



นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว สส.น่าน และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย และประเสริฐ จันทรรวงทอง สส.บัญชีรายชื่อและเลขาธิการพรรค แถลงการณ์รับภาระกิจตั้งรัฐบาลต่อจากพรรคก้าวไกล
โดย นพ.ชลน่าน กล่าวว่า เรื่องการจัดตั้งรัฐบาลพรรคเพื่อไทยขอขอบคุณพรรคก้าวไกล ที่ส่งมอบภารกิจในการจัดตั้งรัฐบาลให้กับพรรคเพื่อไทย ซึ่งเป็นไปตามวิถีทางทางการเมืองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขภายใต้เงื่อนไขของการร่วมรัฐบาลจาก 8 พรรคการเมืองเดิม ตามที่พรรคก้าวไกลได้แถลงต่อสื่อมวลชนไปแล้ว เบื้องต้นพรรคเพื่อไทยจะได้หารือกับ 8 พรรคการเมืองเดิมเพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและกำหนดแนวทางในการจัดตั้งรัฐบาลต่อไปพรรคเพื่อไทยเห็นว่าภายใต้ข้อตกลงของ 8 พรรคการเมืองเดิม พรรคการเมืองทั้ง 8 พรรค สามารถรวมเสียงได้ 312 เสียง ซึ่งเสียงส่วนใหญ่ในรัฐสภาไม่เห็นชอบเนื่องจากมีเงื่อนไขสำคัญที่เกี่ยวกับประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 จึงส่งผลให้ไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้
นพ.ชลน่าน กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยจึงมีความจำเป็นต้องหาเสียงสนับสนุนจากสมาชิกรัฐสภาเพิ่มเติม เพื่อให้ได้เสียงเกินกว่า 375 เสียง เบื้องต้นพรรคเพื่อไทยจะขอเสียงสนับสุนนจาก สมาชิกวุฒิสภา และจากพรรคการเมืองอื่นๆ เพื่อให้สามารถจัดตั้งรัฐบาลให้ได้ในที่สุด หากผลการดำเนินเป็นประการใด จะได้แจ้งให้ 8 พรรคการเมืองและสาธารณชนทราบต่อไปโดยเร็ว
เมื่อถามว่า ม.112 ยังเป็นเงื่อนไขที่ทำให้การโหวตไม่สามารถได้คะแนนเสียงมากพอที่จะจัดตั้งรัฐบาลได้ พรรคเพื่อไทยจะปรับโจทย์ตรงนี้อย่างไร ในการไปหาเสียงเพิ่ม จากส.ส.และสว.เพราะ ม.112 เป็นอุปสรรคสำหรับ 8 พรรคร่วม ภูมิธรรม กล่าวว่า ในการประชุมวันนี้เราก็จะหารือร่วมกัน เพื่อจะให้ได้เห็นปัญหาร่วมกันว่าขณะนี้ที่ไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ที่ผ่านมาคืออะไร เราคิดว่า ม.112 ก็เป็นประเด็นหนึ่ง อาจจะมีประเด็นอื่นๆด้วยก็ได้ ก็จะถามความเห็นของสมาชิก 8 พรรคร่วมว่ามีเรื่องอะไรอีก แล้วแต่ละเรื่องจะแก้ไขอย่างไร ถ้าสมมุติว่าเรายืนที่ 8 พรรคการเมืองเรามีอยู่แค่ 312 เสียง คราวที่แล้วมีเพิ่มจาก สว.มาอีก 12 เสียง รวมเป็น 324 เสียง เสร็จแล้วพอโหวตก็หายไปอีก 5 เสียงโดยประมาณ ไม่รู้สาเหตุมาจากเรื่องอะไร ดังนั้นสิ่งสำคัญต้องมองให้เห็นว่ามีประเด็นปัญหาอะไรแล้วจะผ่านไปได้อย่างไร
“เพื่อไทยยืนยันว่าวันนี้เงื่อนไขที่จะเข้าร่วมจัดตั้งรัฐบาลเพื่อออกจากสภาพเดิม ๆ ออกจากปัญหาที่ประชาชนเผชิญอยู่จะได้มีส่วนแก้ไขได้โดยเร็ว วันนี้เรารอมาจาก 14 พ.ค.มาจนถึงเวลานี้ก็ 2 เดือนกว่าแล้ว เราจำเป็นต้องตั้งรัฐบาลให้ได้ เพราะฉะนั้นการตั้งรัฐบาลจึงต้องดูเงื่อนไขต่าง ๆและจะพยายามฝ่าเงื่อนไขนั้นๆไปให้ได้มากที่สุด การจัดตั้งรัฐบาลเป็นช่องทางที่จะทำให้เราสามารถนำไปสู่การแก้ไขปัญหาเรื่องรัฐธรรมนูญให้พ้นจากสิ่งต่าง ๆได้ ยืนยันว่าถ้าเราได้จัดตั้งรัฐบาลมติคณรัฐมนตรีวันแรก เราจะออกมาเพื่อให้จัดตั้งตามมติ โดยตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ(สสร.) มาแก้ไขรัฐธรรมนูญโดยทันที เพราะฉะนั้น ถ้าไม่มีเงื่อนไขนี้ก็จะเป็นเหมือนที่เราเคยเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญในสภา เสนอไปรัฐบาลก็ไม่ยอมทำประชามติ เสนอไปก็ไม่สามารถแก้ไขอะไรต่างๆได้ ดังนั้นเราเสนอแล้วเราต้องได้นายกรัฐมนตรีในวันที่ 27 ก.ค.นี้ให้ได้ นี้คือเป้าหมายที่เราตั้งไว้ เราจะดำเนินการทุกอย่างเพื่อให้ได้รัฐบาลฝ่ายประชาธิปไตย”นายภูมิธรรม กล่าว
เมื่อถามว่า โจทย์ของพรรก้าวไกลที่แถลงวันนี้บอกว่าเสียงประชาชนต้องการให้เปลี่ยนคั่ว แต่ถ้าเสียงไม่พอ เราจะไปคุยกับพรรคก้าวไกลอย่างไรในการต้องไปหาเสียงฝ่ายต่างๆมาจัดตั้งรัฐบาล ภูมิธรรม กล่าวว่าในการประชุมร่วม 8 พรรคในวันนี้ เราก็คงจะได้คุยกัน ว่าจะยืน 312 เสียงแบบเดิม เราก็ไม่ขัดคร่อง แต่ต้องบอกเราให้ชัดเจนว่าสิ่งที่จะเพิ่มเสียงนั้นจะมายังไง
เมื่อถามว่า ท่าทีของสว.ที่เคยพูดว่า ถ้ามีก้าวไกลจัดตั้งรัฐบาล สว.ก็จะไม่สนับสนุน ภูมิธรรม กล่าวว่า วันนี้เราเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ก็รอให้เราทำงานก่อน เราอยากมีเวลาพอที่จะเตรียมการในการที่จะให้ผ่านได้นายกรัฐมนตรีในวันที่ 27 ก.ค. นี้
เมื่อถามว่า แถลงการณ์ของพรรคก้าวไกลไม่ได้มีท่าทีลดเพดานในการแก้ไขมาตรา 112 พรรคเพื่อไทยจะคุยกับพรรคก้าวไกลอย่างไร ภูมิธรรม กล่าวว่า ก็คุยตรงไปตรงมาว่าขณะนี้อะไรคือปัญหา และมีหนทางจะแก้ไขได้อย่างไร ถ้าเป็นเรื่อง 112 ก็ต้องถามพรรคก้าวไกลว่า ถ้าเราจะไปต่อเป็นรัฐบาลให้ได้ปัจจัยอะไรที่เป็นปัญหา ถ้าเกี่ยวข้องกับพรรคไหน พรรคนั้นก็ต้องตอบ
เมื่อถามต่อว่า แสดงว่าวันนี้จะได้ข้อสรุปเลยหรือไม่ว่า พรรคก้าวไกลจะเดินไปต่อกับ 8 พรรคร่วม ภูมิธรรม กล่าวว่า เราไม่สามารถคาดการณ์ได้ อยู่ที่การหารือของที่ประชุม
เมื่อถามย้ำว่า หากพรรคก้าวไกลไม่ลดเพดานต่อจะเดินต่อไปอย่างไร ภูมิธรรม กล่าวว่า จะมีการหารือกันให้ได้ข้อสรุปในวันนี้ ไม่มีใครตอบแทนใครได้
เมื่อถามว่าเพื่อไทยได้ดีลกับส.ว.ไว้บ้างหรือไม่ ภูมิธรรม กล่าวว่า เราทำหน้าที่ตั้งแต่เสียง 312 เสียง ได้คุยในขั้นต้นแต่เสียงสะท้อนตามที่ได้แสดงออก แต่วันนี้โจทย์เปลี่ยน เราก็คงต้องทำเริ่มต้นพูดคุยอย่างเป็นทางการในฐานะแกนนำจัดตั้งรัฐบาล
เมื่อถามว่า ยืนยันหรือไม่ว่าจะไม่มีการจับมือกับพรรค 2 ลุง ภูมิธรรม กล่าวว่า ยังมาพูดอะไรตอนนี้ไม่ได้ เราต้องหารือกับ 8 พรรคการเมืองก่อน และดูว่าอะไรคือหนทางที่จะไปสู่เป้าหมายความสำเร็จที่จะตั้งรัฐบาลได้และแก้ปัญหาที่เป็นอยู่ได้
เมื่อถามว่า ถ้าเสนอชื่อ เศรษฐาโหวตนายกฯแล้วไม่ผ่านจะทำอย่างไร ภูมิธรรม กล่าวว่า เราตั้งใจจะทำให้ผ่าน ฉะนั้นจะไม่มีคำว่าถ้า และต้องทำให้สุดความสามารถ เพราะเราต้องรัฐบาลให้ได้ เชื่อวันที่ 27 ก.ค.ต้องได้นายกฯ
เมื่อถามว่า เอ็มโอยูของ8 พรรคร่วมจะต้องมีการมาทบทวนใหม่หรือไม่ นพ.ชลน่านกล่าวว่า เรื่องเอ็มโออยู่เป็นบันทึกความเข้าใจร่วมกัน ของ 8 พรรค ขณะนี้เรายังบนพื้นฐานการพูดคุยร่วมกันอยู่และมีการนัดคุยกันในเวลา 15.00น. ประเด็นนี้จะเป็นอีกประเด็นหนึ่งที่เราจะปรึกษาหารือกัน ว่าเป้าหมายในการเพิ่มเสียงให้ได้ 375 เสียงให้ได้ ดังนั้นหนทางใดที่จำเป็นต้องใช้ในการเพิ่มเสียงและไม่สอดรับกับเอ็มโอยูก็ต้องมาพิจารณา
เมื่อถามต่อว่า ในวันที่ 27 ก.ค.นี้จะส่งชื่อ เศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตพรรคเพื่อไทย โหวตนายกฯ นพ.ชลน่านกล่าว่า ต้องนำเข้าที่ประชุมพรรคในวันที่ 26 ก.ค.ก่อน เพื่อขอมติรับรองการประชุมครั้งสุดท้าย ถามต่อว่ากลัวผลโหวตซ้ำรอยเดิมหรือไม่หากยังมีพรรคก้าวไกลอยู่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ประเด็นนี้เป็นสิ่งที่เรานำมาเป็นโจทย์หลัก ในการที่เราจะดำเนินการหาเสียงสนับสนุนเพิ่ม ฉะนั้นกลไกที่จะต้องใช้ให้ได้มาซึ่ง 375 เสียง เราต้องมีการดำเนินการเจรจาพูดคุยกันทั้งหมด
โดย นพ.ชลน่าน กล่าวว่า เรื่องการจัดตั้งรัฐบาลพรรคเพื่อไทยขอขอบคุณพรรคก้าวไกล ที่ส่งมอบภารกิจในการจัดตั้งรัฐบาลให้กับพรรคเพื่อไทย ซึ่งเป็นไปตามวิถีทางทางการเมืองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขภายใต้เงื่อนไขของการร่วมรัฐบาลจาก 8 พรรคการเมืองเดิม ตามที่พรรคก้าวไกลได้แถลงต่อสื่อมวลชนไปแล้ว เบื้องต้นพรรคเพื่อไทยจะได้หารือกับ 8 พรรคการเมืองเดิมเพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและกำหนดแนวทางในการจัดตั้งรัฐบาลต่อไปพรรคเพื่อไทยเห็นว่าภายใต้ข้อตกลงของ 8 พรรคการเมืองเดิม พรรคการเมืองทั้ง 8 พรรค สามารถรวมเสียงได้ 312 เสียง ซึ่งเสียงส่วนใหญ่ในรัฐสภาไม่เห็นชอบเนื่องจากมีเงื่อนไขสำคัญที่เกี่ยวกับประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 จึงส่งผลให้ไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้
นพ.ชลน่าน กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยจึงมีความจำเป็นต้องหาเสียงสนับสนุนจากสมาชิกรัฐสภาเพิ่มเติม เพื่อให้ได้เสียงเกินกว่า 375 เสียง เบื้องต้นพรรคเพื่อไทยจะขอเสียงสนับสุนนจาก สมาชิกวุฒิสภา และจากพรรคการเมืองอื่นๆ เพื่อให้สามารถจัดตั้งรัฐบาลให้ได้ในที่สุด หากผลการดำเนินเป็นประการใด จะได้แจ้งให้ 8 พรรคการเมืองและสาธารณชนทราบต่อไปโดยเร็ว
เมื่อถามว่า ม.112 ยังเป็นเงื่อนไขที่ทำให้การโหวตไม่สามารถได้คะแนนเสียงมากพอที่จะจัดตั้งรัฐบาลได้ พรรคเพื่อไทยจะปรับโจทย์ตรงนี้อย่างไร ในการไปหาเสียงเพิ่ม จากส.ส.และสว.เพราะ ม.112 เป็นอุปสรรคสำหรับ 8 พรรคร่วม ภูมิธรรม กล่าวว่า ในการประชุมวันนี้เราก็จะหารือร่วมกัน เพื่อจะให้ได้เห็นปัญหาร่วมกันว่าขณะนี้ที่ไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ที่ผ่านมาคืออะไร เราคิดว่า ม.112 ก็เป็นประเด็นหนึ่ง อาจจะมีประเด็นอื่นๆด้วยก็ได้ ก็จะถามความเห็นของสมาชิก 8 พรรคร่วมว่ามีเรื่องอะไรอีก แล้วแต่ละเรื่องจะแก้ไขอย่างไร ถ้าสมมุติว่าเรายืนที่ 8 พรรคการเมืองเรามีอยู่แค่ 312 เสียง คราวที่แล้วมีเพิ่มจาก สว.มาอีก 12 เสียง รวมเป็น 324 เสียง เสร็จแล้วพอโหวตก็หายไปอีก 5 เสียงโดยประมาณ ไม่รู้สาเหตุมาจากเรื่องอะไร ดังนั้นสิ่งสำคัญต้องมองให้เห็นว่ามีประเด็นปัญหาอะไรแล้วจะผ่านไปได้อย่างไร
“เพื่อไทยยืนยันว่าวันนี้เงื่อนไขที่จะเข้าร่วมจัดตั้งรัฐบาลเพื่อออกจากสภาพเดิม ๆ ออกจากปัญหาที่ประชาชนเผชิญอยู่จะได้มีส่วนแก้ไขได้โดยเร็ว วันนี้เรารอมาจาก 14 พ.ค.มาจนถึงเวลานี้ก็ 2 เดือนกว่าแล้ว เราจำเป็นต้องตั้งรัฐบาลให้ได้ เพราะฉะนั้นการตั้งรัฐบาลจึงต้องดูเงื่อนไขต่าง ๆและจะพยายามฝ่าเงื่อนไขนั้นๆไปให้ได้มากที่สุด การจัดตั้งรัฐบาลเป็นช่องทางที่จะทำให้เราสามารถนำไปสู่การแก้ไขปัญหาเรื่องรัฐธรรมนูญให้พ้นจากสิ่งต่าง ๆได้ ยืนยันว่าถ้าเราได้จัดตั้งรัฐบาลมติคณรัฐมนตรีวันแรก เราจะออกมาเพื่อให้จัดตั้งตามมติ โดยตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ(สสร.) มาแก้ไขรัฐธรรมนูญโดยทันที เพราะฉะนั้น ถ้าไม่มีเงื่อนไขนี้ก็จะเป็นเหมือนที่เราเคยเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญในสภา เสนอไปรัฐบาลก็ไม่ยอมทำประชามติ เสนอไปก็ไม่สามารถแก้ไขอะไรต่างๆได้ ดังนั้นเราเสนอแล้วเราต้องได้นายกรัฐมนตรีในวันที่ 27 ก.ค.นี้ให้ได้ นี้คือเป้าหมายที่เราตั้งไว้ เราจะดำเนินการทุกอย่างเพื่อให้ได้รัฐบาลฝ่ายประชาธิปไตย”นายภูมิธรรม กล่าว
เมื่อถามว่า โจทย์ของพรรก้าวไกลที่แถลงวันนี้บอกว่าเสียงประชาชนต้องการให้เปลี่ยนคั่ว แต่ถ้าเสียงไม่พอ เราจะไปคุยกับพรรคก้าวไกลอย่างไรในการต้องไปหาเสียงฝ่ายต่างๆมาจัดตั้งรัฐบาล ภูมิธรรม กล่าวว่าในการประชุมร่วม 8 พรรคในวันนี้ เราก็คงจะได้คุยกัน ว่าจะยืน 312 เสียงแบบเดิม เราก็ไม่ขัดคร่อง แต่ต้องบอกเราให้ชัดเจนว่าสิ่งที่จะเพิ่มเสียงนั้นจะมายังไง
เมื่อถามว่า ท่าทีของสว.ที่เคยพูดว่า ถ้ามีก้าวไกลจัดตั้งรัฐบาล สว.ก็จะไม่สนับสนุน ภูมิธรรม กล่าวว่า วันนี้เราเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ก็รอให้เราทำงานก่อน เราอยากมีเวลาพอที่จะเตรียมการในการที่จะให้ผ่านได้นายกรัฐมนตรีในวันที่ 27 ก.ค. นี้
เมื่อถามว่า แถลงการณ์ของพรรคก้าวไกลไม่ได้มีท่าทีลดเพดานในการแก้ไขมาตรา 112 พรรคเพื่อไทยจะคุยกับพรรคก้าวไกลอย่างไร ภูมิธรรม กล่าวว่า ก็คุยตรงไปตรงมาว่าขณะนี้อะไรคือปัญหา และมีหนทางจะแก้ไขได้อย่างไร ถ้าเป็นเรื่อง 112 ก็ต้องถามพรรคก้าวไกลว่า ถ้าเราจะไปต่อเป็นรัฐบาลให้ได้ปัจจัยอะไรที่เป็นปัญหา ถ้าเกี่ยวข้องกับพรรคไหน พรรคนั้นก็ต้องตอบ
เมื่อถามต่อว่า แสดงว่าวันนี้จะได้ข้อสรุปเลยหรือไม่ว่า พรรคก้าวไกลจะเดินไปต่อกับ 8 พรรคร่วม ภูมิธรรม กล่าวว่า เราไม่สามารถคาดการณ์ได้ อยู่ที่การหารือของที่ประชุม
เมื่อถามย้ำว่า หากพรรคก้าวไกลไม่ลดเพดานต่อจะเดินต่อไปอย่างไร ภูมิธรรม กล่าวว่า จะมีการหารือกันให้ได้ข้อสรุปในวันนี้ ไม่มีใครตอบแทนใครได้
เมื่อถามว่าเพื่อไทยได้ดีลกับส.ว.ไว้บ้างหรือไม่ ภูมิธรรม กล่าวว่า เราทำหน้าที่ตั้งแต่เสียง 312 เสียง ได้คุยในขั้นต้นแต่เสียงสะท้อนตามที่ได้แสดงออก แต่วันนี้โจทย์เปลี่ยน เราก็คงต้องทำเริ่มต้นพูดคุยอย่างเป็นทางการในฐานะแกนนำจัดตั้งรัฐบาล
เมื่อถามว่า ยืนยันหรือไม่ว่าจะไม่มีการจับมือกับพรรค 2 ลุง ภูมิธรรม กล่าวว่า ยังมาพูดอะไรตอนนี้ไม่ได้ เราต้องหารือกับ 8 พรรคการเมืองก่อน และดูว่าอะไรคือหนทางที่จะไปสู่เป้าหมายความสำเร็จที่จะตั้งรัฐบาลได้และแก้ปัญหาที่เป็นอยู่ได้
เมื่อถามว่า ถ้าเสนอชื่อ เศรษฐาโหวตนายกฯแล้วไม่ผ่านจะทำอย่างไร ภูมิธรรม กล่าวว่า เราตั้งใจจะทำให้ผ่าน ฉะนั้นจะไม่มีคำว่าถ้า และต้องทำให้สุดความสามารถ เพราะเราต้องรัฐบาลให้ได้ เชื่อวันที่ 27 ก.ค.ต้องได้นายกฯ
เมื่อถามว่า เอ็มโอยูของ8 พรรคร่วมจะต้องมีการมาทบทวนใหม่หรือไม่ นพ.ชลน่านกล่าวว่า เรื่องเอ็มโออยู่เป็นบันทึกความเข้าใจร่วมกัน ของ 8 พรรค ขณะนี้เรายังบนพื้นฐานการพูดคุยร่วมกันอยู่และมีการนัดคุยกันในเวลา 15.00น. ประเด็นนี้จะเป็นอีกประเด็นหนึ่งที่เราจะปรึกษาหารือกัน ว่าเป้าหมายในการเพิ่มเสียงให้ได้ 375 เสียงให้ได้ ดังนั้นหนทางใดที่จำเป็นต้องใช้ในการเพิ่มเสียงและไม่สอดรับกับเอ็มโอยูก็ต้องมาพิจารณา
เมื่อถามต่อว่า ในวันที่ 27 ก.ค.นี้จะส่งชื่อ เศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตพรรคเพื่อไทย โหวตนายกฯ นพ.ชลน่านกล่าว่า ต้องนำเข้าที่ประชุมพรรคในวันที่ 26 ก.ค.ก่อน เพื่อขอมติรับรองการประชุมครั้งสุดท้าย ถามต่อว่ากลัวผลโหวตซ้ำรอยเดิมหรือไม่หากยังมีพรรคก้าวไกลอยู่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ประเด็นนี้เป็นสิ่งที่เรานำมาเป็นโจทย์หลัก ในการที่เราจะดำเนินการหาเสียงสนับสนุนเพิ่ม ฉะนั้นกลไกที่จะต้องใช้ให้ได้มาซึ่ง 375 เสียง เราต้องมีการดำเนินการเจรจาพูดคุยกันทั้งหมด