พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมต.กลาโหม เข้าปฏิบัติหน้าที่ในทำเนียบรัฐบาลในเวลา 11.00 น. โดยได้ปฏิบัติงานอยู่เพียงบนตึกไทยคู่ฟ้าเท่านั้น โดยไม่ได้เรียกบุคคลหรือหน่วยงานใดเข้าพบแต่อย่างใด
จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ ได้เดินทางออกจากทำเนียบรัฐบาลในเวลา 14.13 น. รวมเข้าปฏิบัติหน้าที่ภายในทำเนียบรัฐบาล เป็นเวลาประมาณ 3 ชั่วโมง แต่ไม่ได้กลับบ้านพักภายในกรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ (ร.1 ทม.รอ.) โดยนายกรัฐมนตรี ได้เดินทางไปลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมการเคหะคลองจั่น เขตบางกะปิ เพื่อดูโมเดลต้นแบบสนามกีฬา สร้างการมีส่วนร่วมกับประชาชน
โดยนายกรัฐมนตรี กล่าวระหว่างการลงพื้นที่เขตบางกะปิกับประชาชนในตอนหนึ่งว่า อดีตปัจจุบันและอนาคตจะต้องมีการเชื่อมโยงต่อเนื่องกันวันนี้เราอยู่ตรงกลางคือปัจจุบัน ส่วนประวัติศาสตร์จะต้องทำต่อ ทำใหม่ให้ดีขึ้น และทำปัจจุบันให้มีความสุข ส่วนอนาคต เราต้องลงทุนต่างๆ เพื่อไปสู่อนาคตรองรับการเจริญเติบโตของประเทศและบ้านเมือง ของคนภายในประเทศเราด้วย และการลงทุนต่างๆ ของเราก็มากมาย นี่คือผลจากการพูดคุยในเวทีระดับโลก ซึ่งจะมีการลงทุนกว่าหลายแสนล้านบาท นี่คือประโยชน์ที่เราต้องคุยกับเขา ซึ่งเป็นการประชุมทั้งในประเทศ ในภูมิภาค และข้ามภูมิภาค ในการประชุมเอเปค ทั่วโลกเขามาด้วย ซึ่งเป็นการทำข้อตกลงซึ่งกันและหากไม่มีข้อตกลงจะไม่สามารถเดินหน้าได้ เนื่องจากเป็นนโยบายของแต่ละประเทศ ที่ต้องสอดคล้องกัน
“เราทำวันนี้เพื่ออนาคต ในวันข้างหน้า ส่วนหนึ่งทำเพื่อเรา ส่วนหนึ่งทำเพื่อให้ลูกหลานของเราในอนาคตวันข้างหน้า แล้ววันหน้าหากย้อนกลับมาดูนี่คือประวัติศาสตร์ที่เราทำร่วมกันมาจนถึงวันที่สำเร็จตรงนั้น หากเราไม่อยู่ลูกหลานเราก็อยู่ใช่หรือไม่ อดีต ปัจจุบันและอนาคต ซึ่งทั้งหมดคือประวัติศาสตร์อีกช่วงหนึ่ง ที่เป็นรอยต่อกัน อย่าลืมประวัติศาสตร์ หากเราไม่รู้จักประวัติศาสตร์ของเรา เราจะไม่รู้ว่าเราจะรับประเทศไทยได้อย่างไร ไม่รู้ว่าเราจะรักชุมชนท้องที่ของเราได้อย่างไรเราต้องเรียนรู้ประวัติศาสตร์และผมก็เป็นคนเรียนรู้ประวัติศาสตร์ เช่นกัน” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
อย่างไรก็ตาม การลงพื้นที่ของนายกรัฐมนตรี ในวันนี้ ได้พบกับ โอ๋-ฐิติภัสร์ โชติเดชาชัยนันต์ ส.ส.กทม.เขตบางกะปิ พรรคพลังประชารัฐ อีกด้วย หลังจากก่อนหน้านี้มีกระแสข่าวจะไปอยู่กับพรรครวมไทยสร้างชาติ
ทั้งนี้ น.ส.ฐิติภัสร์ กล่าวว่า การลงพื้นที่ครั้งนี้ไม่ได้มีการแจ้งล่วงหน้า และไม่ได้มีการทาบทามให้ย้ายไปอยู่กับพรรครวมไทยสร้างชาติ และยืนยันว่าไม่มีฝ่ายเสธ.ของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐโทรศัพท์เช็กเสียงว่าจะอยู่กับพรรคต่อหรือจะย้ายไปพรรคอื่นแต่อย่างใด ซึ่งส่วนตัวยังไม่ได้ตัดสินใจอนาคตทางการเมืองว่าจะอยู่พรรคใด แต่ขอตั้งใจทำหน้าที่ ส.ส. เพื่อประชาชนก่อน
สำหรับการลงพื้นที่ของนายกรัฐมนตรีครั้งนี้เป็นการเดินทางไปแบบส่วนตัว ไม่ได้มีหมายกำหนดการล่วงหน้าและไม่ได้แจ้งให้สื่อมวลชนติดตามภารกิจแต่อย่างใด โดยเป็นการลงพื้นที่เพื่อพบปะคณะทำงานร่วมจัดกิจกรรม ระหว่างการเคหะแห่งชาติกับตัวแทนภาคประชาชน โดยคณะทำงานร่วมจัดกิจกรรมฯ นี้จัดตั้งขึ้น เพื่อกำหนดแนวทาง ขอบเขต การจัดกิจกรรม การใช้พื้นที่ วางแผนและพิจารณาพัฒนาพื้นที่สนามกีฬาคลองจั่น และการใช้สนามกีฬาคลองจั่นให้เกิดประโยชน์สูงสุดร่วมกัน ซึ่งถือเป็นพื้นที่นำร่องสร้างการมีส่วนร่วมภาคประชาชนได้มีส่วนร่วมคิด ร่วมทำ และพัฒนาพื้นที่ภายในชุมชนของตนเองร่วมกับหน่วยงานภาครัฐ
ทั้งนี้นอกจากพบปะคณะทำงานร่วมฯ และพี่น้องประชาชนภายในเคหะคลองจั่นแล้ว นายกรัฐมนตรียังได้เดินเยี่ยมตรวจสนามกีฬาคลองจั่น และได้พบปะน้องๆ ที่มาฝึกซ้อมฟุตบอลในช่วงหลังเลิกเรียนอีกด้วย
จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ ได้เดินทางออกจากทำเนียบรัฐบาลในเวลา 14.13 น. รวมเข้าปฏิบัติหน้าที่ภายในทำเนียบรัฐบาล เป็นเวลาประมาณ 3 ชั่วโมง แต่ไม่ได้กลับบ้านพักภายในกรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ (ร.1 ทม.รอ.) โดยนายกรัฐมนตรี ได้เดินทางไปลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมการเคหะคลองจั่น เขตบางกะปิ เพื่อดูโมเดลต้นแบบสนามกีฬา สร้างการมีส่วนร่วมกับประชาชน
โดยนายกรัฐมนตรี กล่าวระหว่างการลงพื้นที่เขตบางกะปิกับประชาชนในตอนหนึ่งว่า อดีตปัจจุบันและอนาคตจะต้องมีการเชื่อมโยงต่อเนื่องกันวันนี้เราอยู่ตรงกลางคือปัจจุบัน ส่วนประวัติศาสตร์จะต้องทำต่อ ทำใหม่ให้ดีขึ้น และทำปัจจุบันให้มีความสุข ส่วนอนาคต เราต้องลงทุนต่างๆ เพื่อไปสู่อนาคตรองรับการเจริญเติบโตของประเทศและบ้านเมือง ของคนภายในประเทศเราด้วย และการลงทุนต่างๆ ของเราก็มากมาย นี่คือผลจากการพูดคุยในเวทีระดับโลก ซึ่งจะมีการลงทุนกว่าหลายแสนล้านบาท นี่คือประโยชน์ที่เราต้องคุยกับเขา ซึ่งเป็นการประชุมทั้งในประเทศ ในภูมิภาค และข้ามภูมิภาค ในการประชุมเอเปค ทั่วโลกเขามาด้วย ซึ่งเป็นการทำข้อตกลงซึ่งกันและหากไม่มีข้อตกลงจะไม่สามารถเดินหน้าได้ เนื่องจากเป็นนโยบายของแต่ละประเทศ ที่ต้องสอดคล้องกัน
“เราทำวันนี้เพื่ออนาคต ในวันข้างหน้า ส่วนหนึ่งทำเพื่อเรา ส่วนหนึ่งทำเพื่อให้ลูกหลานของเราในอนาคตวันข้างหน้า แล้ววันหน้าหากย้อนกลับมาดูนี่คือประวัติศาสตร์ที่เราทำร่วมกันมาจนถึงวันที่สำเร็จตรงนั้น หากเราไม่อยู่ลูกหลานเราก็อยู่ใช่หรือไม่ อดีต ปัจจุบันและอนาคต ซึ่งทั้งหมดคือประวัติศาสตร์อีกช่วงหนึ่ง ที่เป็นรอยต่อกัน อย่าลืมประวัติศาสตร์ หากเราไม่รู้จักประวัติศาสตร์ของเรา เราจะไม่รู้ว่าเราจะรับประเทศไทยได้อย่างไร ไม่รู้ว่าเราจะรักชุมชนท้องที่ของเราได้อย่างไรเราต้องเรียนรู้ประวัติศาสตร์และผมก็เป็นคนเรียนรู้ประวัติศาสตร์ เช่นกัน” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
อย่างไรก็ตาม การลงพื้นที่ของนายกรัฐมนตรี ในวันนี้ ได้พบกับ โอ๋-ฐิติภัสร์ โชติเดชาชัยนันต์ ส.ส.กทม.เขตบางกะปิ พรรคพลังประชารัฐ อีกด้วย หลังจากก่อนหน้านี้มีกระแสข่าวจะไปอยู่กับพรรครวมไทยสร้างชาติ
ทั้งนี้ น.ส.ฐิติภัสร์ กล่าวว่า การลงพื้นที่ครั้งนี้ไม่ได้มีการแจ้งล่วงหน้า และไม่ได้มีการทาบทามให้ย้ายไปอยู่กับพรรครวมไทยสร้างชาติ และยืนยันว่าไม่มีฝ่ายเสธ.ของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐโทรศัพท์เช็กเสียงว่าจะอยู่กับพรรคต่อหรือจะย้ายไปพรรคอื่นแต่อย่างใด ซึ่งส่วนตัวยังไม่ได้ตัดสินใจอนาคตทางการเมืองว่าจะอยู่พรรคใด แต่ขอตั้งใจทำหน้าที่ ส.ส. เพื่อประชาชนก่อน
สำหรับการลงพื้นที่ของนายกรัฐมนตรีครั้งนี้เป็นการเดินทางไปแบบส่วนตัว ไม่ได้มีหมายกำหนดการล่วงหน้าและไม่ได้แจ้งให้สื่อมวลชนติดตามภารกิจแต่อย่างใด โดยเป็นการลงพื้นที่เพื่อพบปะคณะทำงานร่วมจัดกิจกรรม ระหว่างการเคหะแห่งชาติกับตัวแทนภาคประชาชน โดยคณะทำงานร่วมจัดกิจกรรมฯ นี้จัดตั้งขึ้น เพื่อกำหนดแนวทาง ขอบเขต การจัดกิจกรรม การใช้พื้นที่ วางแผนและพิจารณาพัฒนาพื้นที่สนามกีฬาคลองจั่น และการใช้สนามกีฬาคลองจั่นให้เกิดประโยชน์สูงสุดร่วมกัน ซึ่งถือเป็นพื้นที่นำร่องสร้างการมีส่วนร่วมภาคประชาชนได้มีส่วนร่วมคิด ร่วมทำ และพัฒนาพื้นที่ภายในชุมชนของตนเองร่วมกับหน่วยงานภาครัฐ
ทั้งนี้นอกจากพบปะคณะทำงานร่วมฯ และพี่น้องประชาชนภายในเคหะคลองจั่นแล้ว นายกรัฐมนตรียังได้เดินเยี่ยมตรวจสนามกีฬาคลองจั่น และได้พบปะน้องๆ ที่มาฝึกซ้อมฟุตบอลในช่วงหลังเลิกเรียนอีกด้วย
