







เมื่อเวลา 18.31 น.วันที่ 13 กรกฎาคม 2566 ที่อาคารรัฐสภา พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล (ก.ก.)ในฐานะแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรค ให้สัมภาษณ์ภายหลังผลที่ประชุมรัฐสภามีมติเสียงข้างมากไม่เห็นชอบให้เป็นนายกฯ ว่า ผลมติที่เกิดขึ้นเรายอมรับ แต่ไม่ยอมแพ้ ซึ่งยอมรับว่าคะแนนยังไม่ถึง 376 เสียง และต้องยอมรับว่ามีการกดดันภายในสภาฯ กันเยอะ รวมถึงมีผู้ที่ไม่เข้าร่วมการประชุมกว่า 40 คน ซึ่งผลที่ออกมาจึงไม่ตรงตามที่เราได้คาดการณ์ไว้ ย้ำว่าเราไม่ยอมแพ้และจะใช้เวลาที่เหลืออยู่วางยุทธศาสตร์รวบรวมเสียงในการโหวตครั้งต่อไป ส่วนจะเป็นเมื่อไหร่นั้น ขึ้นอยู่กับประธานสภาฯ
เมื่อถามว่าพรรคเพื่อไทย (พท.) กับพรรคก้าวไกล ยังจะจับมือกันต่อใช่หรือไม่ พิธา กล่าวว่า ผลโหวตที่ออกมาเป็นอย่างนั้นเราก็ยังทำงานร่วมกันได้ เรายังทำงานด้วยความเชื่อใจซึ่งกันและกัน และพรรคก้าวไกลกับพรรคเพื่อไทยก็จะจับมือกันร่วมกันจัดตั้งรัฐบาล
เมื่อถามต่อว่าการโหวตนายกฯ ในรอบที่ 2 พรรคก้าวไกลจะยอมถอยเรื่องการแก้ไขมาตรา 112 หรือไม่ พิธา กล่าวว่า เรายังเหมือนเดิม เราสัญญากับประชาชนไว้อย่างไรก็จะทำอย่างนั้น ซึ่งวันนี้ก็เป็นนิมิตหมายที่ได้มีโอกาสอธิบายในสภาฯ ว่าสิ่งที่เรานำเสนอจะเดินไปสู่เป้าหมายเดียวกัน ซึ่งจะทำให้ทาง ส.ว.และ ส.ส.ที่ยังเข้าใจไม่ตรงกันเราก็ได้มีโอกาสชี้แจงเยอะ รวมถึงสมาชิกพรรคก้าวไกลหลายคนก็ช่วยกันชี้แจงด้วย ซึ่งต่อไปนี้จะมุ่งหน้าไปสู่การลงมติโหวตเลือกนายกฯ ครั้งที่ 2
เมื่อถามอีกว่ามีโอกาสจะหยุดเรื่องมาตรา 112 หรือไม่ เพราะหากหยุดก็มีโอกาสได้เป็นนายกฯ พิธา กล่าวว่า ตนยืนยันตามเดิมตามที่ได้สัญญากับประชาชนไว้ ส่วนเสียง ส.ว. ที่ครั้งนี้ได้เพียง 13 เสียงต่ำกว่าเป้าที่เราวางไว้นั้น คงจะต้องวางยุทธศาสตร์ในการรวบรวมเสียงใหม่ และจะเริ่มลงรายละเอียดว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง ซึ่ง ส.ว.บางท่านไปต่างประเทศ บางท่านติดภารกิจ หรือบางท่านออกจากห้องประชุมไป
ทั้งนี้แต่ที่ตนพูดได้ในวันนี้คือยังไม่ยอมแพ้ และจะพยายามหายุทธศาสตร์ในการรวบรวมเสียงให้ได้มากที่สุด อย่างไรก็ตามขอบคุณ ส.ว.ทั้ง 13 ท่าน ที่ได้ลงมติตามที่ให้สัญญาไว้กับประชาชน รวมถึงจะต้องมีการศึกษาเพิ่มเติมด้วยว่าเพราะเหตุผลอะไรที่ ส.ว. หลายคนไม่เข้าร่วมประชุม และไม่ได้มีโอกาสโหวตตามที่คิดไว้
เมื่อถามย้ำว่า การโหวตครั้งที่ 2 หากผลออกมาเป็นแบบวันนี้ยังจะไปต่อหรือไม่ พิธา กล่าวว่า ขอวางแผนรอบที่ 2ให้เรียบร้อยก่อน จึงค่อยว่ากันอีกที
เมื่อถามอีกว่าได้เตรียมใจที่จะกลับไปเป็นฝ่ายค้านหรือไม่ พิธา กล่าวว่า เราเตรียมใจและเตรียมแผนสำหรับการโหวตครั้งที่ 2
เมื่อถามต่อว่า มีเงื่อนไขเดียวที่จะทำให้ก้าวไกลได้เสียงครบเพียงเงื่อนไขเดียวคือถอยเรื่องมาตรา 112 พิธา กล่าวว่า สิ่งนั้นเป็นการอุปมาอุปมัยอาจไม่ใช่เรื่องจริง เราอาจจะได้เสียงเพิ่มโดยที่ไม่ต้องไปเกี่ยวข้องกับเงื่อนไขนั้น ขอเวลาทำความเข้าใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นเสียก่อน
เมื่อถามอีกว่าการโหวตรอบที่ 2 ไม่ได้นานมาก รอบแรกยังแพ้ รอบสองจะสามารถรวมรวมเสียงได้หรือไม่ พิธา กล่าวว่า ก็แล้วแต่ที่จะมอง แต่ตนคิดว่ายังมีเวลา
เมื่อถามย้ำว่าเราจะถอยบางนโยบายได้หรือไม่ พิธา กล่าวย้อนถามว่า “หมายถึงนโยบายไหน ก็อย่างที่บอกเราสัญญากับประชาชนเอาไว้ก็ต้องรักษาคำพูด”
เมื่อถามว่าพรรคเพื่อไทย (พท.) กับพรรคก้าวไกล ยังจะจับมือกันต่อใช่หรือไม่ พิธา กล่าวว่า ผลโหวตที่ออกมาเป็นอย่างนั้นเราก็ยังทำงานร่วมกันได้ เรายังทำงานด้วยความเชื่อใจซึ่งกันและกัน และพรรคก้าวไกลกับพรรคเพื่อไทยก็จะจับมือกันร่วมกันจัดตั้งรัฐบาล
เมื่อถามต่อว่าการโหวตนายกฯ ในรอบที่ 2 พรรคก้าวไกลจะยอมถอยเรื่องการแก้ไขมาตรา 112 หรือไม่ พิธา กล่าวว่า เรายังเหมือนเดิม เราสัญญากับประชาชนไว้อย่างไรก็จะทำอย่างนั้น ซึ่งวันนี้ก็เป็นนิมิตหมายที่ได้มีโอกาสอธิบายในสภาฯ ว่าสิ่งที่เรานำเสนอจะเดินไปสู่เป้าหมายเดียวกัน ซึ่งจะทำให้ทาง ส.ว.และ ส.ส.ที่ยังเข้าใจไม่ตรงกันเราก็ได้มีโอกาสชี้แจงเยอะ รวมถึงสมาชิกพรรคก้าวไกลหลายคนก็ช่วยกันชี้แจงด้วย ซึ่งต่อไปนี้จะมุ่งหน้าไปสู่การลงมติโหวตเลือกนายกฯ ครั้งที่ 2
เมื่อถามอีกว่ามีโอกาสจะหยุดเรื่องมาตรา 112 หรือไม่ เพราะหากหยุดก็มีโอกาสได้เป็นนายกฯ พิธา กล่าวว่า ตนยืนยันตามเดิมตามที่ได้สัญญากับประชาชนไว้ ส่วนเสียง ส.ว. ที่ครั้งนี้ได้เพียง 13 เสียงต่ำกว่าเป้าที่เราวางไว้นั้น คงจะต้องวางยุทธศาสตร์ในการรวบรวมเสียงใหม่ และจะเริ่มลงรายละเอียดว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง ซึ่ง ส.ว.บางท่านไปต่างประเทศ บางท่านติดภารกิจ หรือบางท่านออกจากห้องประชุมไป
ทั้งนี้แต่ที่ตนพูดได้ในวันนี้คือยังไม่ยอมแพ้ และจะพยายามหายุทธศาสตร์ในการรวบรวมเสียงให้ได้มากที่สุด อย่างไรก็ตามขอบคุณ ส.ว.ทั้ง 13 ท่าน ที่ได้ลงมติตามที่ให้สัญญาไว้กับประชาชน รวมถึงจะต้องมีการศึกษาเพิ่มเติมด้วยว่าเพราะเหตุผลอะไรที่ ส.ว. หลายคนไม่เข้าร่วมประชุม และไม่ได้มีโอกาสโหวตตามที่คิดไว้
เมื่อถามย้ำว่า การโหวตครั้งที่ 2 หากผลออกมาเป็นแบบวันนี้ยังจะไปต่อหรือไม่ พิธา กล่าวว่า ขอวางแผนรอบที่ 2ให้เรียบร้อยก่อน จึงค่อยว่ากันอีกที
เมื่อถามอีกว่าได้เตรียมใจที่จะกลับไปเป็นฝ่ายค้านหรือไม่ พิธา กล่าวว่า เราเตรียมใจและเตรียมแผนสำหรับการโหวตครั้งที่ 2
เมื่อถามต่อว่า มีเงื่อนไขเดียวที่จะทำให้ก้าวไกลได้เสียงครบเพียงเงื่อนไขเดียวคือถอยเรื่องมาตรา 112 พิธา กล่าวว่า สิ่งนั้นเป็นการอุปมาอุปมัยอาจไม่ใช่เรื่องจริง เราอาจจะได้เสียงเพิ่มโดยที่ไม่ต้องไปเกี่ยวข้องกับเงื่อนไขนั้น ขอเวลาทำความเข้าใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นเสียก่อน
เมื่อถามอีกว่าการโหวตรอบที่ 2 ไม่ได้นานมาก รอบแรกยังแพ้ รอบสองจะสามารถรวมรวมเสียงได้หรือไม่ พิธา กล่าวว่า ก็แล้วแต่ที่จะมอง แต่ตนคิดว่ายังมีเวลา
เมื่อถามย้ำว่าเราจะถอยบางนโยบายได้หรือไม่ พิธา กล่าวย้อนถามว่า “หมายถึงนโยบายไหน ก็อย่างที่บอกเราสัญญากับประชาชนเอาไว้ก็ต้องรักษาคำพูด”