พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เดินทางมายังศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ เพื่อตรวจดูความเรียบร้อยในการรักษาความปลอดภัยตามบริเวณต่างๆ ซึ่งรวมถึงศูนย์สื่อมวลชน ที่มาทำหน้าที่รายงานข่าวการประชุมผู้นําเขตเศรษฐกิจเอเปค ครั้งที่ 29 และการประชุมอื่นที่เกี่ยวข้อง
พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ ให้สัมภาษณ์ว่า วันนี้มาดูแลความสงบเรียบร้อย โดยวันนี้ (19 พฤศจิกายน 2565) ยังมีผู้นําเขตเศรษฐกิจเอเปคทยอยเดินทางเข้ามาภายในศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ เพื่อเข้าร่วมการประชุม คาดว่าการประชุมดังกล่าวจะเสร็จสิ้นในช่วงเที่ยง ทั้งนี้ในภาพรวมถือว่าการดูแลสถานการณ์เป็นไปด้วยความเรียบร้อย
เมื่อถามถึงเหตุการณ์ปะทะกันระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมฝูงชน (คฝ.) กับกลุ่มราษฎรหยุดเอเปค ที่บริเวณถนนดินสอ เมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา ผบ.ตร. กล่าวว่า เป็นไปตามที่โฆษกได้ให้ข่าวไปแล้ว ว่ากองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) ได้ประกาศทุกขั้นตอนการควบคุมฝูงชนให้ทางผู้ชุมนุมได้ทราบแล้ว ขณะที่การชุมนุมเป็นสิทธิตามรัฐธรรมนูญที่ประชาชนสามารถทําได้ ซึ่งกลุ่มดังกล่าวก็ชุมนุมที่ลานคนเมือง
“ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งเงื่อนไขแล้วว่าไม่อยากให้มีการเคลื่อนขบวน เพราะเกรงว่าอาจะเกิดความไม่ปลอดภัย และอาจส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของประเทศในช่วงการประชุมผู้นำเอเปค แต่กลุ่มดังกล่าวก็พยายามจะเคลื่อนขบวนออกนอกพื้นที่ ขณะที่เส้นทางที่กลุ่มดังกล่าวออกเดินก็มีความสุ่มเสี่ยง ไม่ใช่แค่เส้นทางที่มุ่งตรงมายังศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์เท่านั้น จึงมีจุดที่เจ้าหน้าที่พยายามรั้งหน่วงกลุ่มผู้ชุมนุมหลายจุดจนทำให้เกิดเหตุการณ์ปะทะกัน อย่างไรก็ตาม ตนได้มอบหมาย บช.น. ตรวจสอบข้อเท็จจริงอีกครั้ง”
เมื่อถามว่า วันนี้มีการรายงานข่าวเข้ามาบ้างหรือไม่ จะมีผู้ชุมนุมพยายามเคลื่อนขบวนมาหรือไม่ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กล่าวว่า ยังไม่มีรายงานการข่าวดังกล่าวเข้ามา ทั้งนี้ตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การชุมนุมสาธารณะกำหนดไว้ว่า การชุมนุมจะต้องมีการยื่นเรื่องขออนุญาตจากเจ้าหน้าที่ตํารวจล่วงหน้า 24 ชั่วโมง แต่หากมีการชุมนุมอย่างกะทันหัน ก็เป็นหน้าที่ของผู้บัญชาการเหตุการณ์มีอำนาจพิจารณาเงื่อนไขต่างๆ แต่ขณะนี้ไม่มีการแจ้งเข้ามาว่าจะมีการชุมนุมที่เกี่ยวข้องกับการประชุมผู้นำเอเปค แต่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจยังวางกําลังไว้ตามปกติ
เมื่อถามว่า จากกรณีที่ผู้ชุมนุมและสื่อมวลชนบางส่วนได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ปะทะกันดังกล่าว จะมีการกําชับการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ให้มีความระมัดระวังมากขึ้นหรือไม่ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กล่าวว่า ขอไปตรวจสอบรายละเอียดก่อน เพราะยังไม่ได้รับรายงานที่ชัดเจน อย่างไรก็ตาม ตนได้รับรายงานเบื้องต้นว่า มีเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับบาดเจ็บ 15 นาย ซึ่งมี 1 นายที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส และถูกนําตัวส่งโรงพยาบาล ซึ่งได้มอบหมายให้รองผบ.ตร. ไปเยี่ยมตํารวจนายดังกล่าวในวันนี้ ส่วน 14 นายที่เหลือ ได้รับยาและกลับไปรักษาตัวต่อที่บ้าน ขณะเดียวกันได้ทราบว่ามีผู้ชุมนุมได้รับบาดเจ็บ ซึ่งขอไปตรวจสอบรายละเอียดตรงนี้ก่อน
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีสํานักข่าวบางสำนักประณามการกระทำของเจ้าหน้าที่ คฝ. ที่ทำร้ายร่างกายผู้สื่อข่าว แม้จะสวมปลอกแขนแสดงตน ผบ.ตร. กล่าวว่า เรื่องของสื่อมวลชน ทางตํารวจเคยมีการยื่นเรื่องต่อศาลแพ่ง ซึ่งศาลแพ่งได้ให้แนวทางแล้วว่า ต้องมีการจัดระเบียบสื่อมวลชนในพื้นที่การชุมนุม “ทั้งนี้ต้องยอมรับว่า พื้นที่การชุมนุมในบางครั้ง มีสื่อมวลชนมากกว่าผู้ชุมนุม จึงทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจจัดระเบียบสื่อมวลชนได้ยาก ขณะเดียวกันก็มีสื่อมวลชนบางส่วนพยายามมายืนอยู่ข้างหน้ากลุ่มผู้ชุมนุม ซึ่งทําให้การทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจทําได้ยากขึ้น ซึ่งตนไม่แน่ใจว่าประเทศอื่นมีแบบนี้หรือไม่
“อย่างไรก็ตาม ขอให้สื่อมวลชนทุกคนให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตํารวจ และหากเกิดเหตุการณ์ที่ผู้ชุมนุมมีการโต้ตอบเจ้าหน้าที่หรือเกิดเหตุการณ์ที่มีลักษณะใกล้เคียงกัน ที่มีการตอบโต้หรือปะทะกับเจ้าหน้าที่ ก็ขอให้สื่อมวลชนดูแลและระมัดระวังตัวเองด้วยเช่นกัน เพราะยากที่จะควบคุม ทั้งนี้ขอให้เห็นใจเจ้าหน้าที่ตํารวจด้วย เพราะตอนนี้มีสื่อมวลชนเพิ่มขึ้นจํานวนมาก และยังมียูทูปเบอร์ ซึ่งก็มีหลายคนก็ไม่ได้อยู่ในแนวกั้นสำหรับสื่อมวลชน ดังนั้นเมื่อเกิดเหตุการณ์สำคัญ ก็อาจเกิดข้อผิดพลาดได้บ้าง ซึ่งก็ต้องเป็นไปตามหน้างาน อย่างไรก็ตาม ต้องมีการไปตรวจสอบอีกครั้งว่าใครมีความผิดหรือไม่อย่างไร” ผบ.ตร. กล่าว
เมื่อถามถึงกรณีที่มีผู้เผยแพร่คลิปวิดีโอเจ้าหน้าที่ คฝ.นายหนึ่งแสดงท่าทียั่วยุล้อเลียนผู้ชุมนุม พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กล่าวว่า ยังไม่เห็นภาพดังกล่าว แต่หากมีการกระทำเช่นนั้น ต้องมีการกําชับการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ คฝ. ที่ผ่านมามีการกําชับเจ้าหน้าที่ตํารวจทุกครั้งว่าการปฏิบัติงานต้องอยู่ในกรอบของกฎหมาย ต้องเป็นสัดส่วน ต้องเป็นไปตามเหตุและผล แต่บางครั้งหน้างานจริง การปฏิบัติงานอาจไม่เป็นดังนั้น 100 เปอร์เซ็นต์ และภาพที่ถูกเผยแพร่ออกมา อาจไม่ใช่ภาพเหตุการณ์ทั้งหมด ว่าเหตุการณ์ก่อนหน้าเป็นอย่างไร ดังนั้นจะให้ทาง บช.น. ไปตรวจสอบรายละเอียดและจัดทำไทม์ไลน์ของเหตุการณ์ทั้งหมดมาให้ตน
พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ ให้สัมภาษณ์ว่า วันนี้มาดูแลความสงบเรียบร้อย โดยวันนี้ (19 พฤศจิกายน 2565) ยังมีผู้นําเขตเศรษฐกิจเอเปคทยอยเดินทางเข้ามาภายในศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ เพื่อเข้าร่วมการประชุม คาดว่าการประชุมดังกล่าวจะเสร็จสิ้นในช่วงเที่ยง ทั้งนี้ในภาพรวมถือว่าการดูแลสถานการณ์เป็นไปด้วยความเรียบร้อย
เมื่อถามถึงเหตุการณ์ปะทะกันระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมฝูงชน (คฝ.) กับกลุ่มราษฎรหยุดเอเปค ที่บริเวณถนนดินสอ เมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา ผบ.ตร. กล่าวว่า เป็นไปตามที่โฆษกได้ให้ข่าวไปแล้ว ว่ากองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) ได้ประกาศทุกขั้นตอนการควบคุมฝูงชนให้ทางผู้ชุมนุมได้ทราบแล้ว ขณะที่การชุมนุมเป็นสิทธิตามรัฐธรรมนูญที่ประชาชนสามารถทําได้ ซึ่งกลุ่มดังกล่าวก็ชุมนุมที่ลานคนเมือง
“ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งเงื่อนไขแล้วว่าไม่อยากให้มีการเคลื่อนขบวน เพราะเกรงว่าอาจะเกิดความไม่ปลอดภัย และอาจส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของประเทศในช่วงการประชุมผู้นำเอเปค แต่กลุ่มดังกล่าวก็พยายามจะเคลื่อนขบวนออกนอกพื้นที่ ขณะที่เส้นทางที่กลุ่มดังกล่าวออกเดินก็มีความสุ่มเสี่ยง ไม่ใช่แค่เส้นทางที่มุ่งตรงมายังศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์เท่านั้น จึงมีจุดที่เจ้าหน้าที่พยายามรั้งหน่วงกลุ่มผู้ชุมนุมหลายจุดจนทำให้เกิดเหตุการณ์ปะทะกัน อย่างไรก็ตาม ตนได้มอบหมาย บช.น. ตรวจสอบข้อเท็จจริงอีกครั้ง”
เมื่อถามว่า วันนี้มีการรายงานข่าวเข้ามาบ้างหรือไม่ จะมีผู้ชุมนุมพยายามเคลื่อนขบวนมาหรือไม่ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กล่าวว่า ยังไม่มีรายงานการข่าวดังกล่าวเข้ามา ทั้งนี้ตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การชุมนุมสาธารณะกำหนดไว้ว่า การชุมนุมจะต้องมีการยื่นเรื่องขออนุญาตจากเจ้าหน้าที่ตํารวจล่วงหน้า 24 ชั่วโมง แต่หากมีการชุมนุมอย่างกะทันหัน ก็เป็นหน้าที่ของผู้บัญชาการเหตุการณ์มีอำนาจพิจารณาเงื่อนไขต่างๆ แต่ขณะนี้ไม่มีการแจ้งเข้ามาว่าจะมีการชุมนุมที่เกี่ยวข้องกับการประชุมผู้นำเอเปค แต่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจยังวางกําลังไว้ตามปกติ
เมื่อถามว่า จากกรณีที่ผู้ชุมนุมและสื่อมวลชนบางส่วนได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ปะทะกันดังกล่าว จะมีการกําชับการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ให้มีความระมัดระวังมากขึ้นหรือไม่ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กล่าวว่า ขอไปตรวจสอบรายละเอียดก่อน เพราะยังไม่ได้รับรายงานที่ชัดเจน อย่างไรก็ตาม ตนได้รับรายงานเบื้องต้นว่า มีเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับบาดเจ็บ 15 นาย ซึ่งมี 1 นายที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส และถูกนําตัวส่งโรงพยาบาล ซึ่งได้มอบหมายให้รองผบ.ตร. ไปเยี่ยมตํารวจนายดังกล่าวในวันนี้ ส่วน 14 นายที่เหลือ ได้รับยาและกลับไปรักษาตัวต่อที่บ้าน ขณะเดียวกันได้ทราบว่ามีผู้ชุมนุมได้รับบาดเจ็บ ซึ่งขอไปตรวจสอบรายละเอียดตรงนี้ก่อน
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีสํานักข่าวบางสำนักประณามการกระทำของเจ้าหน้าที่ คฝ. ที่ทำร้ายร่างกายผู้สื่อข่าว แม้จะสวมปลอกแขนแสดงตน ผบ.ตร. กล่าวว่า เรื่องของสื่อมวลชน ทางตํารวจเคยมีการยื่นเรื่องต่อศาลแพ่ง ซึ่งศาลแพ่งได้ให้แนวทางแล้วว่า ต้องมีการจัดระเบียบสื่อมวลชนในพื้นที่การชุมนุม “ทั้งนี้ต้องยอมรับว่า พื้นที่การชุมนุมในบางครั้ง มีสื่อมวลชนมากกว่าผู้ชุมนุม จึงทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจจัดระเบียบสื่อมวลชนได้ยาก ขณะเดียวกันก็มีสื่อมวลชนบางส่วนพยายามมายืนอยู่ข้างหน้ากลุ่มผู้ชุมนุม ซึ่งทําให้การทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจทําได้ยากขึ้น ซึ่งตนไม่แน่ใจว่าประเทศอื่นมีแบบนี้หรือไม่
“อย่างไรก็ตาม ขอให้สื่อมวลชนทุกคนให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตํารวจ และหากเกิดเหตุการณ์ที่ผู้ชุมนุมมีการโต้ตอบเจ้าหน้าที่หรือเกิดเหตุการณ์ที่มีลักษณะใกล้เคียงกัน ที่มีการตอบโต้หรือปะทะกับเจ้าหน้าที่ ก็ขอให้สื่อมวลชนดูแลและระมัดระวังตัวเองด้วยเช่นกัน เพราะยากที่จะควบคุม ทั้งนี้ขอให้เห็นใจเจ้าหน้าที่ตํารวจด้วย เพราะตอนนี้มีสื่อมวลชนเพิ่มขึ้นจํานวนมาก และยังมียูทูปเบอร์ ซึ่งก็มีหลายคนก็ไม่ได้อยู่ในแนวกั้นสำหรับสื่อมวลชน ดังนั้นเมื่อเกิดเหตุการณ์สำคัญ ก็อาจเกิดข้อผิดพลาดได้บ้าง ซึ่งก็ต้องเป็นไปตามหน้างาน อย่างไรก็ตาม ต้องมีการไปตรวจสอบอีกครั้งว่าใครมีความผิดหรือไม่อย่างไร” ผบ.ตร. กล่าว
เมื่อถามถึงกรณีที่มีผู้เผยแพร่คลิปวิดีโอเจ้าหน้าที่ คฝ.นายหนึ่งแสดงท่าทียั่วยุล้อเลียนผู้ชุมนุม พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กล่าวว่า ยังไม่เห็นภาพดังกล่าว แต่หากมีการกระทำเช่นนั้น ต้องมีการกําชับการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ คฝ. ที่ผ่านมามีการกําชับเจ้าหน้าที่ตํารวจทุกครั้งว่าการปฏิบัติงานต้องอยู่ในกรอบของกฎหมาย ต้องเป็นสัดส่วน ต้องเป็นไปตามเหตุและผล แต่บางครั้งหน้างานจริง การปฏิบัติงานอาจไม่เป็นดังนั้น 100 เปอร์เซ็นต์ และภาพที่ถูกเผยแพร่ออกมา อาจไม่ใช่ภาพเหตุการณ์ทั้งหมด ว่าเหตุการณ์ก่อนหน้าเป็นอย่างไร ดังนั้นจะให้ทาง บช.น. ไปตรวจสอบรายละเอียดและจัดทำไทม์ไลน์ของเหตุการณ์ทั้งหมดมาให้ตน
