



บรรยากาศที่พรรคเพื่อไทย วันนี้ (28 พ.ค. 66) มีกลุ่ม ‘คนเสื้อแดง FC พรรคเพื่อไทย’ นำโดย ‘เคเสื้อแดง’ หรือ ‘นิยม นพรัตน์’ และมวลชนจำนวนหนึ่ง เดินทางมาทำกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์ดื่ม ‘มินต์ช็อก’ และถือป้ายพื้นสีแดง ปรากฎข้อความที่มีเนื้อหาเรียกร้องให้ทางพรรคพิจารณาถอนตัวจากการร่วม ‘รัฐบาลก้าวไกล’ ยื่น 5 ข้อเรียกร้อง เพื่อแสดงเจตจำนง์มวลชน
1) ให้ทบทวนถอนตัวจากการร่วมรัฐบาลในครั้งนี้
2) ให้เกียรติพรรคอันดับ 1 รวบรวมเสียงข้างมากจัดตั้งรัฐบาลตามมารยาทการเมือง
3) ให้โหวตสนับสนุนแคนดิเดตนายกพรรคอันดับ 1
4) ให้โหวตสนับสนุนกระบวนการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ของประชาชน
5) ถ้าพรรคอันดับ 1 ไม่สามารถรวบรวมเสียงข้างมากจัดตั้งรัฐบาลได้ ให้พรรคเพื่อไทยใช้สิทธิในการเป็นพรรคอันดับ 2 รวบรวมเสียงข้างมากเพื่อจัดตั้งรัฐบาล นำนโยบายที่หาเสียงกับประชาชนมาให้เกิดเกิดผลเป็นรูปธรรมต่อไป หรือแล้วแต่พรรคจะใช้ดุลพินิจเป็นอย่างอื่น
โดยกลุ่มมวลชนที่มาวันนี้ มีแนวคิดว่า ก่อนการเลือกตั้งพรรคเพื่อไทยถูกโจมตีด้วยข้อมูลเท็จจากกลุ่มพรรคการเมือง และผู้สนับสนุนบางพรรคต่อเนื่องมาถึงหลังเลือกตั้ง ทางกลุ่มเห็นว่าควรมาให้กำลังใจพรรคเพื่อไทย เพื่อให้พรรคได้รับทราบว่ายังมีผู้สนับสนุน 10 ล้านกว่าเสียงจากการเลือกตั้งครั้งนี้ ที่ยังให้การสนับสนุนพรรคเพื่อไทยในการขับเคลื่อนงานทางการเมืองเพื่อประชาชนสืบต่อไป
ในขณะเดียวกัน การจัดตั้งรัฐบาลครั้งนี้มีกลุ่มคนบางกลุ่มบางฝ่ายพยายามบิดเบือนข้อมูลโจมตีพรรค จนเกิดความขัดแย้งกันขึ้นภายในพรรคร่วมรัฐบาล ทำให้มีความไม่สบายใจว่าในการร่วมรัฐบาลครั้งนี้จะเดินหน้าต่อไปด้วยกันในบรรยากาศ และความระแวงแคลงใจ ไร้ซึ่งการให้เกียรติกันในพรรคร่วมแบบนี้ คงจะไม่เป็นผลดีต่อทุกฝ่าย
เมื่อถามว่า การมายื่นหนังสือในวันนี้ ห่วงจะกระทบความสัมพันธ์พรรคร่วมรัฐบาลทั้ง 8 พรรคหรือไม่ นิคม ตอบว่า พรรคถูกนำไปเป็นคนร้ายต่อสังคม ทั้งที่ 8 พรรคร่วมรัฐบาลต้องให้เกียรติ ไม่ใช่มาขี่คอพรรคเพื่อไทย ไม่เป็นธรรมกับพรรคที่คนเชียร์ ควรคุยกันในโต๊ะเจรจา ไม่ใช่ออกมาพูดที่เราให้ถอนตัว เพราะอยากให้ทุกพรรคทบทวนสิ่งต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นด้วยโดยเฉพาะเรื่องศักดิ์ศรี
“เราอยากให้ทุกพรรคได้ทบทวนกันว่า ถ้าพวกเราขาดพรรคใดพรรคหนึ่งไปแล้วเราจะเดินทางไปกันยังไง อันนี้คือเป้าหมายและวัตถุประสงค์หลักของเรา พวกคุณควรจะทบทวนไม่ใช่ว่าโยนผิดให้แต่พรรคเพื่อไทย โยนบาปแต่พรรคเพื่อไทยอย่างเดียว แล้วมันจะเดินต่อไปได้อย่างไร ทุกคนต้องให้เกียรติซึ่งกันและกัน ผมยินดีถ้าพรรคเพื่อไทยจะสนับสนุนให้พรรคก้าวไกลและรัฐบาลชุดนี้ เดินหน้าผลักดันตั้งรัฐบาลแล้วทำนโยบายเพื่อประชาชน ผมสนับสนุนครับ แต่ต้องไปด้วยการมีเกียรติและศักดิ์ศรี แต่วันใดถ้าเขาลดเกียรติของพวกเราแฟนคลับและพรรค เราก็ควรจะถอนตัวออกมา” นิยม นพรัตน์ กล่าว
ด้าน ‘อนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด’ รองเลขานุการคณะกรรมการยุทธศาสตร์และทิศทางการเมือง พรรคเพื่อไทย เป็นตัวแทนพรรคเพื่อไทยรับหนังสือ พร้อมให้สัมภาษณ์ว่า พรรคเพื่อไทยมีความเป็นสถาบันทางการเมืองเป็นเสาหลักของประเทศ มีปรัชญายึดมั่นมาโดยตลอดว่าพรรคเพื่อไทยหัวใจคือประชาชน ไม่ว่าจะเจออะไรก็ตามจะยืนยันว่าพรรคเพื่อไทยหัวใจคือประชาชน
ในการนี้ จะรับเอากำลังใจและความห่วงใยไปนำเรียนต่อพรรค ขอขอบคุณมวลชนที่ได้เปิดพื้นที่ ให้ถกแถลงกันอย่างเสรีและเป็นธรรม เปิดกว้าง หวังว่าพรรคเพื่อไทยจะใช้ดุลยพินิจในการดำเนินการอย่างถูกต้องเหมาะสมต่อไป ยืนยันว่าพรรคไม่กังวลในประเด็นทัวร์ลง แต่พรรคเพื่อไทยกลัวทัวร์ที่มาลง ไม่มีคุณภาพ บนโลกเสรีประชาธิปไตย
อนุสรณ์ ยังเปรียบเทียบว่าประชาชนที่มาในวันนี้ไม่ได้มากดดันพรรค แต่เป็นเหมือนผู้ที่ซื้อสลากกินแบ่งเลขท้าย 29 เขาย่อมมีสิทธิติดตามว่าเลขที่เขาซื้อจะให้ประโยชน์อย่างไรบ้าง ขณะที่คนซื้อเลขท้ายเบอร์ 31 กลับมากดดันว่าจะต้องทำอย่างนั้นอย่างนี้ ทำไมไม่ไปติดตามเบอร์ที่ตนเองซื้อว่าดำเนินโยบายไปถึงไหนแล้ว
ทั้งนี้ อนุสรณ์ ยังยืนยันว่า การยื่นข้อเสนอเป็นสิทธิเสรีภาพของประชาชนในการแสดงความคิดเห็น ไม่กระทบกับความสัมพันธ์ของพรรคร่วมในการจัดตั้งรัฐบาล เพราะเป็นคนละประเด็นกัน พร้อมยืนยันว่าจุดยืนของพรรคเพื่อไทยยังคงเหมือนเดิม
1) ให้ทบทวนถอนตัวจากการร่วมรัฐบาลในครั้งนี้
2) ให้เกียรติพรรคอันดับ 1 รวบรวมเสียงข้างมากจัดตั้งรัฐบาลตามมารยาทการเมือง
3) ให้โหวตสนับสนุนแคนดิเดตนายกพรรคอันดับ 1
4) ให้โหวตสนับสนุนกระบวนการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ของประชาชน
5) ถ้าพรรคอันดับ 1 ไม่สามารถรวบรวมเสียงข้างมากจัดตั้งรัฐบาลได้ ให้พรรคเพื่อไทยใช้สิทธิในการเป็นพรรคอันดับ 2 รวบรวมเสียงข้างมากเพื่อจัดตั้งรัฐบาล นำนโยบายที่หาเสียงกับประชาชนมาให้เกิดเกิดผลเป็นรูปธรรมต่อไป หรือแล้วแต่พรรคจะใช้ดุลพินิจเป็นอย่างอื่น
โดยกลุ่มมวลชนที่มาวันนี้ มีแนวคิดว่า ก่อนการเลือกตั้งพรรคเพื่อไทยถูกโจมตีด้วยข้อมูลเท็จจากกลุ่มพรรคการเมือง และผู้สนับสนุนบางพรรคต่อเนื่องมาถึงหลังเลือกตั้ง ทางกลุ่มเห็นว่าควรมาให้กำลังใจพรรคเพื่อไทย เพื่อให้พรรคได้รับทราบว่ายังมีผู้สนับสนุน 10 ล้านกว่าเสียงจากการเลือกตั้งครั้งนี้ ที่ยังให้การสนับสนุนพรรคเพื่อไทยในการขับเคลื่อนงานทางการเมืองเพื่อประชาชนสืบต่อไป
ในขณะเดียวกัน การจัดตั้งรัฐบาลครั้งนี้มีกลุ่มคนบางกลุ่มบางฝ่ายพยายามบิดเบือนข้อมูลโจมตีพรรค จนเกิดความขัดแย้งกันขึ้นภายในพรรคร่วมรัฐบาล ทำให้มีความไม่สบายใจว่าในการร่วมรัฐบาลครั้งนี้จะเดินหน้าต่อไปด้วยกันในบรรยากาศ และความระแวงแคลงใจ ไร้ซึ่งการให้เกียรติกันในพรรคร่วมแบบนี้ คงจะไม่เป็นผลดีต่อทุกฝ่าย
เมื่อถามว่า การมายื่นหนังสือในวันนี้ ห่วงจะกระทบความสัมพันธ์พรรคร่วมรัฐบาลทั้ง 8 พรรคหรือไม่ นิคม ตอบว่า พรรคถูกนำไปเป็นคนร้ายต่อสังคม ทั้งที่ 8 พรรคร่วมรัฐบาลต้องให้เกียรติ ไม่ใช่มาขี่คอพรรคเพื่อไทย ไม่เป็นธรรมกับพรรคที่คนเชียร์ ควรคุยกันในโต๊ะเจรจา ไม่ใช่ออกมาพูดที่เราให้ถอนตัว เพราะอยากให้ทุกพรรคทบทวนสิ่งต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นด้วยโดยเฉพาะเรื่องศักดิ์ศรี
“เราอยากให้ทุกพรรคได้ทบทวนกันว่า ถ้าพวกเราขาดพรรคใดพรรคหนึ่งไปแล้วเราจะเดินทางไปกันยังไง อันนี้คือเป้าหมายและวัตถุประสงค์หลักของเรา พวกคุณควรจะทบทวนไม่ใช่ว่าโยนผิดให้แต่พรรคเพื่อไทย โยนบาปแต่พรรคเพื่อไทยอย่างเดียว แล้วมันจะเดินต่อไปได้อย่างไร ทุกคนต้องให้เกียรติซึ่งกันและกัน ผมยินดีถ้าพรรคเพื่อไทยจะสนับสนุนให้พรรคก้าวไกลและรัฐบาลชุดนี้ เดินหน้าผลักดันตั้งรัฐบาลแล้วทำนโยบายเพื่อประชาชน ผมสนับสนุนครับ แต่ต้องไปด้วยการมีเกียรติและศักดิ์ศรี แต่วันใดถ้าเขาลดเกียรติของพวกเราแฟนคลับและพรรค เราก็ควรจะถอนตัวออกมา” นิยม นพรัตน์ กล่าว
ด้าน ‘อนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด’ รองเลขานุการคณะกรรมการยุทธศาสตร์และทิศทางการเมือง พรรคเพื่อไทย เป็นตัวแทนพรรคเพื่อไทยรับหนังสือ พร้อมให้สัมภาษณ์ว่า พรรคเพื่อไทยมีความเป็นสถาบันทางการเมืองเป็นเสาหลักของประเทศ มีปรัชญายึดมั่นมาโดยตลอดว่าพรรคเพื่อไทยหัวใจคือประชาชน ไม่ว่าจะเจออะไรก็ตามจะยืนยันว่าพรรคเพื่อไทยหัวใจคือประชาชน
ในการนี้ จะรับเอากำลังใจและความห่วงใยไปนำเรียนต่อพรรค ขอขอบคุณมวลชนที่ได้เปิดพื้นที่ ให้ถกแถลงกันอย่างเสรีและเป็นธรรม เปิดกว้าง หวังว่าพรรคเพื่อไทยจะใช้ดุลยพินิจในการดำเนินการอย่างถูกต้องเหมาะสมต่อไป ยืนยันว่าพรรคไม่กังวลในประเด็นทัวร์ลง แต่พรรคเพื่อไทยกลัวทัวร์ที่มาลง ไม่มีคุณภาพ บนโลกเสรีประชาธิปไตย
อนุสรณ์ ยังเปรียบเทียบว่าประชาชนที่มาในวันนี้ไม่ได้มากดดันพรรค แต่เป็นเหมือนผู้ที่ซื้อสลากกินแบ่งเลขท้าย 29 เขาย่อมมีสิทธิติดตามว่าเลขที่เขาซื้อจะให้ประโยชน์อย่างไรบ้าง ขณะที่คนซื้อเลขท้ายเบอร์ 31 กลับมากดดันว่าจะต้องทำอย่างนั้นอย่างนี้ ทำไมไม่ไปติดตามเบอร์ที่ตนเองซื้อว่าดำเนินโยบายไปถึงไหนแล้ว
ทั้งนี้ อนุสรณ์ ยังยืนยันว่า การยื่นข้อเสนอเป็นสิทธิเสรีภาพของประชาชนในการแสดงความคิดเห็น ไม่กระทบกับความสัมพันธ์ของพรรคร่วมในการจัดตั้งรัฐบาล เพราะเป็นคนละประเด็นกัน พร้อมยืนยันว่าจุดยืนของพรรคเพื่อไทยยังคงเหมือนเดิม