เหมือนชะตาลิขิตให้ ‘บิ๊กป้อม’ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ กับ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า อยู่คู่กัน หลังรีเทิร์น พปชร. อีกครั้ง เหตุถูกขับพ้น พปชร. ไปช่วงต้นปี 2565 พร้อมกับ ส.ส.ในมุ้งผู้กอง ต้องไปสร้างรังใหม่ชั่วคราว ‘พรรคเศรษฐกิจไทย’ แค่เพียง 1 ปี ‘ธรรมนัส’ กลับคืนอ้อมอก ‘บิ๊กป้อม’ ในวันที่ ‘บิ๊กตู่’ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่เกี่ยวข้อง พปชร. โดยสมบูรณ์ หลังไปสร้างรังใหม่ ‘พรรครวมไทยสร้างชาติ’
ย้อนกลับไป ‘ธรรมนัส’ เปลี่ยนชื่อมาหลายครั้ง เดิมชื่อว่า ‘มนัส’ ก่อนเปลี่ยนเป็น ‘ยุทธภูมิ แล้ว’ เปลี่ยนกลับเป็น มนัส, พชร, ธรรมนัส เปลี่ยนนามสกุลจาก ‘โบกพรหม’ มาเป็น ‘พรหมเผ่า’ สำหรับ ‘ธรรมนัส’ เกิดที่ จ.พะเยา แต่ไปเติบโตที่ อ.เบตง จ.ยะลา และ อ.ตากใบ จ.นราธิวาส หลังได้พบกับ ‘สุรินทร์ โบกพรหม’ นักธุรกิจจากเบตง จ.ยะลา ที่เดินทางไป จ.พะเยา แล้วเจอกับ ‘ด.ช.มนัส’ ได้ถูกชะตาและรับมาเลี้ยงดู
จากนั้น ‘ธรรมนัส’ ได้เดินเข้าสู่รั้วทหาร เข้าเรียน ร.ร.เตรียมทหาร จบ ตท.รุ่น 25 และ นายร้อย จปร. รุ่น 36 มาสู่เส้นทางข้าราชการทหาร โดยในยุค ‘บิ๊กจิ๋ว’ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ผบ.ทบ. ในขณะนั้น ได้อนุมัติให้กองพันทหารราบที่ 4 กรมทหารราบที่ 1 (ร.1 พัน.4 รอ.) ขึ้นตรงต่อหน่วยบัญชาการรักษาความปลอดภัยฯ ถือเป็นยุคเริ่มต้นของการจัดหน่วยแยกเป็น ‘ทหารมหาดเล็ก’ เป็นครั้งแรก ซึ่ง ร.อ.ธรรมนัส ได้รับคัดเลือกเข้าประจำที่หน่วย ร.1 พัน.4 รอ. เป็นหนึ่งในตำนาน ‘18 อรหันต์’ ในยุคนั้น
แต่ด้วยชีวิตที่ทั้ง ‘พลิกผัน’ และ ‘โชกโชน’ จึงทำให้ ร.อ.ธรรมนัส ถูกปลดออกจากราชการถึง 2 ครั้ง เมื่อปี 2534 เนื่องจากขัดคำสั่งผู้บังคับบัญชา และปี 2536 เนื่องจากหนีราชการในเวลาประจำการ แม้จะทำเรื่องขอกลับเข้ารับราชการได้ทั้ง 2 ครั้ง แต่สุดท้าย ร.อ.ธรรมนัส ก็ต้องออกไปจากชีวิตข้าราชการทหาร
อย่างไรก็ตาม ร.อ.ธรรมนัส เคยถูก ‘ถอดยศ’ เมื่อปี 2541 ในขณะนั้นมียศ ‘ร้อยโท’ สังกัดกองบัญชาการกองทัพไทย เนื่องจากพฤติตนไม่เหมาะสมตาม พ.ร.บ.วินัยทหาร พ.ศ.2476 แต่เป็นช่วงเวลาคาบเกี่ยว ที่มีหนังสือของกระทรวงกลาโหมว่าด้วยการเลื่อนยศนายทหารสัญญาบัตร ตาม พ.ร.บ.ยศทหาร พ.ศ.2479 ในการเลื่อนยศข้าราชการทหารปี 2541 ให้เป็น ‘ร้อยเอก’
จากนั้น ร.อ.ธรรมนัส ได้ออกจากราชการทหาร ผันตัวมาทำธุรกิจด้านรักษาความปลอดภัย บริษัท ธรรมนัส การ์ด ร่วมกับ ‘เสธ.ไอซ์’ พล.อ.ไตรรงค์ อินทรทัต เคยชนะการประมูลบริหารตลาดคลองเตย ในนามบริษัท ลิเกิ้ล โปรเฟสชั่นแนล จำกัด จุดนี้ทำให้ ร.อ.ธรรมนัส เริ่มเป็น ‘ผู้กว้างขวาง’ ขึ้นมา เดินตามรอย ‘เสธ.ไอซ์’
ต่อมา ร.อ.ธรรมนัส ได้เข้าสู่ถนนการเมืองที่พรรคไทยรักไทย ทำงานด้านยุทธศาสตร์พื้นที่ กทม. ในยุคที่ ‘ทักษิณ ชินวัตร’ เป็นหัวหน้าพรรคฯ โดย ‘เสธ.ไอซ์’ เป็นเพื่อนร่วมรุ่น ตท.10 กับ ‘ทักษิณ’ เป็นจุดเริ่มต้นที่ ‘ธรรมนัส’ เริ่มรู้จักกับบรรดา ส.ส.ไทยรักไทย รวมทั้งแกนนำ นปช. ยุคเริ่มต้น โดย ‘ธรรมนัส’ ก็ได้ย้ายไปพรรคพลังประชาชนกับพรรคเพื่อไทยด้วย และได้ทำการเมืองพื้นที่ จ.พะเยา จึงรู้จักมักคุ้นกับ ‘เจ๊แดง’ เยาวภา วงศ์สวัสดิ์ ที่ดูแลพื้นที่ภาคเหนือ ในฐานะอดีต ‘เจ้าแม่วังบัวบาน’
มาในยุคที่รัฐบาลอภิสิทธิ์ ที่กรำศึกกับคนเสื้อแดง ได้มีการตั้งศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) ขึ้นมา ชื่อของ ‘ธรรมนัส’ ติดแบล็กลิสต์ลำดับต้นๆ ส่อถูกอายัดทรัพย์ เพราะถูกมองว่าเป็น ‘ท่อน้ำเลี้ยงม็อบ’ ซึ่งทางคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ป.ป.ง.) ได้เปิดโอกาสให้มาชี้แจง มาถึงยุค คสช. ทำการรัฐประหารปี 2557 ชื่อของ ‘ธรรมนัส’ ติดแบล็กลิสต์ คสช. แต่ได้รับความช่วยเหลือจาก ‘บิ๊กทหาร’ รายหนึ่ง 2 ครั้ง จึงทำให้ชื่อ ‘ธรรมนัส’ หลุดจากแบล็กลิสต์ และทำตัวโลว์โปร์ไฟล์
ช่วงปลายยุค คสช. มี ‘รุ่นพี่ทหาร’ ที่ ‘ธรรมนัส’ เคารพ ชวนมาทำ พปชร. ทำให้ชีวิตของ ร.อ.ธรรมนัส พลิกเปลี่ยนขั้ว ได้รับบทบาทสำคัญในการ ‘จัดตั้งรัฐบาล’ หนึ่งในนั้นคือการคุยกับ ‘พรรคเล็ก’ ที่มี พล.อ.ประวิตร เป็น ‘ผู้จัดการรัฐบาล’ ทำให้ชีวิตของ ร.อ.ธรรมนัส มาถึง ‘จุดสูงสุด’ เป็นถึง ‘รัฐมนตรี’ ในตำแหน่ง รมช.เกษตรฯ แต่สุดท้ายก็โดน ‘ปลดฟ้าผ่า’ โดยมือของ ‘บิ๊กตู่’ ผลพวงจากเหตุการณ์ ‘ปฏิบัติการล้มนายกฯ’ กลางสภาฯ ช่วงปลายปี 2564 ทำให้สัมพันธ์ระหว่าง ‘บิ๊กตู่-ธรรมนัส’ เป็น ‘เส้นขนาน’ ต่อกัน
ก่อนหน้านี้เคยมีกระแสข่าว ‘ธรรมนัส’ จะกลับไป ‘พรรคเพื่อไทย’ แต่ถูกสกัดจาก ‘ลูกพรรคเพื่อไทย’ เพราะจะกลายเป็น ‘ผลเสีย’ มากกว่า ‘ผลดี’ ด้วยภูมิหลัง ‘ธรรมนัส’ และติดภาพมือทำงานให้กับ ‘3ป.’ รวมทั้ง ‘เพื่อไทย’ เคยอภิปรายไม่ไว้วางใจ ‘ธรรมนัส’ ในสภาฯ ไว้อย่างหนัก โดยเฉพาะประเด็นที่กลายเป็นวาทะคำว่า “มันคือแป้ง” ด้วย หากรับ ‘ธรรมนัส’ เข้าพรรค อาจส่งผลต่อ ‘มวลชน-เอฟซี’ ที่จะเกิดความไม่พอใจได้
ดังนั้นการกลับมาของ ‘ธรรมนัส’ ครั้งนี้ ทำให้ขั้ว ‘บิ๊กป้อม’ มีคีย์แมนครบมือ โดยได้วางตัว ‘ธรรมนัส’ ดูแลพื้นที่ภาคเหนือในการเลือกตั้งครั้งนี้ การที่ ‘บิ๊กป้อม’ รับ ‘ธรรมนัส’ กลับเข้าพรรคอย่างเป็นทางการ ซึ่งที่ผ่านมา ‘บิ๊กป้อม’ ก็ใช้งาน ‘ธรรมนัส’ มาอยู่แล้ว เช่น ให้ไปลงพื้นที่แทนในนามรองนายกฯ
หากเช็กขุมกำลังฝั่ง ‘บิ๊กป้อม’ ถึงว่า ‘เต็มอัตรากำลังรบ’ โดยมี ‘บิ๊กน้อย’ พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา, วิรัช รัตนเศรษฐ ที่ดูแลการลงพื้นที่ต่างจังหวัด ‘อ.แหม่ม’ นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เหรัญญิก พปชร. ที่ดูแลพื้นที่ กทม. กับ ‘จั้ม’ สกลธี ภัททิยกุล รวมทั้ง ‘แก๊งค์สองกุมาร’ ที่กลับมา พปชร. อีกครั้ง ทั้ง ‘อุตตม สาวนายน - สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์’ ดูเรื่องเศรษฐกิจ พ่วงด้วย ‘มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์’ มือเศรษฐกิจของพรรค
รวมทั้ง ‘อันวาร์ สาและ’ กับ ‘สัญญา สถิรบุตร’ ที่มาดูแลการประชาสัมพันธ์ในเรื่อง ตัวตนของ ‘บิ๊กป้อม’ ด้วย และ ‘นิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ’ ที่มาดูแลพื้นที่ภาคใต้
ในฝ่ายกฎหมาย เช่น ไพบูลย์ นิติตะวัน รองหัวหน้า พปชร., ประสาน หวังรัตนปรานี ทีมงานรองนายกฯ รวมทั้งอดีตทหาร-ตำรวจ ที่อยู่กับ ‘บิ๊กป้อม’ มานาน เช่น ‘บิ๊กณัฐ’ พล.อ.ณัฐ อินทรเจริญ อดีตปลัดกลาโหม (ตท.20) ที่เป็นเสมือน ‘เลขานุการส่วนตัว’ ของ พล.อ.ประวิตร รวมถึง ‘บิ๊กแป๊ะ’ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา อดีต ผบ.ตร. (ตท.20) ที่มาช่วยงานพรรค พปชร. ดูแลพื้นที่ภาคอีสาน ร่วมกับ ‘บิ๊กอี๊ด’ พล.อ.ธัญญา เกียรติสาร อดีตแม่ทัพภาคที่ 2 และยังมี ‘เสธ.โย’ พล.อ.กฤษณ์โยธิน ศศิพัฒนวงศ์ กก.บห.พลังประชารัฐ ได้ชื่อว่าเป็น ‘มือห้ามเลือด’ ไม่ให้ ส.ส.ย้ายพรรค คอยโทรเช็ค ไม่ให้ ส.ส.โดนดูด
นอกจากนี้ยังมีแก๊งค์ ตท.20 ที่มี พล.อ.ณัฐ เป็นแกนนำ ได้แก่ ทั้ง ‘บิ๊กตู่เล็ก’ พล.อ.กู้เกียรติ ศรีนาคา อดีตผู้ช่วย ผบ.ทบ. และ ‘บิ๊กป้ำ’ พล.อ.นภนต์ สร้างสมวงศ์ อดีตรองปลัดกลาโหม โดยทั้งคู่อยู่กับ ‘บิ๊กป้อม’ ตั้งแต่ พล.ร.2 รอ. ทหารบูรพาพยัคฆ์
ในส่วนอดีตนายทหารที่เป็นทีมงานรองนายกฯ เช่น ‘บิ๊กนู’ พล.อ.อ.ธนู ปานสุวรรณ ‘บิ๊กจิ๋ม’ พล.อ.สุชาติ ผ่องพุฒิ อดีตเจ้ากรมสื่อสารฯ ‘บิ๊กตุ๋ย’ พล.ร.อ.พิเชฐ ตานะเศรษฐ์ อดีตรองปลัดกลาโหม พล.อ.อำนาจ รอดสวัสดิ์ อดีต ผอ.องค์การทหารผ่านศึก ‘บิ๊กโอ๋’ พล.ต.อ. ธรรมศักดิ์ วิชชารยะ เลขานุการรองนายกฯ เป็นต้น
ทั้งหมดนี้ยังไม่นับรวม ส.ส.บ้านใหญ่ ที่ยังอยู่กับ ‘บิ๊กป้อม’ ทั้ง ‘แก๊งค์สามมิตร’ คือ สมศักดิ์ เทพสุทิน, สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ และยังมี ‘บ้านใหญ่ภูธร’ อื่นๆ เช่น บ้านใหญ่เมืองสิงห์ ในนาม ‘ชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์’ บ้านใหญ่มะขามหวาน ใต้เงา ‘สันติ พร้อมพัฒน์’, บ้านใหญ่เทียนทอง, บ้านใหญ่ปากน้ำ ในนาม ‘ตระกูลอัศวเหม’ รวมทั้งบ้านใหญ่จังหวัดอื่นๆ ที่กระจัดกระจาย แม้จะมี ‘หนี’ ไปพรรคอื่นบ้าง แต่ ‘บิ๊กป้อม’ ยังเก็บบ้านใหญ่ไว้ได้ ซึ่งจุดนี้เองที่ ‘บิ๊กป้อม’ มีเหนือ ‘บิ๊กตู่’ และเหนือพรรครวมไทยสร้างชาติ
ย้อนกลับไป ‘ธรรมนัส’ เปลี่ยนชื่อมาหลายครั้ง เดิมชื่อว่า ‘มนัส’ ก่อนเปลี่ยนเป็น ‘ยุทธภูมิ แล้ว’ เปลี่ยนกลับเป็น มนัส, พชร, ธรรมนัส เปลี่ยนนามสกุลจาก ‘โบกพรหม’ มาเป็น ‘พรหมเผ่า’ สำหรับ ‘ธรรมนัส’ เกิดที่ จ.พะเยา แต่ไปเติบโตที่ อ.เบตง จ.ยะลา และ อ.ตากใบ จ.นราธิวาส หลังได้พบกับ ‘สุรินทร์ โบกพรหม’ นักธุรกิจจากเบตง จ.ยะลา ที่เดินทางไป จ.พะเยา แล้วเจอกับ ‘ด.ช.มนัส’ ได้ถูกชะตาและรับมาเลี้ยงดู
จากนั้น ‘ธรรมนัส’ ได้เดินเข้าสู่รั้วทหาร เข้าเรียน ร.ร.เตรียมทหาร จบ ตท.รุ่น 25 และ นายร้อย จปร. รุ่น 36 มาสู่เส้นทางข้าราชการทหาร โดยในยุค ‘บิ๊กจิ๋ว’ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ผบ.ทบ. ในขณะนั้น ได้อนุมัติให้กองพันทหารราบที่ 4 กรมทหารราบที่ 1 (ร.1 พัน.4 รอ.) ขึ้นตรงต่อหน่วยบัญชาการรักษาความปลอดภัยฯ ถือเป็นยุคเริ่มต้นของการจัดหน่วยแยกเป็น ‘ทหารมหาดเล็ก’ เป็นครั้งแรก ซึ่ง ร.อ.ธรรมนัส ได้รับคัดเลือกเข้าประจำที่หน่วย ร.1 พัน.4 รอ. เป็นหนึ่งในตำนาน ‘18 อรหันต์’ ในยุคนั้น
แต่ด้วยชีวิตที่ทั้ง ‘พลิกผัน’ และ ‘โชกโชน’ จึงทำให้ ร.อ.ธรรมนัส ถูกปลดออกจากราชการถึง 2 ครั้ง เมื่อปี 2534 เนื่องจากขัดคำสั่งผู้บังคับบัญชา และปี 2536 เนื่องจากหนีราชการในเวลาประจำการ แม้จะทำเรื่องขอกลับเข้ารับราชการได้ทั้ง 2 ครั้ง แต่สุดท้าย ร.อ.ธรรมนัส ก็ต้องออกไปจากชีวิตข้าราชการทหาร
อย่างไรก็ตาม ร.อ.ธรรมนัส เคยถูก ‘ถอดยศ’ เมื่อปี 2541 ในขณะนั้นมียศ ‘ร้อยโท’ สังกัดกองบัญชาการกองทัพไทย เนื่องจากพฤติตนไม่เหมาะสมตาม พ.ร.บ.วินัยทหาร พ.ศ.2476 แต่เป็นช่วงเวลาคาบเกี่ยว ที่มีหนังสือของกระทรวงกลาโหมว่าด้วยการเลื่อนยศนายทหารสัญญาบัตร ตาม พ.ร.บ.ยศทหาร พ.ศ.2479 ในการเลื่อนยศข้าราชการทหารปี 2541 ให้เป็น ‘ร้อยเอก’
จากนั้น ร.อ.ธรรมนัส ได้ออกจากราชการทหาร ผันตัวมาทำธุรกิจด้านรักษาความปลอดภัย บริษัท ธรรมนัส การ์ด ร่วมกับ ‘เสธ.ไอซ์’ พล.อ.ไตรรงค์ อินทรทัต เคยชนะการประมูลบริหารตลาดคลองเตย ในนามบริษัท ลิเกิ้ล โปรเฟสชั่นแนล จำกัด จุดนี้ทำให้ ร.อ.ธรรมนัส เริ่มเป็น ‘ผู้กว้างขวาง’ ขึ้นมา เดินตามรอย ‘เสธ.ไอซ์’
ต่อมา ร.อ.ธรรมนัส ได้เข้าสู่ถนนการเมืองที่พรรคไทยรักไทย ทำงานด้านยุทธศาสตร์พื้นที่ กทม. ในยุคที่ ‘ทักษิณ ชินวัตร’ เป็นหัวหน้าพรรคฯ โดย ‘เสธ.ไอซ์’ เป็นเพื่อนร่วมรุ่น ตท.10 กับ ‘ทักษิณ’ เป็นจุดเริ่มต้นที่ ‘ธรรมนัส’ เริ่มรู้จักกับบรรดา ส.ส.ไทยรักไทย รวมทั้งแกนนำ นปช. ยุคเริ่มต้น โดย ‘ธรรมนัส’ ก็ได้ย้ายไปพรรคพลังประชาชนกับพรรคเพื่อไทยด้วย และได้ทำการเมืองพื้นที่ จ.พะเยา จึงรู้จักมักคุ้นกับ ‘เจ๊แดง’ เยาวภา วงศ์สวัสดิ์ ที่ดูแลพื้นที่ภาคเหนือ ในฐานะอดีต ‘เจ้าแม่วังบัวบาน’
มาในยุคที่รัฐบาลอภิสิทธิ์ ที่กรำศึกกับคนเสื้อแดง ได้มีการตั้งศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) ขึ้นมา ชื่อของ ‘ธรรมนัส’ ติดแบล็กลิสต์ลำดับต้นๆ ส่อถูกอายัดทรัพย์ เพราะถูกมองว่าเป็น ‘ท่อน้ำเลี้ยงม็อบ’ ซึ่งทางคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ป.ป.ง.) ได้เปิดโอกาสให้มาชี้แจง มาถึงยุค คสช. ทำการรัฐประหารปี 2557 ชื่อของ ‘ธรรมนัส’ ติดแบล็กลิสต์ คสช. แต่ได้รับความช่วยเหลือจาก ‘บิ๊กทหาร’ รายหนึ่ง 2 ครั้ง จึงทำให้ชื่อ ‘ธรรมนัส’ หลุดจากแบล็กลิสต์ และทำตัวโลว์โปร์ไฟล์
ช่วงปลายยุค คสช. มี ‘รุ่นพี่ทหาร’ ที่ ‘ธรรมนัส’ เคารพ ชวนมาทำ พปชร. ทำให้ชีวิตของ ร.อ.ธรรมนัส พลิกเปลี่ยนขั้ว ได้รับบทบาทสำคัญในการ ‘จัดตั้งรัฐบาล’ หนึ่งในนั้นคือการคุยกับ ‘พรรคเล็ก’ ที่มี พล.อ.ประวิตร เป็น ‘ผู้จัดการรัฐบาล’ ทำให้ชีวิตของ ร.อ.ธรรมนัส มาถึง ‘จุดสูงสุด’ เป็นถึง ‘รัฐมนตรี’ ในตำแหน่ง รมช.เกษตรฯ แต่สุดท้ายก็โดน ‘ปลดฟ้าผ่า’ โดยมือของ ‘บิ๊กตู่’ ผลพวงจากเหตุการณ์ ‘ปฏิบัติการล้มนายกฯ’ กลางสภาฯ ช่วงปลายปี 2564 ทำให้สัมพันธ์ระหว่าง ‘บิ๊กตู่-ธรรมนัส’ เป็น ‘เส้นขนาน’ ต่อกัน
ก่อนหน้านี้เคยมีกระแสข่าว ‘ธรรมนัส’ จะกลับไป ‘พรรคเพื่อไทย’ แต่ถูกสกัดจาก ‘ลูกพรรคเพื่อไทย’ เพราะจะกลายเป็น ‘ผลเสีย’ มากกว่า ‘ผลดี’ ด้วยภูมิหลัง ‘ธรรมนัส’ และติดภาพมือทำงานให้กับ ‘3ป.’ รวมทั้ง ‘เพื่อไทย’ เคยอภิปรายไม่ไว้วางใจ ‘ธรรมนัส’ ในสภาฯ ไว้อย่างหนัก โดยเฉพาะประเด็นที่กลายเป็นวาทะคำว่า “มันคือแป้ง” ด้วย หากรับ ‘ธรรมนัส’ เข้าพรรค อาจส่งผลต่อ ‘มวลชน-เอฟซี’ ที่จะเกิดความไม่พอใจได้
ดังนั้นการกลับมาของ ‘ธรรมนัส’ ครั้งนี้ ทำให้ขั้ว ‘บิ๊กป้อม’ มีคีย์แมนครบมือ โดยได้วางตัว ‘ธรรมนัส’ ดูแลพื้นที่ภาคเหนือในการเลือกตั้งครั้งนี้ การที่ ‘บิ๊กป้อม’ รับ ‘ธรรมนัส’ กลับเข้าพรรคอย่างเป็นทางการ ซึ่งที่ผ่านมา ‘บิ๊กป้อม’ ก็ใช้งาน ‘ธรรมนัส’ มาอยู่แล้ว เช่น ให้ไปลงพื้นที่แทนในนามรองนายกฯ
หากเช็กขุมกำลังฝั่ง ‘บิ๊กป้อม’ ถึงว่า ‘เต็มอัตรากำลังรบ’ โดยมี ‘บิ๊กน้อย’ พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา, วิรัช รัตนเศรษฐ ที่ดูแลการลงพื้นที่ต่างจังหวัด ‘อ.แหม่ม’ นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เหรัญญิก พปชร. ที่ดูแลพื้นที่ กทม. กับ ‘จั้ม’ สกลธี ภัททิยกุล รวมทั้ง ‘แก๊งค์สองกุมาร’ ที่กลับมา พปชร. อีกครั้ง ทั้ง ‘อุตตม สาวนายน - สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์’ ดูเรื่องเศรษฐกิจ พ่วงด้วย ‘มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์’ มือเศรษฐกิจของพรรค
รวมทั้ง ‘อันวาร์ สาและ’ กับ ‘สัญญา สถิรบุตร’ ที่มาดูแลการประชาสัมพันธ์ในเรื่อง ตัวตนของ ‘บิ๊กป้อม’ ด้วย และ ‘นิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ’ ที่มาดูแลพื้นที่ภาคใต้
ในฝ่ายกฎหมาย เช่น ไพบูลย์ นิติตะวัน รองหัวหน้า พปชร., ประสาน หวังรัตนปรานี ทีมงานรองนายกฯ รวมทั้งอดีตทหาร-ตำรวจ ที่อยู่กับ ‘บิ๊กป้อม’ มานาน เช่น ‘บิ๊กณัฐ’ พล.อ.ณัฐ อินทรเจริญ อดีตปลัดกลาโหม (ตท.20) ที่เป็นเสมือน ‘เลขานุการส่วนตัว’ ของ พล.อ.ประวิตร รวมถึง ‘บิ๊กแป๊ะ’ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา อดีต ผบ.ตร. (ตท.20) ที่มาช่วยงานพรรค พปชร. ดูแลพื้นที่ภาคอีสาน ร่วมกับ ‘บิ๊กอี๊ด’ พล.อ.ธัญญา เกียรติสาร อดีตแม่ทัพภาคที่ 2 และยังมี ‘เสธ.โย’ พล.อ.กฤษณ์โยธิน ศศิพัฒนวงศ์ กก.บห.พลังประชารัฐ ได้ชื่อว่าเป็น ‘มือห้ามเลือด’ ไม่ให้ ส.ส.ย้ายพรรค คอยโทรเช็ค ไม่ให้ ส.ส.โดนดูด
นอกจากนี้ยังมีแก๊งค์ ตท.20 ที่มี พล.อ.ณัฐ เป็นแกนนำ ได้แก่ ทั้ง ‘บิ๊กตู่เล็ก’ พล.อ.กู้เกียรติ ศรีนาคา อดีตผู้ช่วย ผบ.ทบ. และ ‘บิ๊กป้ำ’ พล.อ.นภนต์ สร้างสมวงศ์ อดีตรองปลัดกลาโหม โดยทั้งคู่อยู่กับ ‘บิ๊กป้อม’ ตั้งแต่ พล.ร.2 รอ. ทหารบูรพาพยัคฆ์
ในส่วนอดีตนายทหารที่เป็นทีมงานรองนายกฯ เช่น ‘บิ๊กนู’ พล.อ.อ.ธนู ปานสุวรรณ ‘บิ๊กจิ๋ม’ พล.อ.สุชาติ ผ่องพุฒิ อดีตเจ้ากรมสื่อสารฯ ‘บิ๊กตุ๋ย’ พล.ร.อ.พิเชฐ ตานะเศรษฐ์ อดีตรองปลัดกลาโหม พล.อ.อำนาจ รอดสวัสดิ์ อดีต ผอ.องค์การทหารผ่านศึก ‘บิ๊กโอ๋’ พล.ต.อ. ธรรมศักดิ์ วิชชารยะ เลขานุการรองนายกฯ เป็นต้น
ทั้งหมดนี้ยังไม่นับรวม ส.ส.บ้านใหญ่ ที่ยังอยู่กับ ‘บิ๊กป้อม’ ทั้ง ‘แก๊งค์สามมิตร’ คือ สมศักดิ์ เทพสุทิน, สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ และยังมี ‘บ้านใหญ่ภูธร’ อื่นๆ เช่น บ้านใหญ่เมืองสิงห์ ในนาม ‘ชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์’ บ้านใหญ่มะขามหวาน ใต้เงา ‘สันติ พร้อมพัฒน์’, บ้านใหญ่เทียนทอง, บ้านใหญ่ปากน้ำ ในนาม ‘ตระกูลอัศวเหม’ รวมทั้งบ้านใหญ่จังหวัดอื่นๆ ที่กระจัดกระจาย แม้จะมี ‘หนี’ ไปพรรคอื่นบ้าง แต่ ‘บิ๊กป้อม’ ยังเก็บบ้านใหญ่ไว้ได้ ซึ่งจุดนี้เองที่ ‘บิ๊กป้อม’ มีเหนือ ‘บิ๊กตู่’ และเหนือพรรครวมไทยสร้างชาติ
