



แพทองธาร ชินวัตร แคนดิเดตนายกฯ รัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย และ หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย กล่าวถึงผลสำรวจความคิดเห็นแม้ยังคงอยู่ลำดับที่ 1 แต่ลำดับที่ 2 และลำดับที่ 3 ก็ตีตื้นขึ้นมาในช่วงโค้งสุดท้ายที่ไม่ได้ลงพื้นที่จะปรับยุทธศาสตร์อย่างไร อันดับแรกต้องขอบคุณประชาชนที่ยังไว้วางใจพรรคเพื่อไทยและตนเองและไม่รู้สึกหวั่นใจ ซึ่งหากรวมคะแนนในฝั่งประชาธิปไตยถือว่ายังคงนำขาดอยู่ แต่ไม่ประมาทเพราะทุกอย่างเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา ซึ่งต้องหนักแน่นและไม่แผ่ว ไม่อย่างนั้นการเปลี่ยนแปลงก็จะไม่เกิดขึ้น เราอาจจะได้นายกคนเดิม เพราะฉะนั้นเราต้องมุ่งเน้นไปด้วยกัน ส่วนตนเองอยู่ในช่วงใกล้คลอด แต่จะทำงานเต็มที่ในส่วนที่ยังทำได้และเท่าที่คุณหมออนุญาต โดยเฉพาะการซูมไปยังเวทีปราศรัย
ส่วนกรณีที่นิด้าโพล สำรวจความคิดเห็นประชาชนที่พรรคเพื่อไทยมีเปอร์เซ็นต์คะแนนลดลง คิดว่ามาจากความไม่ชัดเจนในการจับมือกับพรรคฝั่งตรงข้ามหรือไม่ แพทองธาร กล่าวว่า “เรื่องจับมืออยากให้ ทุกคนดูหน้าดิฉันไว้ว่า คงไม่ได้ชอบ การรัฐประหารที่เกิดขึ้นสองครั้ง ล่าสุดที่ทุกคนจำกันได้ ดิฉันก็คงไม่ได้ชอบ เพราะฉะนั้นการที่ดิฉันไม่ได้ตอบออกมาตรงๆ หลายครั้งถึงการจับมือ เพราะดิฉันให้เกียรติประชาชน ให้เกียรติประเทศ เพราะการเลือกตั้งยังไม่เกิดขึ้น แต่ถามว่า คนที่ไม่ได้อยู่ฝ่ายประชาธิปไตย คนที่ทำรัฐประหารมา ดิฉันอยากจับมือด้วยไหม อันนี้ควรเป็นคำตอบที่ประชาชนน่าจะทราบดีอยู่แล้ว และแน่นอนกระทบที่ได้รับผลกระทบที่ได้รับนั้นตนต้องแยกเรื่อง ดังนั้นการตอบออกไปอย่างใช้อารมณ์ อาจจะไม่ใช่แนวที่จะสื่อให้มีเหตุผลออกไปได้ แต่ถามว่าดิฉันอยากจับไหม กับคนที่ทำรัฐประหารมาสองครั้ง เพราะฉะนั้นคำตอบก็ชัดเจนอยู่แล้ว”
ส่วนที่หลายคนเชียร์ให้ แพทองธาร เป็นนายกรัฐมนตรี แต่ ชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ กล่าวปราศรัยที่จังหวัดปทุมธานี ระบุว่า แพทองธาร ยังถือหุ้นอยู่ ซึ่งหากประชาชนเลือกพรรคเพื่อไทยจะได้ เศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกฯ นั้น ยืนยันว่าพรรคเพื่อไทยเสนอรายชื่อแคนดิเดตนายกฯ รัฐมนตรี 3 คน ต้องเอาคนที่ตอบโจทย์กับปัญหาบ้านเมืองมากที่สุด ไม่อยากให้เอาดราม่ามาเป็นประเด็นทางการเมืองทั้งหมด และยืนยันว่าตนเองพร้อมที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีอย่างแน่นอน เศรษฐา ก็พร้อม และ ชัยเกษม นิติสิริ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย ก็พร้อม ทั้ง 3 คนพร้อม เพราะฉะนั้นอยู่ที่ยุทธศาสตร์และผลของการเลือกตั้ง ซึ่งเป็นอนาคตที่ยังไม่มีใครทราบ
เมื่อถามถึงการที่ผู้สมัคร ส.ส.พรรคเพื่อไทยบางคนถูกวิจารณ์ว่าไม่ลงพื้นที่ จะกระทบกลับเป้าหมายแลนด์สไลด์หรือไม่ แพทองธาร กล่าวว่า พรรคมีการสื่อสารกับ ผู้สมัคร ส.ส.ตลอด เมื่อได้เสียงสะท้อนจากประชาชนเชื่อว่า ส.ส.เขตของเราจะกระตือรือร้น และการที่คะแนนของพรรคดีไม่ได้แปลว่าจะได้ ส.ส. โดยทันที ซึ่งผู้สมัคร ส.ส. ต้องลงพื้นที่ซื้อใจประชาชนและทำการบ้าน เพราะสมัยนี้ชาวบ้านไม่สามารถซื้อได้ด้วยอย่างอื่น นอกจากความจริงใจ ความสามารถ และนโยบายของพรรค ย้ำว่าผู้สมัคร ส.ส.ต้องทำเอง ถ้าไม่ทำตรงนี้ก็ไม่ได้เข้าสภาฯ
ส่วนที่วันนี้เป็นวันสุดท้ายของการส่งที่มาของการใช้งบในนโยบายหาเสียงของพรรคการเมืองที่ต้องส่ง กกต. โดยเฉพาะนโยบายกระเป๋าเงินดิจิทัล 10,000 บาท นั้น ภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวย้ำว่า กรอบนโยบายของพรรคเพื่อไทยจัดทำเสร็จตั้งแต่แรกแล้ว เพราะฉะนั้นไม่เป็นปัญหา และเราส่งนโยบายทั้งหมดต่อ กกต. เป็น 100 นโยบายแล้ว เรื่องนี้ที่ช้าเป็นเพราะว่าเราไม่ต้องการเร็ว เรามีจังหวะในการเปิด ซึ่งระหว่างอยู่แล้วว่าวันที่ 18 เมษายนเป็นวันสุดท้ายที่เราจะยื่น กกต. ทั้งหมดจบแล้ว พร้อมชี้แจง กระแสข่าวว่าทีมเศรษฐกิจและทีมกฎหมายของพรรคเพื่อไทยชนกันจนหัวเลือดสาดนั้น เป็นดราม่าที่เกินความจริงมาก เราไม่เคยทะเลาะกัน เราคุยกันจบแล้วเราพูดด้วยความมั่นใจ เราไม่กล้าพูดสุ่มสี่สุ่มห้าที่จะมาทำลายเครดิต ที่เราเคยทำไว้ พร้อมยืนยันว่า ฝ่ายกฎหมายฝ่ายเศรษฐกิจรวมถึงผู้ บริหารของพรรคเพื่อไทยทำงานเป็นเอกภาพ
ด้าน ภูมิธรรม ยังย้ำว่า นโยบายกระเป๋าเงินดิจิทัล 10,000 บาท เราหวังกระตุ้นเศรษฐกิจเราไม่ไปตัดนโยบายเดิมที่ประชาชนเคยได้รับ และยืนยันว่าผู้ที่เคยได้รับเงินบัตรสวัสดิการแห่งรัฐยังคงได้รับต่อไป ไม่เกี่ยวกับการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งนี้ และงบที่นำมาใช้ก็มาจากงบประมาณที่รั่วไหลและสุรุ่ยสุร่าย ยืนยันว่างบประมาณ 500,000 ล้านบาทเป็นกรอบที่เราสามารถดำเนินการได้
ส่วนสุขภาพของ ชัยเกษม นิติสิริ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย ตอนนี้สุขภาพดี ซึ่งเรื่องเลือดคั่งในสมองถือเป็นเรื่องเก่าไม่ได้กระทบ เรื่องความจำเป็นทั้งนี้เราไม่อยากใช้ร่างกายของท่านเปลืองเกินความจำเป็น
ด้าน แพทองธาร กล่าวเสริมว่า ขณะนี้ชัยเกษมยังลงพื้นที่ไม่ได้แต่คาดว่าการปราศรัยใหญ่ครั้งสุดท้ายวันที่ 12 พฤษภาคมนี้ เพื่อสรุปการหาเสียงจะได้เห็นแคนดิเดตนายกฯรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทยขึ้นเวทีพร้อมกันทั้ง 3 คน
ขณะที่ยุทธศาสตร์ในพื้นที่กรุงเทพฯ มีความกังวลหรือไม่ที่พรรคอื่นคะแนน เริ่มมีคะแนนโดดเด่นขึ้นมาอย่างพรรคก้าวไกล แพทองธาร ระบุว่า เราให้ความสำคัญกับทุกพื้นที่ทั้งที่ได้มากและได้น้อย ตนวางแผนหลังจากนี้ที่เดินทางไปจังหวัดอื่นไม่ได้ ก็จะทำเต็มที่กับ กทม. เรามีความมั่นใจเราได้สื่อสารกับคน กทม. เยอะ ซึ่งดูจากโพลทุกสำนักและโผลของพรรคเปรียบเทียบกันเราก็มีความมั่นใจ
ภูมิธรรม กล่าวย้ำว่า เราได้พิจารณาความนิยมของเรานั้น ในทุกชุมชนมีมากถึง 40-50% ขณะที่บางพรรคการเมืองดีขึ้นเราไม่ปฏิเสธ กลับดีใจ ด้วยซ้ำเพราะเป็นพรรคฝั่งประชาธิปไตย แต่จะดีขึ้นเฉพาะในส่วนหัวเมืองและ กทม. สำหรับพรรคเพื่อไทยวันนี้เรามั่นใจว่า จะเป็นเครื่องมือและเงื่อนไขที่นำมาสู่การเปลี่ยนแปลงของประชาชนส่วนช่วง โค้งสุดท้ายที่มักมีการใช้วิชามารเป็นเรื่องธรรมดา ที่เราพบว่าอยู่ตลอด ซึ่งเราจะระมัดระวัง เอาความจริงและตัวเราเขาสู้
ส่วนกรณีที่นิด้าโพล สำรวจความคิดเห็นประชาชนที่พรรคเพื่อไทยมีเปอร์เซ็นต์คะแนนลดลง คิดว่ามาจากความไม่ชัดเจนในการจับมือกับพรรคฝั่งตรงข้ามหรือไม่ แพทองธาร กล่าวว่า “เรื่องจับมืออยากให้ ทุกคนดูหน้าดิฉันไว้ว่า คงไม่ได้ชอบ การรัฐประหารที่เกิดขึ้นสองครั้ง ล่าสุดที่ทุกคนจำกันได้ ดิฉันก็คงไม่ได้ชอบ เพราะฉะนั้นการที่ดิฉันไม่ได้ตอบออกมาตรงๆ หลายครั้งถึงการจับมือ เพราะดิฉันให้เกียรติประชาชน ให้เกียรติประเทศ เพราะการเลือกตั้งยังไม่เกิดขึ้น แต่ถามว่า คนที่ไม่ได้อยู่ฝ่ายประชาธิปไตย คนที่ทำรัฐประหารมา ดิฉันอยากจับมือด้วยไหม อันนี้ควรเป็นคำตอบที่ประชาชนน่าจะทราบดีอยู่แล้ว และแน่นอนกระทบที่ได้รับผลกระทบที่ได้รับนั้นตนต้องแยกเรื่อง ดังนั้นการตอบออกไปอย่างใช้อารมณ์ อาจจะไม่ใช่แนวที่จะสื่อให้มีเหตุผลออกไปได้ แต่ถามว่าดิฉันอยากจับไหม กับคนที่ทำรัฐประหารมาสองครั้ง เพราะฉะนั้นคำตอบก็ชัดเจนอยู่แล้ว”
ส่วนที่หลายคนเชียร์ให้ แพทองธาร เป็นนายกรัฐมนตรี แต่ ชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ กล่าวปราศรัยที่จังหวัดปทุมธานี ระบุว่า แพทองธาร ยังถือหุ้นอยู่ ซึ่งหากประชาชนเลือกพรรคเพื่อไทยจะได้ เศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกฯ นั้น ยืนยันว่าพรรคเพื่อไทยเสนอรายชื่อแคนดิเดตนายกฯ รัฐมนตรี 3 คน ต้องเอาคนที่ตอบโจทย์กับปัญหาบ้านเมืองมากที่สุด ไม่อยากให้เอาดราม่ามาเป็นประเด็นทางการเมืองทั้งหมด และยืนยันว่าตนเองพร้อมที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีอย่างแน่นอน เศรษฐา ก็พร้อม และ ชัยเกษม นิติสิริ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย ก็พร้อม ทั้ง 3 คนพร้อม เพราะฉะนั้นอยู่ที่ยุทธศาสตร์และผลของการเลือกตั้ง ซึ่งเป็นอนาคตที่ยังไม่มีใครทราบ
เมื่อถามถึงการที่ผู้สมัคร ส.ส.พรรคเพื่อไทยบางคนถูกวิจารณ์ว่าไม่ลงพื้นที่ จะกระทบกลับเป้าหมายแลนด์สไลด์หรือไม่ แพทองธาร กล่าวว่า พรรคมีการสื่อสารกับ ผู้สมัคร ส.ส.ตลอด เมื่อได้เสียงสะท้อนจากประชาชนเชื่อว่า ส.ส.เขตของเราจะกระตือรือร้น และการที่คะแนนของพรรคดีไม่ได้แปลว่าจะได้ ส.ส. โดยทันที ซึ่งผู้สมัคร ส.ส. ต้องลงพื้นที่ซื้อใจประชาชนและทำการบ้าน เพราะสมัยนี้ชาวบ้านไม่สามารถซื้อได้ด้วยอย่างอื่น นอกจากความจริงใจ ความสามารถ และนโยบายของพรรค ย้ำว่าผู้สมัคร ส.ส.ต้องทำเอง ถ้าไม่ทำตรงนี้ก็ไม่ได้เข้าสภาฯ
ส่วนที่วันนี้เป็นวันสุดท้ายของการส่งที่มาของการใช้งบในนโยบายหาเสียงของพรรคการเมืองที่ต้องส่ง กกต. โดยเฉพาะนโยบายกระเป๋าเงินดิจิทัล 10,000 บาท นั้น ภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวย้ำว่า กรอบนโยบายของพรรคเพื่อไทยจัดทำเสร็จตั้งแต่แรกแล้ว เพราะฉะนั้นไม่เป็นปัญหา และเราส่งนโยบายทั้งหมดต่อ กกต. เป็น 100 นโยบายแล้ว เรื่องนี้ที่ช้าเป็นเพราะว่าเราไม่ต้องการเร็ว เรามีจังหวะในการเปิด ซึ่งระหว่างอยู่แล้วว่าวันที่ 18 เมษายนเป็นวันสุดท้ายที่เราจะยื่น กกต. ทั้งหมดจบแล้ว พร้อมชี้แจง กระแสข่าวว่าทีมเศรษฐกิจและทีมกฎหมายของพรรคเพื่อไทยชนกันจนหัวเลือดสาดนั้น เป็นดราม่าที่เกินความจริงมาก เราไม่เคยทะเลาะกัน เราคุยกันจบแล้วเราพูดด้วยความมั่นใจ เราไม่กล้าพูดสุ่มสี่สุ่มห้าที่จะมาทำลายเครดิต ที่เราเคยทำไว้ พร้อมยืนยันว่า ฝ่ายกฎหมายฝ่ายเศรษฐกิจรวมถึงผู้ บริหารของพรรคเพื่อไทยทำงานเป็นเอกภาพ
ด้าน ภูมิธรรม ยังย้ำว่า นโยบายกระเป๋าเงินดิจิทัล 10,000 บาท เราหวังกระตุ้นเศรษฐกิจเราไม่ไปตัดนโยบายเดิมที่ประชาชนเคยได้รับ และยืนยันว่าผู้ที่เคยได้รับเงินบัตรสวัสดิการแห่งรัฐยังคงได้รับต่อไป ไม่เกี่ยวกับการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งนี้ และงบที่นำมาใช้ก็มาจากงบประมาณที่รั่วไหลและสุรุ่ยสุร่าย ยืนยันว่างบประมาณ 500,000 ล้านบาทเป็นกรอบที่เราสามารถดำเนินการได้
ส่วนสุขภาพของ ชัยเกษม นิติสิริ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย ตอนนี้สุขภาพดี ซึ่งเรื่องเลือดคั่งในสมองถือเป็นเรื่องเก่าไม่ได้กระทบ เรื่องความจำเป็นทั้งนี้เราไม่อยากใช้ร่างกายของท่านเปลืองเกินความจำเป็น
ด้าน แพทองธาร กล่าวเสริมว่า ขณะนี้ชัยเกษมยังลงพื้นที่ไม่ได้แต่คาดว่าการปราศรัยใหญ่ครั้งสุดท้ายวันที่ 12 พฤษภาคมนี้ เพื่อสรุปการหาเสียงจะได้เห็นแคนดิเดตนายกฯรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทยขึ้นเวทีพร้อมกันทั้ง 3 คน
ขณะที่ยุทธศาสตร์ในพื้นที่กรุงเทพฯ มีความกังวลหรือไม่ที่พรรคอื่นคะแนน เริ่มมีคะแนนโดดเด่นขึ้นมาอย่างพรรคก้าวไกล แพทองธาร ระบุว่า เราให้ความสำคัญกับทุกพื้นที่ทั้งที่ได้มากและได้น้อย ตนวางแผนหลังจากนี้ที่เดินทางไปจังหวัดอื่นไม่ได้ ก็จะทำเต็มที่กับ กทม. เรามีความมั่นใจเราได้สื่อสารกับคน กทม. เยอะ ซึ่งดูจากโพลทุกสำนักและโผลของพรรคเปรียบเทียบกันเราก็มีความมั่นใจ
ภูมิธรรม กล่าวย้ำว่า เราได้พิจารณาความนิยมของเรานั้น ในทุกชุมชนมีมากถึง 40-50% ขณะที่บางพรรคการเมืองดีขึ้นเราไม่ปฏิเสธ กลับดีใจ ด้วยซ้ำเพราะเป็นพรรคฝั่งประชาธิปไตย แต่จะดีขึ้นเฉพาะในส่วนหัวเมืองและ กทม. สำหรับพรรคเพื่อไทยวันนี้เรามั่นใจว่า จะเป็นเครื่องมือและเงื่อนไขที่นำมาสู่การเปลี่ยนแปลงของประชาชนส่วนช่วง โค้งสุดท้ายที่มักมีการใช้วิชามารเป็นเรื่องธรรมดา ที่เราพบว่าอยู่ตลอด ซึ่งเราจะระมัดระวัง เอาความจริงและตัวเราเขาสู้