตรงวันเท่านั้น”
ด้าน เศรษฐา กล่าวแทรกขึ้นมาว่า หากเลือกตั้งวันที่ 14 พฤษภาคมจริง การปราศรัยวันสุดท้ายก็น่าจะมีโอกาส
เมื่อถามว่ามีโอกาสที่ชื่อของ แพทองธาร จะได้เข้าไปอยู่ในผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ หรือไม่ แพทองธาร ตอบว่า “ขึ้นอยู่กับกรรมการบริหารพรรคจะพิจารณา ตนอยู่ตรงไหนก็ได้ อะไรก็ได้ที่มีส่วนช่วยประเทศชาติ เพราะอย่างที่บอกว่าทุกอย่างทำคนเดียวไม่ไหว ทุกอย่างต้องช่วยกันเป็นทีม ตรงไหนที่พรรคและประชาชนเห็นว่าตนเหมาะสม ก็ตรงนั้น”
ส่วนกรณีที่มีการเปิดตัว ส.ส.เขต ทั้ง 400 คนไปแล้ว แต่หลายพื้นที่ก็ยังมีการปรับเปลี่ยนอยู่ เช่น จ.พะเยา มีการเปลี่ยนตัวผู้สมัคร จึงทำให้เกิดข้อสังเกตว่าเป็นการหลีกทางให้ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า แกนนำพรรคพลังประชารัฐ นพ.ชลน่าน ตอบว่า “เรื่องนี้เป็นเพียงข้อสังเกต ซึ่งข้อเท็จจริงแล้วอยู่ในกระบวนการ ซึ่งการปรับเปลี่ยนตัวผู้สมัครนั้นสามารถเกิดขึ้นได้ หากมีการรับฟังเสียงจากพี่น้องประชาชนผ่านช่องทางการทำไพรมารีโหวต กรรมการสรรหา และกรรมการบริหาร ก็ยังสามารถเปลี่ยนตัวผู้สมัครได้ตลอดเพราะเป็นขั้นตอนกระบวนการคัดเลือก กรณีพะเยา เราก็ดำเนินการตามขั้นตอน หากจะมองว่าเป็นการดีลกัน แต่พี่น้องประชาชนไม่เห็นด้วยก็ไม่สามารถทำได้”
เมื่อถามว่า อยากอวยพรวันเกิด พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ในโอกาสครบรอบวันเกิด 69 ปี อย่างไร แพทองธาร กล่าวว่า “คิดว่าสุขภาพเป็นเรื่องสำคัญที่สุด ก็ขออวยพรให้สุขภาพแข็งแรงค่ะ” เมื่อผู้สื่อข่าวบอกว่า พล.อ.ประยุทธ์ ให้กำลังใจรัฐบาลหน้า ให้ทำงานตามกรอบของรัฐบาลนี้ให้ได้มากที่สุด แพทองธาร ก็กล่าวว่า “เราต้องดูประโยชน์ของประชาชนเป็นหลัก ว่ากรอบที่ทำอยู่นั้นประชาชนได้ประโยชน์อย่างไรบ้าง เราขอเน้นที่ประชาชน”
เมื่อถามว่า นโยบายที่รัฐบาลนี้ทิ้งท้ายไว้ หากพรรคเพื่อไทย เข้ามาเป็นรัฐบาลจะสานต่อหรือไม่ เศรษฐา ตอบว่า “ตนคิดว่าสถานการณ์มีตัวแปรเยอะไปหมด ตนขอดูก่อนว่านโยบายที่ท่านทำไว้ทั้งหมดบางอันอาจจะเหมาะสม บางอันอาจจะไม่เหมาะสม แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือประชาชนต้องอยู่ดีกินดี มีความสุข ทั้งนี้ หากเป็นนโยบายที่ดีเราจะต้องเอามาดูอีกครั้ง และอาจจะมีการปรับเปลี่ยนรูปแบบบ้างเพื่อให้เกิดความรวดเร็วและกระชับ” เมื่อถามต่อว่า หากมีโอกาสเข้าไปทำงานจะรื้อ ‘ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี’ หรือไม่ เศรษฐา ตอบว่า “ประโยคหลักๆ คือเอื้อประโยชน์ เราไม่เอาตรงนี้แน่นอน เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่”
ขณะที่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า “ที่ผ่านมาเรายื่นต่อสู้ และแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตลอดเพื่อแก้ไขเรื่องนี้ เพราะไม่สอดคล้องและสอดรับกับสถานการณ์และการเปลี่ยนแปลงของโลกในขณะนี้ ดังนั้น สิ่งแรกที่เราต้องดูคือ บริบททางการเมืองคือรัฐธรรมนูญที่ต้องเป็นรัฐธรรมนูญฉบับของประชาชน ที่ช่วยกันยกร่างขึ้นมา และประเด็นสำคัญที่ต้องแก้ไขคือเรื่องยุทธศาสตร์ชาติ”
เมื่อถาม แพทองธาร ว่าวันนี้ขอพรอะไร ได้ขอให้แลนด์สไลด์หรือไม่ เจ้าตัวตอบว่า “ขอให้เป็นจริงก่อน แล้วจะมาบอก”
จากนั้น คณะพรรคเพื่อไทย ได้เดินทางต่อไปยังวัดพระศรีรัตนศาสดาราม เข้าสักการะพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร (พระแก้วมรกต) และสักการะ พระบรมรูปสมเด็จพระบูรพมหากษัตริยาธิราช ณ ปราสาทพระเทพบิดร เพื่อความเป็นสิริมงคล ก่อนการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึง
