









(19 ก.ค. 2566) กลุ่มผู้ชุมนุมนำโดย กลุ่มธรรมศาสตร์และการชุมนุม จัดกิจกรรมชุมนุมในชื่อ ‘งานณาปนกิจ สว. และศาลรัฐธรรมนูญ’ บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เนื่องจากไม่เห็นด้วยกับ คำสั่งศาลรัฐธรรมนูญที่ให้ ‘พิธา ลิ้มเจริญรัตน์’ หัวหน้าพรรคและแคนดิเดตนายกฯ พรรคก้าวไกล ได้ยุติการปฏิบัติหน้าที่ สส. จากเหตุที่ กกต. ขอให้วินิจฉัยว่าสมาชิกภาพ ส.ส.ของหัวหน้าพรรคก้าวไกล สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ หรือไม่ เหตุมีชื่อถือครองหุ้นบริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) จำนวน 42,000 หุ้น ที่ถูกเผยแพร่ช่วงสายวันนี้ และเนื่องด้วยความไม่พอใจการทำหน้าที่ของสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ที่ส่วนใหญ่ไม่โหวตเห็นชอบ ‘พิธา’ ในการโหวตนายกฯ ครั้งแรก (13 ก.ค. 2566) ขณะที่มวลชลส่วนใหญ่ที่เดินทางมาร่วมกิจกรรม ต่างสวมเสื้อสีดำและสีส้ม เพื่อให้เข้ากับกิจกรรม
กลุ่มผู้ชุมนุมได้เคลื่อนจากร้านแมคโดนัลด์ หน้าโรงเรียนสตรีวิทยา มายังจุดวงเวียนอนุสาวรีย์ฯ ก่อนผลัดกันขึ้นเวทีปราศรัยวิพากษ์วิจารณ์การปฏิบัติหน้าที่ของ ส.ว. โดยเฉพาะในประเด็นการโหวตสวนมติการเลือกตั้ง ที่ประชาชนกว่า 14 ล้านเสียง ได้เลือกให้พรรคก้าวไกล จนได้รับคะแนนสูงสุดเป็นพรรคอันดับที่ 1 ผู้ชุมนุมมองว่าวุฒิสภามีการใช้อคติในการตัดสินใจ ทั้งๆ ที่การได้เข้ามาในตำแหน่งก็ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง แต่มาจากการแต่งตั้งของ คสช. ดังนั้น จึงมองว่าเป็นการตัดสินเพื่อเอื้อประโยชน์ให้ ‘ใคร’ หรือเปล่า พร้อมฝากข้อความถึงพรรคการเมืองฝ่ายขั้วอำนาจเก่า ว่าควรจะโหวตเลือกนายกฯ ที่ได้คะแนนเสียงเป็นลำดับที่ 1 เพื่อให้กระบวนการทางประชาธิปไตยได้ไปต่อ
ธัชพงศ์ แกดำ ผู้ประสานงานกลุ่ม Respect My Vote กล่าวบนเวทีด้วยการขอให้มวลชนทั้งเสื้อแดงและเสื้อส้ม ใส่เสื้อสีดำไปจนถึงวันที่ 31 ก.ค. เพื่อแสดงจุดยืนไว้ทุกข์ให้กระบวนการที่ไม่เป็นธรรมกับประชาชน
ในส่วนการรักษาความปลอดภัย มีเจ้าหน้าที่ตำรวจนครบาล ได้ตั้งจุดอำนวยความสะดวกรอบๆ กลางถนนราชดำเนินกลาง และมีการส่งกำลังปะปนกับประชาชนด้วย โดย พ.ต.อ.สนอง แสงมณี ผกก.สน.ชนะสงคราม เปิดเผยว่า ได้เตรียมกำลังเอาไว้ 3 กองร้อย เพื่อมุ่งการรักษาความสงบเรียบร้อยเป็นหลัก
ทั้งนี้ มีรายงานว่า เจ้าหน้าที่ได้เตรียมรถจีโน่ และรถควบคุมฝูงชนไว้ เพื่อใช้ในการควบคุมสถานการณ์ หากเกิดเหตุการณ์ใช้ความรุนแรง ซึ่งกลุ่มมวลชนได้พยายามปราศรัยบอกเจ้าหน้าที่ว่า ขอบคุณที่มาอำนวยความสะดวกให้กับประชาชนด้านการจราจร แต่ไม่จำเป็นต้องขนอาวุธยุทโธปกรณ์ที่ใช้ในการปราบปรามจลาจลเข้ามาเพื่อกดดัน
“เราคาดหวังความเปลี่ยนแปลงผ่านระบบเลือกตั้ง แต่วันนี้ เลือกมาก็ไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ เพราะ สว. พร้อมทั้งถูกกลั่นแกล้งจาก กกต. และวันนี้ ถูกศาลรัฐธรรมนูญกลั่นแกล้งอีกแล้ว ล่าสุด กระบวนการในสภาก็บอกว่าไม่สามารถเสนอชื่อ พิธา ได้อีกแล้ว สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้เราไม่สามารถเชื่อกลไกของสภาฯ ได้ โดยเฉพาะการเปลี่ยนแปลงทางสังคม หากทุกอย่างเป็นไปตามครรลองก็คงไม่เกิดการชุมนุมในวันนี้”
กลุ่มผู้ชุมนุมได้เคลื่อนจากร้านแมคโดนัลด์ หน้าโรงเรียนสตรีวิทยา มายังจุดวงเวียนอนุสาวรีย์ฯ ก่อนผลัดกันขึ้นเวทีปราศรัยวิพากษ์วิจารณ์การปฏิบัติหน้าที่ของ ส.ว. โดยเฉพาะในประเด็นการโหวตสวนมติการเลือกตั้ง ที่ประชาชนกว่า 14 ล้านเสียง ได้เลือกให้พรรคก้าวไกล จนได้รับคะแนนสูงสุดเป็นพรรคอันดับที่ 1 ผู้ชุมนุมมองว่าวุฒิสภามีการใช้อคติในการตัดสินใจ ทั้งๆ ที่การได้เข้ามาในตำแหน่งก็ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง แต่มาจากการแต่งตั้งของ คสช. ดังนั้น จึงมองว่าเป็นการตัดสินเพื่อเอื้อประโยชน์ให้ ‘ใคร’ หรือเปล่า พร้อมฝากข้อความถึงพรรคการเมืองฝ่ายขั้วอำนาจเก่า ว่าควรจะโหวตเลือกนายกฯ ที่ได้คะแนนเสียงเป็นลำดับที่ 1 เพื่อให้กระบวนการทางประชาธิปไตยได้ไปต่อ
ธัชพงศ์ แกดำ ผู้ประสานงานกลุ่ม Respect My Vote กล่าวบนเวทีด้วยการขอให้มวลชนทั้งเสื้อแดงและเสื้อส้ม ใส่เสื้อสีดำไปจนถึงวันที่ 31 ก.ค. เพื่อแสดงจุดยืนไว้ทุกข์ให้กระบวนการที่ไม่เป็นธรรมกับประชาชน
ในส่วนการรักษาความปลอดภัย มีเจ้าหน้าที่ตำรวจนครบาล ได้ตั้งจุดอำนวยความสะดวกรอบๆ กลางถนนราชดำเนินกลาง และมีการส่งกำลังปะปนกับประชาชนด้วย โดย พ.ต.อ.สนอง แสงมณี ผกก.สน.ชนะสงคราม เปิดเผยว่า ได้เตรียมกำลังเอาไว้ 3 กองร้อย เพื่อมุ่งการรักษาความสงบเรียบร้อยเป็นหลัก
ทั้งนี้ มีรายงานว่า เจ้าหน้าที่ได้เตรียมรถจีโน่ และรถควบคุมฝูงชนไว้ เพื่อใช้ในการควบคุมสถานการณ์ หากเกิดเหตุการณ์ใช้ความรุนแรง ซึ่งกลุ่มมวลชนได้พยายามปราศรัยบอกเจ้าหน้าที่ว่า ขอบคุณที่มาอำนวยความสะดวกให้กับประชาชนด้านการจราจร แต่ไม่จำเป็นต้องขนอาวุธยุทโธปกรณ์ที่ใช้ในการปราบปรามจลาจลเข้ามาเพื่อกดดัน
“เราคาดหวังความเปลี่ยนแปลงผ่านระบบเลือกตั้ง แต่วันนี้ เลือกมาก็ไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ เพราะ สว. พร้อมทั้งถูกกลั่นแกล้งจาก กกต. และวันนี้ ถูกศาลรัฐธรรมนูญกลั่นแกล้งอีกแล้ว ล่าสุด กระบวนการในสภาก็บอกว่าไม่สามารถเสนอชื่อ พิธา ได้อีกแล้ว สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้เราไม่สามารถเชื่อกลไกของสภาฯ ได้ โดยเฉพาะการเปลี่ยนแปลงทางสังคม หากทุกอย่างเป็นไปตามครรลองก็คงไม่เกิดการชุมนุมในวันนี้”